ตอนที่ 11
เถาม่านหลิวไม่เอ่ยอันใดพลางสะบัดแขนเสื้อจากการกอบกุมของสามีดังพรึบ แล้วเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้อย่างสง่างามเช่นนางพญาหงส์ที่กำลังสยายปีก ใบหน้าที่นิ่งเรียบแผ่กลิ่นอายชวนอึดอัด เมื่อครู่ที่พี่ชายเอ่ยออกมาเหมือนว่าจะปกป้องสตรีผู้นี้หรือดี ดีมากเช่นนั้นโดนทั้งคู่ก็แล้วกัน
เสี่ยวถานก้าวเข้ามายืนด้านหลังของเก้าอี้องค์หญิงประทับนั่งพร้อมเสี่ยวเถาเช่นกัน หมดหน้าที่ของพวกนางแล้ว ต่อแต่นี้ก็คือองค์หญิงจะจัดการเองแล้วแหละ ไม่นานมือเรียวที่พันผ้าไว้ก็ป้องปากเอ่ยกระซิบกระซาบกับสาวใช้ทั้งสอง และสาวใช้ก็รีบเร่งออกไปอย่างรวดเร็ว และคาดว่าคงไม่แคล้วไท่จื่อโดนดีแน่งานนี้
ส่วนท่านแม่ทัพที่นั่งลงเคียงคู่กันกับภรรยาพลางจับมือเรียวบางขึ้นมามองดูแล้วช่างน่าสงสารเสียจริงมือยังไม่หายดีแล้ววันนี้ยังมีเลือดไหลซึมออกมา เมื่อคืนก็ตัวร้อนเพราะพิษไข้ เช้านี้ยังอุตส่าห์มาก่อความวุ่นวายให้พี่ชายอีก มีภรรยาเช่นนี้นับว่ามีสีสันมากมายจนบรรยายไม่หมดเสียจริง
มือหนากอบกุมมือเรียวอย่างทะนุถนอม สายตาของท่านแม่ทัพก็จับจ้องใบหน้าที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตาของสาวใช้ผู้ที่มีใบหน้าบวมช้ำที่แก้มสองข้าง นางช่างออดอ้อน น่ามั่นไส้เสียจริง “ภรรยารักเจ็บมากหรือไม่” เสียงอ่อนโยนมากกว่าใบหน้าที่ปิดด้วยหน้ากากปีศาจสีแดงที่น่ากลัว หวาดเกรงกับทำให้สาวใช้ที่มีน้ำตานั้นหยุดไหลล่วงทันที
เสี่ยวชิงได้ยินถ้อยคำหวานที่ออกจากปากบุรุษที่โหดเหี้ยมที่สุดของแคว้น ไม่คิดว่าเขานั้นช่างใส่ใจภรรยาผู้นี้ ถ้อยคำแค่นี้ที่เอื้อนเอ่ยก็ดูว่าห่วงใยขนาดไหน แต่ไท่จื่อมิเอ่ยถามสิ่งใดนางสักคำเลยเพียงแค่ปลายสายมองนางเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น
เสี่ยวชิงทรุดกายนั่งลงคุกเข่ากับพื้น “องค์หญิงประทานอภัยให้เสี่ยวชิงด้วยเพคะ” เสียงสั่นเครือเอื้อนเอ่ยติดขัด น้ำตาที่ล่วงไหลรินลงมาราวกับไข่มุกนั่นก็ทำให้ดูน่าสงสารยิ่งนัก
องค์หญิงผู้งดงามนั่งนิ่งมิกล่าวสิ่งใด ‘ได้ในเมื่อพี่ชายเข้าข้างสาวใช้ผู้นี้เช่นนั้นน้องจะจัดให้ท่านชุดใหญ่’ ใบหน้าหวานล้ำยกยิ้มที่มุมปาก ส่วนสามีคิ้วกระตุกไปหลายที คาดว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้ไม่อาจจะสงบสุขเสียแล้ว ส่วนพี่ชายหรือไท่จื่อก็นั่งประทับข้างๆ กับน้องสาว พระเนตรเหลือบมองที่มือเรียวสองข้างพันด้วยผ้าสีขาว แต่ดูเหมือนว่าจะมีจุดสีแดงไหลซึมออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“น้องหญิงบาดเจ็บหรือ” คำเอ่ยที่ห่วงใยได้เอ่ยออกไปหาน้องสาวที่เขานั้นเลี้ยงดูตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ เพราะว่าพระมารดาทรงนำองค์หญิงน้อยเข้าออกตำหนักตั้งแต่อายุเพียง ได้แค่เดือนเศษเท่านั้น เขาและน้องรองจึงรักเจ้าก้อนแป้งนุ่มนิ่มมาก ไม่คิดว่ายิ่งโตยิ่งร้ายกาจเช่นนี้ เป็นเพราะพวกเขาแท้ๆ ที่ทำตามใจน้องน้อยคนนี้มากเกินไป
“ไหนๆ ใครทำน้องสาม ข้าจะกุดหัวมันเสีย” องค์ชายรองวิ่งปรี่เข้ามาในมือถือดาบอ่อนวิ่งหน้าตั้งไม่สนใจใครทั้งนั้น เขาหมายจะจัดการผู้ที่บังอาจรังแกน้องสาวของเขา
“พี่รอง ฮือๆๆ” เสียงหวานเอ่ยเรียกพี่รองพร้อมน้ำตาแห่งความอัดอั้นเสียใจก็พรั่งพรูออกมา นางโผกอดพี่รองจนองค์ชายรองทิ้งดาบอ่อนลง สวมกอดน้องสาวแล้วเอ่ยปลอบอย่างอ่อนโยน สายตาแค้นเคืองใครกันที่ทำให้น้องสาวของเขาต้องเสียใจเช่นนี้
“น้องสามนิ่งเสีย พี่อยู่ที่นี่ทั้งคน เสด็จแม่ก็มาด้วยแต่ยังไม่ถึงพี่เป็นห่วงจึงได้รีบมาก่อน” เขาว่าพลางประคองน้องน้อยของเขานั่งลงที่เก้าอี้ตัวใหม่ สายตาสำรวจทั้งพี่ใหญ่และน้องเขย ทั้งคู่ต่างมีสีหน้าไม่สู้ดี พากันยิ้มแหยๆ มาให้
“ลูกแม่ใครช่างกล้าทำร้ายเจ้า เจ้าหรือบุตรเขย หรือเจ้า ไท่จื่อ” พระวรกายอันสูงส่งได้ก้าวย่างอย่างรวดเร็วและได้ยินเสียงบุตรีคนเล็กร้องไห้ออกมา หัวใจแม่ผู้นี้ก็เจ็บปวดยิ่งนัก ถึงไม่ได้คลอดนางออกมาเองแต่ก็เลี้ยงดูนางจนเติบโตเช่นนี้ ไม่รักไม่ผูกพันหรือไร
“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่” “ถวายบังคมเพค่ะฮองเฮา” เสี่ยวชิง รีบถวายความเคารพทันที ร่างบางของนางก็ทรุดลงอย่างไร้เรี่ยวแรง มิคิดว่าเรื่องจะใหญ่โตเช่นนี้ แล้วนางจะทำอย่างไรดี มีแต่ตายกับตายกระมัง เสียงร้องไห้ คร่ำครวญออกมาไม่หยุดหย่อนร่ำร่ำร้องขอเมตตาความเมตตาจากฮองเฮา
ตำหนักพยัคฆ์ขาว ของไท่จื่อ
ภายในห้องโถงกลางพระตำหนักของไท่จื่อ สตรีสูงศักดิ์พระมารดาของกงจู่เถาม่านหลิวนั้นพระพักตร์มิได้แย้มยิ้มสักนิด มีผู้ที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้วยกันสามคนก็คือ ไท่จื่อ แม่ทัพเทียนหมิง และเสี่ยวชิงสาวใช้ขององค์ไท่จื่อ ที่กล้าตีตัวเสมอมิหวั่นเกรงกลัวต่อองค์หญิงของแค้วนเช่นองค์หญิงเถาม่านหลิว
บัดนี้พี่รองนั้นกอดปลอบประโลมน้องน้อยจนนางนั้นเงียบมีเพียงเสียงสะอึกสะอื้นเล็กน้อยเท่านั้น นางร้องไห้จริงๆ หรือ เปล่าสักนิดนางเพียงเล่นงิ้วเท่านั้นบวกกับความน้อยใจที่พี่ใหญ่ดุนางเสียงดังเพราะสาวใช้ผู้นี้ เช่นนั้นน้ำตาของนางจึงร่วงหล่นเป็นเม็ดราวกับไข่มุกร่วงหล่นจากดวงตาหงของนาง
พี่รอง และพี่ใหญ่ต่างพากันหน้าถอดสีที่เห็นน้องน้อยนั้นร้องไห้ออกมา ส่วนสามีของนางนั้นหรือหน้าซีดเล็กน้อยเพราะเป็นห่วงภรรยามากกว่า เขารู้ว่าภรรยามิมีทางร้องไห้กับเรื่องเพียงแค่นี้หรอก เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น แต่เรื่องใหญ่ที่จะตามมาคือ สาวใช้ผู้นี้ต่างหากจะต้องถูกลงโทษอย่างสาสมเป็นแน่
“ว่าอย่างไรไท่จื่อ ให้ท้ายนางกำนัลมิเกรงกลัวองค์หญิงพูดจาลบหลู่เกียรติของน้องสาวเจ้าได้เช่นนั้นหรือ หากเป็นเช่นนั้นจริงคงเหยียบหัวของข้า มารดาแผ่นดินรวมถึงฮ่องเต้แล้วกระมัง” พระมารดาขององค์หญิงหรือ ฮองเฮาหานหนิงฮวาได้ตรัสออกมา ทำให้เสี่ยวชิงนั้นร้องไห้ โขกศีรษะลงกับพื้นไปหลายครั้ง
“บ่าวมิกล้าเพค่ะ ฮองเฮาโปรดไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วยเพค่ะ” เสี่ยงคร่ำครวญร่ำไห้ปานจะขาดใจตาย พร้อมน้ำตาที่หยดลงเป็นสายร่วงหล่นหยดแล้วหยดเล่า ก็มิมีใครกล้ากล่าวช่วยเหลือนางสักคำ แม้แต่ครึ่งคำยังมิมีผู้ใดกล้าเอื้อนเอ่ย
“เสด็จแม่” ไท่จื่อที่คุกเข่ายกมือประสานขึ้นกำลังจะเอื้อนเอ่ยนั้นถูกสีหน้าส่งความจากน้องเขยให้หยุดคำพูดเสียมิเช่นนั้น เกรงว่าโทษะที่ฮองเฮามีไท่จื่ออาจจะรับไม่ไหวก็เป็นได้ เช่นนั้นไท่จื่อจึงได้เพียงหยุดคำพูดและการกระทำของตนเอง สีพระพักตร์ของไท่จื่อก็มิสู้ดีนัก