บทที่ 4 หลอกหลอน 1

997 คำ
ปัจจุบัน… วินาทีแรกที่ภัควรินทร์เห็นเขายืนอยู่ไกล ๆ เมื่อเย็นวาน เธอแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองและต้องตั้งสติอยู่นานกว่าจะมั่นใจว่าไม่ได้ฝัน พอเดินเข้าไปใกล้ภาพในอดีตก็ปรากฏชัดขึ้นในความทรงจำ ย้ำเตือนให้นึกถึงข้อผิดพลาดเมื่อห้าปีก่อนที่ทำให้เธอโกรธจนแทบร้องไห้ออกมา หลังจากข่มอารมณ์ไม่ให้อาละวาดพักใหญ่ ภัควรินทร์จึงแสร้งเข้าไปทักทายเพราะอยากรู้ว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร เอ่ยทักทายตามประสาคนเคยรู้จัก หรือแก้ตัวว่าทำไมถึงหายไปทั้ง ๆ ที่บอกเป็นนัยว่าจะสานสัมพันธ์กันต่อ แต่คำตอบที่ได้กลับทำให้เธอหมั่นไส้ผู้ชายใจร้ายมากเสียยิ่งกว่าเดิม “แกล้งทำเป็นจำไม่ได้เหรอ! หึ! มุกโบราณไปหน่อยไหม ไอ้ลุงหื่นบ้ากาม!” เวลาผ่านไปหลายปีแล้ว ทว่าธีรักษ์ยังมีเสน่ห์ไม่ต่างจากวันแรกที่เธอได้พบกับเขา เสียงนุ่มทุ้มน่าฟังยังคงล่อหลอกให้เธอหลงใหล ลวงให้ใจอ่อนกับจูบหวานล้ำที่เธอไม่เคยลืมเลือน ‘ผมไม่แน่ใจว่าเราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า…’ คำพูดห่างเหินทำให้ภัควรินทร์เกือบเชื่อว่าเขาจำเธอไม่ได้จริง ๆ จนกระทั่งได้ยินคำว่า ‘หนู’ หลุดออกจากปาก ตามด้วยคำว่า ‘น้ำหวาน’ ที่เคยเอ่ยเรียก เธอจึงมั่นใจว่าเขาแค่แกล้งทำเป็นลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ทว่าความจริงเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ภัควรินทร์ลืมตัวทำเรื่องเลยเถิด ขโมยข้าวของของเขาติดมือมา ความรู้สึกวูบวาบหายใจไม่ทั่วท้องในยามที่เขารุกเร้าต่างหากที่ทำให้สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เผลอทำเรื่องที่ผิดทั้งศีลธรรมและกฎหมาย เธอกระฟัดกระเฟียดออกจากห้องเขาไม่ถึงสิบก้าวก็สำนึกได้ว่าทำเรื่องไม่ดี การถ่ายรูปและปล่อยเขาไว้ในสภาพนั้นยังน้อยไปกับสิ่งที่เธอเจอ แต่การขโมยกระเป๋าตังค์กลับเป็นอีกเรื่อง เพราะนั่นทำให้เธอได้ชื่อว่าเป็นหัวขโมย หากถูกจับได้ก็อาจถึงขั้นติดคุกติดตะราง “จะสนใจทำไม ของก็ทิ้งไว้แถวนั้น เดี๋ยวพนักงานโรงแรมเห็นก็เอาไปคืนเองแหละน่า” ภัควรินทร์ปลอบใจตัวเองว่าคงไม่มีอะไรร้ายแรง ถ้าเขาคิดจะเอาเรื่อง ตำรวจหรือไม่ก็พนักงานโรงแรมคงมาเคาะประตูห้องทักทายเธอตั้งนานแล้ว ทว่าผ่านไปเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องแทบจะตลอดทั้งวัน แอบออกไปสังเกตการณ์แค่ครู่เดียวเมื่อช่วงเช้า และหลีกเลี่ยงการสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานในช่วงเย็นจึงเริ่มหงุดหงิดที่ก่อนหน้านี้ระแวงมากเกินกว่าเหตุ ธีรักษ์ถูกมัดไว้กับเตียงในสภาพเกือบเปลือย หนีไปไหนไม่ได้ ทีแรกเธอก็สมน้ำหน้า แต่พอคิดไปคิดมาก็เริ่มกังวลว่าเขาจะหลุดจากเนกไทที่เธอมัดไว้ได้ไหม จะมีใครเข้าไปช่วยหรือเปล่า และตอนเห็นเจ้าตัวเดินเข้าห้องอาหารพร้อมกับผู้ใหญ่ท่าทางใจดีสองคน เดาจากเค้าโครงของใบหน้าได้ว่าคงเป็นผู้ให้กำเนิด ภัควรินทร์ที่แอบมองอยู่จึงค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ตายอยู่บนเตียง “แล้วจะไปห่วงเขาทำไม ตาบ้านั่นเปิดซิงแกแล้วหายหัวไปเลยนะเว้ย!” เธอบอกตัวเองให้คงความเกลียดชังนั้นไว้ แม้เขาจะไม่ได้บังคับใจกันในคืนนั้น ถามถึงความสมัครใจในทุก ๆ การสัมผัส ทั้งที่จำได้และจำไม่ได้ แต่ภัควรินทร์ก็ยังโกรธที่เขาทิ้งเธอให้ตื่นขึ้นมาตามลำพังอยู่ดี ยิ่งมาถึงวันนี้เธอก็ยิ่งโกรธ ไม่เข้าใจตัวเองด้วยว่าหลังจากถูกทิ้งแล้วทำไมยังชอบยามที่เขา ‘สัมผัส’ ไม่ต่างจากวันวาน ผู้ชายคนนั้นทำให้เธออดมีแฟนเลยนะ! ‘หลังจากนี้หนูจูบใครไม่ได้แล้วนะ น้ำหวาน’ ประโยคที่เขากระซิบกระซาบกับภัควรินทร์ในคืนนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในสมอง โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เธอตั้งใจว่าจะสานสัมพันธ์กับชายหนุ่มที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ทว่าคำพูดของเขากลับทำให้เธอทำเรื่องพังอยู่ทุกครั้งไป ‘หนูเป็นของผมแล้วนะ’ คิดจะหวานกับใคร หน้าหล่อ ๆ ของเขาก็ลอยมาทำเธออารมณ์เสียจนต้องส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่ต้องพูดถึงการกอดจูบหรือความใกล้ชิดอื่น ๆ ที่มากกว่านั้น แค่นั่งจับมือกันเธอยังลนลานจนทำตัวเสียมารยาท สะบัดมือหรือไม่ก็ขยับหนีคนที่เข้ามาจีบเรื่อย ๆ จนสุดท้ายต้องตัดรำคาญด้วยการไม่เปิดใจรับใครอีก ภัควรินทร์โสดก็เพราะเขาคนเดียว! หลังจากนอนกลิ้งบนเตียงนานหลายชั่วโมง คนที่ทำความผิดแล้วกลัวว่าจะถูกจับได้ก็ค่อยวางใจว่าคงไม่มีเรื่องอะไรต้องกังวล เพราะหากเขาคิดเอาเรื่องจริง ๆ คงไม่รอข้ามวันข้ามคืน แต่เธอก็ไม่ได้สบายใจมากพอที่จะออกไปรับประทานอาหารข้างนอก การสั่งรูมเซอร์วิซจึงเป็นทางเลือกที่ดีในช่วงเวลาที่ใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว “รูม เซอร์วิซครับ…” เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามด้วยประโยคทักทายของพนักงานโรงแรมทำให้ภัควรินทร์กระโจนออกจากเตียงด้วยความเร็วสูง เธอหิวจนตัวแทบสั่น ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนที่อดอาหารมาตลอดทั้งวัน มีแค่คุกกี้ชิ้นเล็ก ๆ กับน้ำเปล่าช่วยประทังชีวิต ส่วนคนที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เครียดจนลืมกินข้าวก็ไม่ใช่ใครอื่น คุณธีรักษ์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอนี่ยังไงล่ะ!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม