ตอนที่ 10

1240 คำ
ตอนที่ 10 “เจ้าค่ะ” นางตอบรับพลันจะเดินหนี “เดี๋ยวก่อน เจ้าพูดกับข้าเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ข้าเป็นถึงองค์หญิงของแคว้นแถมเป็นองค์หญิงขั้นหนึ่งเสียด้วยซ้ำ” เถาม่านหลิวเอ่ยขึ้นพลางนั่งมองดูสตรีที่ถือตัวว่าเป็นที่โปรดปรานของพี่ใหญ่นาง “ก็ท่านแต่งงานกับแม่ทัพไปแล้วก็เป็นเพียงฮูหยิน ข้าพูดอันใดผิดไปหรือเจ้าคะ” เสี่ยวชิงเอ่ยขึ้น นางคิดว่าอย่างไรเสียไท่จื่อก็ต้องเข้าข้างนางแน่นอน เพราะนางได้รับความโปรดปรานมากกว่าไท่จื่อเฟย “เสี่ยวเถาไปแจ้งกงกงให้เสด็จพี่กลับตำหนักด่วน” เถาม่านหลิวเอ่ยกล่าวแก่เสี่ยวเถา นางคิดจะจัดการสตรีเช่นเสี่ยวชิงให้รู้เสียทีว่า นางคือใครและเสี่ยวชิงผู้นี้คือใคร ตีตัวเสมอนางเช่นนั้นหรือ เดี๋ยวจะได้รู้ “เพคะ” เสี่ยวเถาขานรับพลางรีบเร่งทำตามที่องค์หญิงสั่ง ‘เดี๋ยวจะได้รู้กันว่าใครแน่กว่าใคร ระหว่างเจ้ากับข้าที่เป็นองค์หญิง’ หน้าตำหนักทรงงาน ห้องประชุมเหล่าขุนนาง ร่างบางของเสี่ยวเถาสาวใช้ที่แต่งกายด้วยชุดบุรุษสีดำ รวบผมสวยเกล้าขึ้นสูงปักด้วยปิ่นทองเพียงอันเดียว ด้วยใบหน้าที่คล้ายบุรุษ นิ่งเรียบ มิแต่งแต้มให้สวยงามเช่นสตรีนางอื่น ผู้ใดได้พบเห็นก็มักจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นบุรุษด้วยกันทั้งนั้น แต่หากได้เอ่ยสนทนาด้วยแล้วจะมีน้ำเสียงที่หวานนุ่มเช่นสตรี หากเมื่อไหร่ที่นางแย้มยิ้มละก็อาจจะพังหัวใจของบุรุษน้อยใหญ่ก็เป็นได้ ด้วยใบหน้าที่คล้ายบุรุษที่หล่อเหลาคมคาย หากเมื่อพิศมองให้ดีแล้วละก็ย่อมเป็นสตรีงามผู้หนึ่งก็เป็นได้ ห้องประชุมก็กำลังเคร่งเครียดกันอยู่ไม่น้อยเนื่องด้วยว่าอีกสามวันองค์หญิงน้อยแคว้นชิงจะมาพำนัก นางเป็นเชลยของแคว้นหานแห่งนี้ แต่ดูท่าว่าองค์หญิงผู้นี้จะเรียบร้อย อ่อนหวาน เช่นสตรีทั่วไปหรือ ก็ยากจะคาดเดาได้ แต่ทั้งวังหลวงก็ได้จัดตำหนักไม่เล็กไม่ใหญ่ไว้ให้ องค์หญิงผู้นี้แล้ว ไม่นานราวสักหนึ่งก้านธูปทั้งหมดในห้องประชุมต่างทยอยกันออกมา ไท่จื่อเสด็จออกมาพร้อมท่านแม่ทัพฟางเทียนหมิง สามีของเถาม่านหลิว หรือองค์หญิงเถาม่านหลิว (หานม่านหลิว) ทั้งคู่ก็เลิกคิ้วอย่างสงสัย ว่าเหตุใดองครักษ์น้อยผู้นี้ถึงได้ยืนรอคอยใครบางคน “ถวายบังคมเพคะ ไท่จื่อ” เสี่ยวเถาเอ่ยพลางยอบกายลงเช่นสตรี “องค์หญิงทูลเชิญที่พระตำหนักเพคะ” เสี่ยวเถาแจ้งความประสงค์แก่ ไท่จื่อ ที่ดูว่าทำท่างุนงง “ตำหนักไหน” ไท่จื่อตรัสถาม มิใช่ว่าน้องน้อยของเขามาเอาเรื่องกระมัง เขาผินหน้ามองศีรษะสหายรัก หรือน้องเขยผู้นี้ก็อดที่จะเวทนาสงสารหรือสมน้ำหน้าดีเล่า แต่งงานทั้งทีดันได้แม่เสือไปครอบครองเสียอย่างนั้น และเมื่อคืนก็ช่างสาแก่ใจเขาเสียจริงที่น้องเขยผู้นี้ได้กล่าวว่า จะไปจัดการน้องสาวสั่งสอนให้หลาบจำเข็ดหลาบแต่เหตุใดเป็นตัวเองบาดเจ็บเช่นนี้ “ทูลไท่จื่อ ตำหนักของไท่จื่เพคะ” เสี่ยวเถาเอ่ยกล่าวอีกครั้ง ทางด้านแม่ทัพนั้นก็ดูนิ่งงันไปชั่วขณะ เขาคงจะคาดไม่ถึงว่าภรรยามาเอาเรื่องพี่ชายถึงนี้ เวรกรรมอันใดหนอ คราวนี้เขาคงต้องโดนพี่ชายกลั่นแกล้งอีกเป็นแน่ เพราะภรรยาตัวน้อยที่นับวันยิ่งเหมือนนางพยัคฆ์เข้าไปทุกที สีหน้าของบุรุษทั้งสองไม่สู้ดีนัก ได้แต่เร่งฝีเท้าไปยังตำหนักก็เท่านั้น “เสี่ยวชิงเจ้าคิดว่าได้รับความโปรดปรานแล้วจะกล่าวอันใดก็ได้หรือ” ผู้นั่งเก้าอี้หนานุ่ม มือเรียวข้าหนึ่งยกถ้วยชาขึ้น พลางสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ลอยแตะจมูก สีหน้าที่นิ่งเรียบ ดวงตาหงไม่มองเสี่ยวชิงด้วยซ้ำไป ขาข้างหนึ่งถูกทาบทับด้วยอีกข้าง คล้ายๆ นางนั่งอย่างสบายใจ มือเรียวบางใช้นิ้วชี้ค่อยๆ ลูบไล้เป็นวงกลมบนขอบถ้วยชาใบเล็ก “แล้วอย่างไร ท่านจะทำอันใด ขนาดไท่จื่อเฟยยังมิกล้า” เสี่ยวชิงผู้ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงหยิ่งผยองพองขน ถือดียิ่งนัก นางไม่ได้นั่งลงแต่ยืนค้ำศีรษะองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ เสี่ยวถานองครักษ์หญิงอีกคนที่สวมใส่อาภรณ์สีดเหมือนกัน ใบหน้าละม้ายคล้ายกันกับผู้เป็นพี่สาว ถ้วยชาในมือของเถาม่านหลิวก็ถูกปาออกไปยังศีรษะของผู้ที่ไม่รู้เรื่องธรรมเนียมการปฏิบัติต่อเชื้อพระวงศ์เช่นเสี่ยวชิง เสี่ยวชิงร้องโวยวาย หมายจะเข้ามาทำร้ายเถาม่านหลิว มีหรือว่านางจะนั่งอยู่เฉยๆ ให้เสี่ยวชิงกระทำผิดแล้ว เสี่ยวถานองครักษ์หญิงฝีมือล้ำเลิศก็ก้าวมาขัดขวางเสี่ยวชิงไว้ไม่ให้ลงมือกับองค์หญิง มือเรียวทั้งสองของนางถูกเสี่ยวถานรวบรัดจับไพล่ไว้ด้านหลัง จนสาวใช้ผู้นี้พยายามดิ้นรนขัดขืน เอ่ยถ้อยคำบาดหูออกมาอย่างต่อเนื่อง กร่นด่าสารพัดเท่าที่จะทำได้ เถาม่านหลิวมีหรือจะยอมเพียงแค่แย้มยิ้มนั่งนิ่งเมื่อครู่ ขาข้าหนึ่งที่ทาบทับอีกข้างไว้ก็ก้าวลุกขึ้นยืนอย่างทรงนงตน ก้าวย่างอย่างสง่างาม จากนั้น มือเรียวที่พันผ้าสีขาวไว้ก็ฟาดเข้าที่ใบหน้าของเสี่ยวชิงไปหลายครั้ง สร้างความเจ็บปวดให้แก่เสี่ยวชิงอีกทั้งตัวนางเช่นเดียวกัน หากว่านางไม่ลงมือเองเสี่ยวชิงสาวใช้ผู้นี้ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงและโทษก็คงจะมีเพียงประหารเท่านั้นที่เอ่ยวาจาจาบจ้วงเบื้องสูงเช่นนาง แต่ก่อนจะถูกลงโทษประหารนั้นก็ขอเล่นสนุกกับสาวใช้ผู้ไม่เจียมสังขารนี้สักหน่อยเถิด “ฮูหยินฟางข้าน้อยผิดไปแล้ว องค์หญิงเพคะหม่อมฉันผิดไปแล้วได้โปรดอภัยให้บ่าวผู้ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำด้วยเถิดเพค่ะ” เสี่ยวชิงก็พรั่งพรูคำเอ่ยกล่าวออกมาอย่างไม่คิดจะลดละเลยสักนิด ตอนนี้นางเริ่มหวาดกลัวแล้ว กับคำร่ำลือที่ว่าองค์หญิงผู้นี้นั้นจัดการท่านแม่ทัพเสียอยู่หมัด แล้วนางเป็นเพียงแค่สาวใช้กลับบังอาจพูดจาล่วงเกิน เช่นนั้นก็คงไม่อาจจะมีชีวิตอยู่จนถึงพรุ่งนี้ก็เป็นได้ เสี่ยวชิงจึงยอมจำนนพลางของความเมตตาเท่าที่จะทำได้ นางอยากมีชีวิตอยู่เพื่อวันพรุ่งนี้และต่อๆ ไปไม่อยากจบชีวิตลงอย่างไม่มีใครรู้ใครเห็น “น้องหญิงหยุดเดี๋ยวนี้นะ” ไท่จื่อที่มาทันท่วงทีรีบเอ่ยออกไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่หล่อเหลาก็บึ้งตึงขึ้นมาหลายส่วน เพราะเมื่อมองใบหน้าของสาวใช้อุ่นเตียงผู้ที่สร้างความสำราญให้เขานั้นได้รับบาดเจ็บ  พวงแก้มที่เขาชอบก็บวมช้ำเป็นสีม่วงเสียแล้ว อีกทั้งมุมปากก็มีโลหิตไหลออกมาให้เห็น เขาเจ็บปวดใจยิ่งนักที่น้องสาวของเขากล้าลงไม่ลงมือกับสาวใช้ผู้นี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม