หม่าซูฮวาตื่นตั้งแต่เช้า แม้ฟ้ายังไม่สว่างแต่เธอนั้นชินชาเสียแล้ว หญิงสาวรีบทำความสะอาดบ้านก่อนจะหุงข้าวเตรียมไว้ หลังจากนั้นก็นำตะกร้าผ้าออกมาวางที่ประตู รอให้ฟ้าสางกว่านี้ถึงจะนำผ้าไปซักที่บ่อน้ำ
หญิงสาวสะพายตะกร้าใบใหญ่ ก่อนจะอุ้มลูกชายที่กำลังหลับใหลลงไปนอนในนั้น วันนี้เธอต้องไปตลาดเพื่อซื้อกับข้าวเข้าบ้าน กระดาษแผ่นยาวระบุไว้ว่าเธอนั้นต้องซื้อผักและเนื้อสัตว์มากกว่ายี่สิบอย่าง
หม่าซูฮวาถอนหายใจยาวก่อนจะยกตะกร้าสะพายหลัง หลายปีที่ผ่านมานี้เธอทำงานหนักไม่เคยได้พัก ทำให้สุขภาพร่างกายทรุดโทรมกว่าคนวัยเดียวกัน
หญิงสาวเดินฝ่าความเหน็บหนาวตรงไปยังตลาด ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปจากตัวบ้านประมาณหนึ่งกิโลได้ แม้ว่าจะมีจักรยานแต่เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้งาน จึงจำต้องเดินเท้าไปกลับรวมกันราวๆ สองกิโล
หม่าซูฮวาหันมองลูกชายที่นอนอยู่ในตะกร้า โชคดีที่เธอนั้นสวมเสื้อผ้าหนาและยังคลุมร่างเขาด้วยผ้าอีกชั้น ทำให้ความเย็นนั้นไม่อาจแทรกผ่านเข้าไปได้
“ป้าหลิง วันนี้เพิ่มต้นหอมด้วยนะคะ”
กว่าจะเดินถึงตลาดฟ้าก็เริ่มสางพอดี หญิงสาวเดินซื้อของพร้อมกับแบกหลิวเฟยหรงไปด้วย หลังจากที่ได้ของครบตามความต้องการแล้ว เธอก็รีบหาที่นั่งพัก
ซาลาเปาร้อน ๆ ควันคลุ้งอยู่ในอุ้งมือของเด็กชาย เขาตื่นขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินเสียงพ่อค้าซาลาเปาร้องเรียกลูกค้า ทุกครั้งที่มาตลาดเด็กชายไม่เคยพลาดที่จะร้องขอให้ผู้เป็นแม่ซื้อก้อนแป้งแสนอร่อยให้แก่เขา
“กินเยอะ ๆ นะลูก”
หญิงสาวเอ่ยกับลูกชาย ทุกครั้งที่มาตลาดเธอจะแอบหยิบเงินที่ซุกซ่อนไว้ติดตัวมาด้วย เพื่อซื้อหาอาหารให้ลูกชายได้กินจนอิ่มท้องก่อนจะเดินทางกลับ
“แม่ครับ ผมอยากกินนั่น”
หญิงสาวหันมองแต่ยังด้านหลังก่อนที่เธอจะพยักหน้า แป้งทอดร้อน ๆ นุ่มหนึบ ทำให้เด็กชายนั้นมีความสุขเป็นอย่างมาก
เมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนลง หลิวเฟยหรงตัวน้อยจึงหลับลงอีกครั้งระหว่างทางกลับบ้าน
หม่าซูฮวาพยายามที่จะแบกข้าวของทั้งหมด แต่เพราะวันนี้แม่สามีสั่งซื้อของเพิ่มจากเดิมมากถึงสองเท่า ทำให้เธอนั้นต้องคิดหาทางที่จะขนของทั้งหมดกลับไปในครั้งเดียวให้ได้
เพราะระยะทางจากบ้านมาถึงตลาดไม่ใช่ใกล้ๆ ไปกลับก็เกือบสองกิโลเข้าไปแล้ว เธอคงไม่ไหวหากต้องเดินฝ่าความหนาวไปกลับหลายรอบ
ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นจู่ ๆ หลิวเฟยเฉิงก็โผล่มา หญิงสาวรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่าสามีนั้นกำลังยืนอยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มยกยิ้มบาง แววตาอ่อนโยนทอดมองภรรยาและลูกชายที่กำลังหลับอยู่ในตะกร้าใบใหญ่
“เดี๋ยวฉันช่วย”
หญิงสาวส่ายศีรษะ หากเธอยอมให้เขาช่วยแบกของทั้งหมดกลับไปบ้าน มีหวังแม่สามีได้ตบตีเธอเป็นแน่ ที่บังอาจใช้งานลูกชายคนโตเช่นนี้
“ฉันไม่อยากเดือดร้อน”
“ฉันสัญญาว่าจะไม่ให้ใครมาทำร้ายเธอ”
สายตาชายหนุ่มนั้นทั้งมุ่งมั่นและจริงจัง หญิงผู้นั้นไม่ใช่แม่ของเขาอย่างแท้จริง ฉะนั้นแล้วเขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายจะคิดอย่างไรผู้หญิงคนเดียวที่เขาควรดูเเลคือหม่าซูฮวา
“อย่ากังวลไป ฉันสัญญาว่าจะปกป้องเธอกับลูก”
น่าแปลกที่คำพูดของเขานั้นทำให้หัวใจของเธอรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมา สองสามีภรรยาช่วยกันยกของขึ้นเกวียนชาวบ้านที่กำลังจะเดินทางผ่านถนนที่พวกเขากำลังจะไป
หลิวเฟยเฉิงแบกข้าวของเข้ามาในบ้าน โดยมีหม่าซูฮวาเดินตามหลัง แม่สามีที่เห็นเช่นนั้นก็โวยวายใหญ่โต เธอคว้าไม้หมายจะตีลูกสะใภ้ที่กล้าใช้งานลูกชายคนโต แต่หารู้ไม่ว่าหลิวเฟยเฉิงนั้นเต็มใจที่จะช่วยเหลือภรรยาเองชายหนุ่มรีบเข้าขวาง ก่อนที่เขานั้นจะแย่งไม้จากมือผู้เป็นแม่และหักทิ้งเป็นสองท่อน
“หลบไปเฟยเฉิง! นังซูฮวา แกกล้าดียังไงมาใช้งานลูกชายฉัน!”
ผู้เป็นแม่ไม่พอใจที่ลูกชายนั้นเข้ามาขวางไม่ยอมให้เธอลงโทษสะใภ้ ฟูหย่งแทบคลั่งเมื่อเห็นว่าลูกชายของเธอนั้นแปรเปลี่ยนไป
“ซูฮวาทำอะไรผิด ทำไมถึงต้องถูกลงโทษ”
ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก การที่เขาช่วยเหลือเธอนับเป็นความผิดของหญิงสาวได้อย่างไร
“หลบไป อย่างไรแม่ก็จะลงโทษนังคนขี้เกียจ”
ฟูหย่งไม่ฟังคำพูดลูกชาย คว้าไม้อีกท่อนมาถือไว้ก่อนจะง้างสุดแรง แต่หลิวเฟยเฉิงกลับยืนขวางไม่ยอมให้อีกฝ่ายนั้นรังแกลูกเเละภรรยาของเขา
เด็กชายตัวน้อยที่เห็นว่าผู้เป็นย่ากำลังจะทำร้ายแม่ เขาก็รีบกระโดดออกจากตะกร้าก่อนจะเข้ามากอดขาผู้เป็นแม่ไว้
หลิวเฟยเฉิงรู้สึกปวดใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นน้ำตาที่ไหลนองเต็มใบหน้าลูกชาย เขาตวัดสายตาใส่ผู้เป็นแม่ก่อนจะเอ่ยเสียงเเข็ง
“พอสักทีเถอะ! ซูฮวาไม่ได้ทำอะไรผิด อย่าแตะต้องเธอเด็ดขาด”
การกระทำของเขาไม่ต่างจากกบฏในสายตาของผู้เป็นแม่ ฟูหย่งโกรธจนหน้าดำหน้าเเดง เธอขว้างไม้ในมือทิ้ง ก่อนจะเดินเข้าห้องไปพลางปิดประตูเสียงดังสนั่น
หญิงสาวถอนหายใจยาว ทั้งหนักใจและโล่งใจในเวลาเดียวกัน เธอดีใจที่สามีออกตัวปกป้อง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้อยากให้เขาบาดหมางกับแม่ตัวเอง
อย่างไรสายเลือดก็ตัดกันไม่ขาด เธอเป็นเพียงคนนอก เลิกลากันไปก็ไม่เกี่ยวข้องกัน จึงไม่อยากให้หลิวเฟยเฉิงนั้นเลือกเดินทางผิด เขาควรจะให้ความสำคัญกับครอบครัวมากที่สุด นั่นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว
“พี่เฟยเฉิง”
ขณะที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด เสียงใครบางคนก็ดังขึ้นหน้าบ้าน ชายหนุ่มสบสายตาภรรยา ก่อนที่เธอจะไล่เขาให้ออกไปพบกับหญิงสาวด้านนอก
ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกจำต้องเดินออกมาดูว่าใครที่มาหาเขา หลิวเฟยเฉิงผงะเมื่อจู่ ๆ หญิงตรงหน้าก็พุ่งตรงเข้ามาสวมกอดเขาแนบแน่น ชายหนุ่มพยายามแกะมืออีกฝ่ายออก ทั้งเขายังย่นคอหนีและทำท่ารังเกียจเธออย่างเห็นได้ชัด
“ฉันคิดถึงพี่ ทำไมพี่ถึงไม่ไปหาฉัน”
หญิงสาวเอ่ยตัดพ้อก่อนที่เธอจะปรายตามองหม่าซูฮวา หลิวเฟยเฉิงไม่ต้องการให้ภรรยาเข้าใจผิดจึงได้รวบรวมแรงทั้งหมดผลักหญิงสาวตรงหน้าออกไปซึ่งนั่นสร้างความตกใจให้กับผู้ที่ถูกผลักไสเป็นอย่างมาก
“พะ พี่ผลักฉันทำไม!”
หญิงสาวตวาดถามด้วยความไม่พอใจ วันก่อนก็ไม่ยอมไปพบเธอ วันนี้กลับมีท่าทีห่างเหิน ทั้งยังทำท่าราวกับรังเกียจเธอนักหนา
เขาเป็นอะไรไป หลิวเฟยเฉินไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน สายตาคู่นั้นไม่เคยมองเธอราวกับตัวประหลาดเช่นนี้
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณเป็นใคร แต่ผมมีลูกมีภรรยาแล้ว”
หญิงสาวแค่นหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาเคยแยแสลูกและภรรยาเสียที่ไหน ครั้นเมื่อไปรับจ้างทำงานที่บ้านเธอก็ยังลักลอบมีความสัมพันธ์กันอยู่เลย แต่มาวันนี้กลับคิดปัดความรับผิดชอบ ผลักไสเธอ ทำราวกับว่าไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่เเนบเเน่นต่อกัน
เขาคิดจะทอดทิ้งเธอใช่หรือไม่!
“ได้ฉันแล้วคิดจะทิ้งกันงั้นเหรอ!”
มีความสัมพันธ์หนึ่งครั้งก็นับว่าเป็นภรรยาเช่นกัน หญิงสาวไม่ยอมถอยง่าย ๆ เธอพยายามที่จะทวงสิทธิ์ที่ควรจะได้รับ
ชายหนุ่มก้าวถอยหลังเมื่ออีกฝ่ายพยายามที่จะเข้าหาเขา แววตาเย็นชาที่เฟยเฉิงจ้องมองจิงฉ่ายช่างดูเย็นเยียบไร้เยื่อใย จนหญิงสาวรู้สึกหวั่นใจแปลก ๆ
“ผมไม่รู้จักคุณ หรือต่อให้รู้จัก ผมก็จำไม่ได้ว่าคุณเป็นใคร!”
หญิงสาวหน้าชา ไม่คิดว่าคนที่บอกรักเธอเมื่อไม่กี่วันก่อนจะแปรเปลี่ยนราวกับพลิกฝ่ามือเช่นนี้ จิงฉ่ายรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก แผนการทุกอย่างพังทลายไม่เป็นท่า เธอตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน ในใจนั้นทั้งเดือดดาลเเละเเค้นเคือง
หม่าซูฮวาที่แอบดูอยู่รู้สึกงุนงงกับท่าทางของสามี เขาไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน ไม่เคยปฏิเสธผู้หญิงที่พยายามเข้าหาเขาเลยสักครั้ง แต่วันนี้กับผลักไสไล่ส่งไม่ไยดี หญิงสาวคิดว่าตัวเองฝันไปเสียด้วยซ้ำ เธอไม่คิดเลยว่าสามีผู้ชั่วช้าจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีได้ถึงขนาดนี้
“ทำไมถึงไล่เธอแบบนั้น”
ทันทีที่สามีเดินกลับเข้ามาในบ้าน เธอก็ไม่รอช้าที่จะเอ่ยถามด้วยความสงสัย ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะตอบ
“ฉันพูดความจริงนะซูฮวา ฉันไม่เคยรู้จักผู้หญิงคนนั้น”
เขาไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นมีความสัมพันธ์แบบใดกับเจ้าของร่างนี้ อีกทั้งเขาก็ไม่ต้องการที่จะใกล้ชิดผู้หญิงคนไหนนอกจากภรรยาของตัวเอง หากไม่ใช่หม่าซูฮวา เขาก็ไม่คิดจะชายตามอง
นับตั้งแต่ชาติที่แล้วเขาให้คำสัตย์สาบานกับตัวเองว่าจะมีหญิงสาวเป็นภรรยาแต่เพียงผู้เดียว ฉะนั้นแล้วต่อให้เขามาเกิดใหม่ที่นี่ เขาก็ยังยืนยันที่จะทำตามสิ่งที่เคยลั่นวาจาไว้
ชายหนุ่มทอดสายตามองภรรยาด้วยความรักใคร่ ก่อนที่เขานั้นจะช่วยเธอนำข้าวของไปจัดเรียงในครัว หลังจากนั้นสองสามีภรรยาและลูกชายก็ไปที่บ่อน้ำเพื่อช่วยกันซักผ้า
จากเดิมที่เฟยหรงกลัวผู้เป็นพ่อมาก แต่ตอนนี้เขากลับวิ่งเล่นกับเฟยเฉิงอย่างสนิทสนม
ชายหนุ่มอุ้มลูกชายเข้ามาในบ้านก่อนจะหยอกล้ออีกฝ่ายจนเขานั้นหัวเราะออกมา
หญิงสาวรู้สึกมีความสุขที่เห็นว่าความสัมพันธ์พ่อลูกนั้นดีขึ้นกว่าเดิม เธอมองหลิวเฟยเฉิงที่นอนกอดลูกชายหลับไปก่อนจะยกยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
หลายวันต่อมา ชายหนุ่มได้รับว่าจ้างให้ไปช่วยถางหญ้าที่บ้านเศรษฐีในเมือง ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณสามวันกว่าที่งานทุกอย่างนั้นจะเสร็จสิ้น
ตลอดระยะเวลาที่ชายหนุ่มไม่อยู่ หญิงสาวถูกใช้งานสารพัดอย่าง เธอถูกปลุกตั้งแต่เช้าตรู่ และต้องทำงานลากยาวจนถึงดึกดื่น กว่าจะได้นอนก็เกือบรุ่งสางของอีกวันเข้าไปแล้ว
หม่าซูฮวาทำงานหนักติดต่อกันหลายวันทำให้เธอนั้นล้มป่วยลง เป็นเวลาเดียวกับที่ชายหนุ่มเดินทางกลับมาบ้านพอดี
เขาไม่รอช้ารีบเข้าไปหาภรรยาและลูกชายทันที ภาพที่เห็นคือเฟยหรงกำลังเช็ดตัวให้ผู้เป็นแม่ที่ตัวร้อน ไข้ขึ้นสูงและหนาวสั่น ฝ่ามือเธอมีบาดแผลเนื่องจากถูกแม่สามีบังคับให้ซักผ้าในน้ำเย็นจัด
ใบหน้าชายหนุ่มมืดครึ้มลง เขาโกรธมากเมื่อเห็นสภาพภรรยา ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องไป…