บทที่ 1 ความทรงจำ 1
เสียงคลื่นสาดกระทบหาดทรายสีขาวและสายลมยามเย็นช่วยบรรเทาความหงุดหงิดของชายหนุ่มวัยสามสิบแปดปีลงไปได้มาก หากคนไม่คุ้นเคยมองมาจะเข้าใจว่าเขาเป็นคนอารมณ์ดีเพราะมีรอยยิ้มแต้มมุมปากอยู่เสมอ ถ้าขยับเข้าใกล้อีกนิดจะเห็นจมูกโด่งสวย และถึงแม้ว่าเขาจะสวมแว่นปิดบังดวงตาสีน้ำตาลเข้ม มองดูแล้วสุขุมเยือกเย็น แต่รอยแผลเป็นเล็ก ๆ ที่หางคิ้วกลับส่งให้ใบหน้าคมดูดุดัน มีเสน่ห์ดึงดูดคนมองเสียยิ่งกว่าเดิม
น้อยคนที่จะรู้ว่ารอยแผลนั้นเพิ่งได้มาเมื่อไม่กี่ปี และตัวเขาก็ไม่ใช่ผู้ชายอารมณ์ดีอย่างที่ใครเข้าใจ
ธีรักษ์ อัครจินดานนท์ เดินทางกลับมายังประเทศไทยได้ไม่นานก็พบกับเรื่องกวนใจมากมาย ทั้งโพรเจกต์ใหม่ของบริษัทที่ต้องให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด รวมทั้งเรื่องน่าปวดหัวของน้องชายที่ฟังแล้วกลับทำให้เขาอดหัวเราะไม่ได้เสียอย่างนั้น
เขาส่ายหน้าเมื่อนึกถึงทิวากร บุตรชายคนเล็กของตระกูลอัครจินดานนท์ที่รีบเร่งขอตัว ตามติดสาวรุ่นน้องอย่างปานวาดไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้แตะของหวานบนโต๊ะอาหาร โดยอ้างกับผู้ให้กำเนิดทั้งสองว่าต้องการพักผ่อน แต่เขารู้แน่ชัดว่าเจ้าตัวดีกำลังเจอปัญหาใหญ่ที่คนทั่วไปเรียกว่า ‘ความรัก’
เขาไม่สนใจความรู้สึกเหลวไหลเหล่านั้น วันหนึ่งชอบพอกัน พูดคำว่ารักได้ แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ อาจเป็นเพราะเบื่อหน่ายกับความซ้ำซากจำเจ ไม่มีอะไรตื่นเต้นเร้าอารมณ์ แต่คุณแม่กลับให้ความเห็นง่าย ๆ ว่าเขาแค่ยังไม่เจอคนที่ใช่…คนที่เขารักมากพอที่จะหยุดทุกอย่างที่เธอ
‘ยากครับคุณแม่ ผมชอบอยู่คนเดียวมากกว่า’
‘อยู่คนเดียวก็อยู่ไปสิ ไม่ใช่ไปเที่ยวหว่านเสน่ห์หักอกสาว ๆ เล่นไม่เลิก นี่ถ้าธารทำใครท้องหรือเกิดปัญหาแบบแทนอีกคนนะ แม่คงหัวใจวายตาย…’
‘ไม่ต้องห่วงนะครับคุณแม่ ผมป้องกันอย่างดี’
‘ไม่พูดด้วยแล้วลูกคนนี้ แม่กลับไปเอนหลังที่ห้องดีกว่า...ไปเถอะค่ะคุณทัศ’
มารดาของธีรักษ์ปวดหัวเพราะเรื่องลูกชายคนเล็กนานหลายปี แล้วเขาที่เป็นพี่คนโตจะก่อเรื่องให้ผู้ใหญ่ต้องมาเหนื่อยใจด้วยได้อย่างไร หากมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นก็ควรจะจัดการอย่างเงียบ ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องของครอบครัว เขาควรดูแลให้สมกับที่เป็นลูกชายคนโต ชดเชยกับที่หายตัวไปอยู่ต่างประเทศนานเสียจนแทบลืมรสชาติอาหารไทย
ธีรักษ์ลืมหลายอย่าง ต้องใช้เวลารักษานานกว่าจะจำได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สมบูรณ์
เขากวาดตามองท้องทะเลอันงดงามในยามค่ำคืน อากาศร้อนไปสักหน่อยแต่ก็ยังพอมีลมเย็นพัดผ่านมาบ้าง ส่วนสาว ๆ ที่สังสรรค์กันอยู่บริเวณชายหาดก็สวยและมีเสน่ห์ในแบบที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะผิวขาวหรือว่าผิวแทน ตัวเล็กน่าทะนุถนอมหรือรูปร่างเหมือนนางแบบ ทุกคนล้วนแต่ทำให้หัวใจของหนุ่มโสดอย่างธีรักษ์กระชุ่มกระชวย คึกคักอยากทำเรื่องสนุก ๆ มากเป็นพิเศษ
เขาชอบพวกเธอ
แต่ก็แค่ชอบ ไม่มีทางพัฒนาไปถึงคำว่า…รัก
ธีรักษ์บอกตัวเองเช่นนั้นจนกระทั่งได้สบสายตากับสาวสวยคนหนึ่ง ดูแล้วน่าจะอายุน้อยกว่าเขาสักสิบห้าปี ท่าทางสับสน เดี๋ยวขยี้ตาแรง ๆ เดี๋ยวทำหน้าโกรธ สักพักก็ยิ้มร้ายกาจเหมือนกำลังวางแผนบางอย่าง เขาเดาว่าที่เธอทำตัวแปลก ๆ เพราะมีแอลกอฮอล์ในร่างกายสูงกว่าที่ควร ซึ่งไม่น่าจะใช่เรื่องดี
ธีรักษ์ไม่ชอบยุ่งกับคนเมา จำได้ว่ามีรายหนึ่งที่เช้ามาแล้วอ้างว่าไม่ได้ตั้งใจจะมีเซ็กซ์กับเขา โอดครวญว่าปกติไม่ใช่ผู้หญิงใจง่าย และตัวเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นพวกเอาเปรียบสาว ๆ ที่ไม่มีสติ ทั้ง ๆ ก่อนจะเข้าห้องเธอเป็นฝ่ายให้ท่ากันไม่ยอมหยุด รุกเขา ลูบเขาทั้งตัวจนทุกอย่างเคร่งเครียด และต้องการการปลดปล่อยตลอดทั้งคืน
เมื่อเจอประสบการณ์ไม่ดีแบบนั้น เขาจึงตัดปัญหาด้วยการไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงที่ควบคุมสติตัวเองไม่ได้ แม้จะนึกสนใจสาวสวยที่มองมาอย่างมากก็ตาม
แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้คิดแบบเดียวกัน
“สวัสดีค่ะ เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าคะ”
ดวงตากลมโตคู่นั้นแฝงความประหม่า รอยยิ้มน่ามองนั้นดูไม่เป็นธรรมชาติ ธีรักษ์เดาจากประสบการณ์ว่าเธอคงต้องรวบรวมความกล้าอย่างมากที่จะเดินเข้ามา เพื่อทักทายเขาที่อายุค่อนข้างต่างกัน ปกติแล้วเขาไม่ชอบยุ่งกับเด็กที่อาจเรียกร้องหรือสร้างปัญหาในภายหลัง แต่ความรู้สึกบางอย่างล่อหลอกให้เขายินดีที่จะทำพลาด ลืมในสิ่งที่บอกกับตัวเองเสมอว่าจะไม่มีวันทำ
ธีรักษ์อยากแหกกฎ ‘ไม่กินเด็ก’
“ผมไม่แน่ใจว่าเราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า แต่ทำความรู้จักกันตอนนี้ก็ไม่สาย สวัสดีครับ ผมชื่อธีรักษ์ เรียกว่าธารก็ได้”
เขาขยับเข้าใกล้ร่างบางและพบว่าไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์อย่างที่คิด หมายความว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นต่อจากนี้มาจากความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่เพราะขาดความยับยั้งชั่งใจ
“เอ่อ ฉันชื่อน้ำค่ะ” เธอหันไปมองชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งที่กำลังประคองกันเดินออกจากบริเวณนั้น “คือเพื่อนของน้ำขอเวลาส่วนตัวสักสามสี่ชั่วโมง เอ่อ อาจจะถึงเช้า น้ำเห็นคุณอยู่คนเดียวก็เลยอยาก...”
“อยากไปกับผม?” เขาทวนคำหญิงสาวอย่างพึงพอใจ
“ถ้าคุณไม่สะดวก...”
“คุณรู้ใช่ไหมว่าถ้าไปกับผมแล้วจะเกิดอะไรขึ้น” ธีรักษ์ถามอย่างไม่อ้อมค้อม
“น้ำไม่ใช่เด็กนะคะ”
“ผมรู้ว่าคุณไม่เด็ก” เขาสอดแขนโอบเอวบางตามประสาคนเจ้าชู้ พลางโน้มตัวกระซิบเบา ๆ “แต่ผมอยากรู้ว่าคุณน่ะ มีทีเด็ดตรงไหนบ้าง”
“เด็ด หรือไม่เด็ดเดี๋ยวก็รู้ ว่าแต่คุณมีเนกไทหรือพวกผ้าปิดตาอยู่ใช่ไหมคะ เอ่อ ความชอบส่วนตัวของน้ำน่ะค่ะ ถ้าคุณถือก็ไม่เป็นไร...”
น้ำเสียงของเธอไม่ตื่นกลัวอย่างทีแรก เจือความร้อนรนและต้องการเอาชนะอยู่เล็กน้อย แต่ธีรักษ์ไม่สนใจเรื่องพวกนั้น เขาแค่ดีใจที่ค่ำคืนนี้จะได้ลิ้มลองรสชาติที่ไม่ซ้ำซากจำเจ และขอบคุณตัวเองที่มีเนกไทที่คนสวยถามหา พลางจินตนาการไปไกลว่าเธอจะใช้มันอย่างไร
ปิดตาเขา? มัดมือเธอ?
“ผมไม่ถือ” เขายิ้ม หยิบคีย์การ์ดมาเปิดประตู “ผมมีเนกไทหลายเส้นนะ...”
“งั้นคืนนี้เราคงได้สนุกกันยาว ๆ แน่เลยค่ะ”
ธีรักษ์ชอบความท้าทายที่ทำให้เลือดในร่างกายสูบฉีดพลุ่งพล่าน อย่างน้อยก็เมื่อหลายปีก่อน ความรู้สึกที่ว่านั้นลดลงตามกาลเวลาและเรื่องราวที่พบมาในชีวิต แต่วันนี้มันหวนกลับคืนมาอีกครั้ง รุนแรงเสียจนเขาต้องกลืนน้ำลาย อยากรุกเร้าเจ้าของดวงตากลมโตที่น่ารักราวกับลูกแมวเร็ว ๆ
แต่ดูเหมือนสาวสวยของธีรักษ์จะไม่ใช่แมวน้อยขนฟูอย่างที่เข้าใจ เธอผลักเขาลงบนเตียงหลังจากเข้าห้องพักได้ไม่ถึงนาที ยิ้มยั่วยุก่อนคลานคร่อมทับโดยไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น
นี่มันแม่เสือสาวชัด ๆ!