อ่อยให้รัก(คู่หมั้นจอมเย็นชา)อัปเดตเมื่อ Mar 15, 2024, 18:51
มัตซี
“คืนนี้ไปล่ากันไหม” เสียงเฟอเพื่อนของฉันชวนออกมาหลังจากเราเดินออกจากห้องเรียน
“ไม่ได้ว่ะ วันนี้กูต้องกลับบ้าน” ฉันบอกออกไปอย่างเสียดาย เพราะวันนี้มีนัดกับคุณแม่ต้องไปทานข้าว
“เสียดายเลย เปิดเทอมวันแรกก็พลาดซะแล้ว” เสียงน้ำรินเพื่อนสนิทฉันอีกคนพูดด้วยความเสียดายไม่ต่างจากฉัน
ทำความรู้จักกันหน่อยดีกว่า ฉันชื่อ มัตซี ค่ะ ตอนนี้เรียนปี3 คณะบริหาร นิสัยฉันเป็นพวกตรงๆบวกกับหน้าที่ดูแล้วหยิ่งทำให้คนอื่นก็มองว่าฉันแรง แต่สำหรับฉันก็ปกตินะแค่อาจจะพูดตรงและชอบใช้สายตาจิกแรงแค่นั้นเอง แต่จริงๆแล้วฉันเป็นคนเฟรนลี่มากเลยนะ
ฉันเป็นลูกสาวคนเดียว ที่บ้านทำธุรกิจหลายอย่าง คุณพ่อคุณแม่รักและตามใจฉันมาก ส่วนสองคนเมื่อกี้ก็เพื่อนสนิทฉันเองแหละ นิสัยก็เหมือนๆกัน ไม่งั้นคบกันไม่ได้หรอก เราคบกันมาตั้งแต่มัธยมปลายทำให้สนิทกันมากและซี้กันสุดๆ
“อร้ายยย หล่ออ่ะแก”
“พี่มีคุณก็แบด!”
“พี่มิวเรย์ก็ทะเล้น น่ารัก!”
“พี่ยิมทั้งเท่ห์ทั้งหล่อ!”
“ของฉันๆๆ”
ระหว่างที่พวกฉันนั่งคุยกันอยู่ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงจากรอบข้างกรี๊ดกร๊าดร้องออกมาเหมือนเห็นอปป้าบินตรงมาลงที่มหาลัยและแย่งกันว่าใครเป็นของใคร ทำให้พวกฉันต้องหันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะรู้ว่ากลุ่มคนที่เดินผ่านไปเมื่อกี้สำหรับในมหาลัยแล้วก็ไม่ได้ต่างอะไรกับมีอปป้ามาเลย
“ตื่นเต้นกันจังเลยนะ เดี๋ยวแม่จะเอามาควงให้หมดเลย” ฉันพูดออกไปอย่างหมั่นไส้
“ถ้าเป็นพี่มิวเรย์กับพี่มีคุณอาจจะง่าย แต่กับพี่ยิมนี่มึงคงแห้งตายก่อนอ่ะ” ยัยเฟอพูดก่อนจะหัวเราะออกมา แต่ฉันไม่ว่ามันหรอก เพราะพี่ยิมอะไรเนี่ยใครๆก็รู้ว่าเข้าพ่อน้ำแข็ง เห็นนิ่งๆแต่กินผู้หญิงเรียบนะจ๊ะ แต่ก็นั่นแหละผู้หญิงที่เค้าจะกินเค้าต้องเลือกเองจ้า อีกทั้งครั้งเดียวแยกใช้แล้วไม่ใช้ซ้ำ และไม่จริงจังกับใคร
“คอยดูเถอะ ต้องมีสักวันที่กูจะทำให้พี่ยิมเป็นของกูให้ได้” ฉันตอบยัยเฟอออกไปด้วยรอยยิ้มและแววตาที่มุ่งมั่นและมั่นใจ
“มึงบอกประวัติมันหน่อยสิ” แล้วยัยเฟอก็หันไปพูดกับยัยน้ำริน ซึ่งยัยนี่เป็นดั่งgoogleของกลุ่ม รอบรู้ทุกเรื่องของคนในมหาลัย เรื่องอะไรที่ว่าใหม่ เรื่องอะไรที่ว่าหลับ แต่ยัยน้ำรินก็สามารถสืบมาได้ทุกอย่างที่อยากรู้
“ยิมรูปหล่อ พ่อโคตรรวย เคยมีแฟนมาหนึ่งคนตอนมัธยม แต่แล้วผู้หญิงคนนั้นก็บอกเลิกด้วยเหตุผลอะไรสักอย่างก็ไม่รู้ก่อนจะไปเรียนต่อต่างประเทศ...” แล้วยัยน้ำรินก็นั่งสาธยายประวัติของพี่ยิมให้ฉันฟัง
“ก็แค่แฟนทิ้ง ไม่เห็นต้องฝังใจขนาดนี้ปะวะ” เมื่อฉันได้ฟังเรื่องของหมอนั่นอย่างละเอียดฉันก็พูดออกมาอย่างไม่เข้าใจ เป็นผู้ชายซะเปล่าแค่นี้ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้
“พี่เค้าอาจจะเป็นพวกจริงจังกับความรักมากไงมึง” ยัยเฟอพูด
“หึ ปัญญาอ่อน งั้นกูกลับและ” ฉันบอกมันออกไปอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะลุกเดินออกเพื่อกลับบ้าน แต่ฉันยอมรับว่าผู้ชายคนนี้น่าสนใจมากคนหนึ่ง ยิ่งดวงตาที่นิ่งๆของเค้ามันกลับยิ่งดึงดูดผู้หญิงได้เป็นอย่างดี ฉันเริ่มอยากจะรู้แล้วสิว่าจะยากแค่ไหน
ยิม
“คืนนี้ว่าไงวะไอ้ยิม” ไอ้มีคุณถาม
“แล้วแต่” ผมบอกมันไปเพราะผมยังไงก็ได้
“งั้นกูให้ไอ้บาสไปแทนแล้วกัน” ไอ้มิวเรย์พูดออกมา
“อืม” ผมตอบกลับไปแล้วนั่งเล่นเกมส์ต่อไม่สนใจพวกมัน
ผม ยิม ปี4 วิศวะยานยนตร์ นิสัยก็อย่างที่ทุกคนรู้ไปนั่นแหละ เมื่อก่อนผมก็เป็นคนนิ่งๆแบบนี้แต่มันมีเหตุที่ทำให้ผมต้องนิ่งกว่าเดิมเพราะเหตุผลบางอย่าง
ผมเป็นลูกชายคนเล็กของบ้าน ที่บ้านมีธุรกิจเป็นของตัวเองหลายอย่างทั้งในและนอกประเทศ พ่อแม่ก็ไม่ค่อยเข้มงวดเท่าไหร่(บางเรื่อง) ตอนนี้ผมหุ้นกับเพื่อนเปิดผับและสนามแข่งรถ
“งั้นคืนนี้ไปผับกัน” ไอ้มิวเรย์พูดอย่างดี้ด้า ไม่ใช่อะไรหรอก แต่มันจะไปดูเด็กปีหนึ่งเข้าใหม่ไง
“อย่าคิดว่ากูไม่รู้ความคิดมึง” ไอ้มีคุณพูดออกมา
“อย่ามาทำพูดมากเลย หรือว่าพวกมึงไม่สน” ไอ้มิวเรย์ตอบ ไอ้มีคุณไหวไหล่ให้ซึ่งก็รู้คำตอบของมันดี
“ไอ้ห่า แล้วทำมาว่ากู” ไอ้มิวเรย์พูดออกมาอย่างหมั่นไส้
“แล้วมึงว่าไง ไปไหม” ไอ้มีคุณหันมาถามผม
“อืม” ไม่รู้แม่งจะถามทำไมมากมาย ยังไงก็ต้องไปอยู่แล้วไหมวะ จริงๆคืนนี้แม่ผมนัดให้ไปทานข้าวด้วย แต่ผมรู้ว่าท่านจะพูดเรื่องอะไรแล้วผมก็ขี้เกียดไปไง เลยบอกว่าติดธุระ
“พูดให้มากกว่านี้หน่อยก็ได้ไอ้สัส นี่เพื่อนนะครับ” ไอ้มิวเรย์พูด
“มึงยังไม่ชิน?” ไอ้มีคุณถามไอ้มิวเรย์
“ไม่เว้ย!” ไอ้มิวเรย์ตอบกลับ ผมหันไปมองมันนิ่งๆ
“เออ ชินก็ได้วะ” ไอ้มิวเรย์ร้องออกมาอีกครั้งทันที
มัตซี
“สวัสดีค่ะคุณลุง คุณป้า” หลังจากฉันกลับมาถึงบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ลงมาด้านล่างเพื่อทานข้าวกับคุณพ่อคุณแม่ แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นเพื่อนสนิทของคุณพ่อคุณแม่นั่งรออยู่ที่โต๊ะด้วย ก็พวกท่านไม่ได้บอกว่าจะมีแขกนี่
“สวัสดีจ้ะหนูซี ป้าไม่เจอนาน สวยขึ้นเป็นกองเลยนะลูก” คุณป้ามณีรัตน์พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณค่ะคุณป้า” ฉันตอบกลับท่านไปด้วยรอยยิ้ม จริงๆฉันก็ไม่ได้สนิทกับท่านหรอก เคยเจออยู่ไม่กี่ครั้ง เพราะฉันไม่ค่อยได้อยู่บ้านและเข้าสังคมกับคุณแม่ แต่ก็พอรู้มาบ้างว่าคุณป้าเป็นเพื่อนสนิทกับคุณแม่มาก
หรือจะพูดให้ถูกคือตอนวันรุ่นคุณแม่กับคุณป้าเป็นเพื่อนสนิทกัน แล้วคุณพ่อกับคุณลุงก็เป็นเพื่อนสนิทกัน ทีนี้ก็มาจีบสาวกลุ่มเดียวกัน ก็เลยได้เป็นเพื่อนสนิทกันทั้งพ่อทั้งแม่แบบนี้ไง(อันนี้ฟังจากที่คุณแม่เคยเล่าให้ฟังเมื่อนานมาแล้วนะ)
“งั้นทานข้าวกันก่อนดีกว่านะ เราจะได้คุยเรื่องสำคัญกัน” คุณพ่อพูดขึ้นทำให้เราทุกคนเริ่มทานอาหารมื้อเย็นกัน แต่ฉันไม่รู้ว่าเรื่องสำคัญคืออะไร ถ้าเกี่ยวกับฉันแล้วทำไมคุณพ่อคุณแม่ไม่เห็นบอกอะไรไว้ก่อน แต่จะว่าไม่เกี่ยวกับฉันก็ไม่น่าใช่เพราะอยู่ๆคุณแม่ให้กลับมาบ้านเพื่อทานข้าวแบบนี้ แต่ช่างเถอะกินเสร็จก็คงรู้แหละ
หลังจากผ่านของคาวและของหวานเรียบร้อย ตอนนี้พวกเราทุกคนก็ย้ายทัพมาที่ห้องนั่งเล่นเพื่อคุยเรื่องสำคัญอะไรก็ไม่รู้
“คือแบบนี้นะลูกหนูก็รู้ว่าคุณป้ากับคุณลุงสนิทกับครอบครัวเรามากตั้งแต่พ่อกับแม่ยังหนุ่มสาวจนถึงทุกวันนี้”
“ทราบค่ะ” ฉันตอบคุณแม่ไป
“แม่กับคุณป้าเราได้คุยเรื่องนี้กันไว้ตั้งแต่หนูเล็กๆ