ปกป้อง

2026 คำ
วันนี้มีสหายมาหาหลิวเฟยเฉิงถึงที่บ้านและชวนเขาไปทำงานรับจ้างด้วยกัน ชายหนุ่มไม่ได้มีงานทำเป็นหลักแหล่ง อาศัยมีคนจ้างงานถึงจะไปทำ แม้เขาจะเป็นคนเสเพลแต่ก็มีทักษะเรื่องฝีมือการซ่อมแซมข้าวของที่เสียแล้ว “ไม่ดีกว่า” หลิวเฟยเฉิงรู้ดีว่าเขานั้นไม่ใช่คนที่ทุกคนรู้จัก ขืนไปทำแล้วทำข้าวของลูกค้าเสียจะทำเช่นไร ลำพังตอนนี้เขายังไม่คุ้นชินกับที่นี่ด้วยซ้ำ ทั้งยังไม่มีเงินทองมากพอที่จะชดใช้ให้ใครได้ เขาจึงอยากอยู่เงียบ ๆ ไปสักพัก สหายของเขามองซ้ายขวาก่อนจะเอียงหน้าเข้าไปกระซิบอีกฝ่าย “คุณหนูจิงเขาอยากเจอนาย” ชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว เขาไม่รู้จักคุณหนูจิงอะไรนั่น แต่เท่าที่ได้ยินสรรพนามของอีกฝ่ายคงจะเป็นพวกลูกหลานเศรษฐี “แล้วทำไมต้องเจอ” เสียงหัวเราะดังขึ้น มองหน้าสหายอย่างไม่เชื่อสายตา ปกติแล้วเวลาที่ได้ยินชื่อคุณหนูจิง ดวงตาอีกฝ่ายจะเปล่งประกายวาววับขึ้นมาเสียทุกครั้ง แต่ดูวันนี้สิ เขาทำราวกับว่าไม่รู้จักอีกฝ่าย ทั้งที่ร่วมเตียงกับเธอมาหลายต่อหลายครั้ง “คุณหนูจิงก็เป็นเมียนายเหมือนกันนะอาเฉิง” หลิวเฟยเฉิงรู้สึกขนลุกซู่เมื่อได้ยินเช่นนั้น คำว่าเมียเขาไม่อาจมอบให้หญิงอื่นได้นอกจากหม่าซูฮวา “ฉันไม่ไปดีกว่า” คนตรงหน้าไม่สบอารมณ์นัก เมื่ออีกฝ่ายปฏิเสธไม่ยอมไปหาคุณหนูจิงตามคำสั่งอีกฝ่าย “อะไรกัน นายเป็นคนบอกเองว่าคุณหนูจิงทั้งสวยและร่ำรวย นายอยากได้เธอเป็นเมียอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ นี่เป็นโอกาสดีเลยนะที่นายจะได้เขี่ยหม่าซูฮวาทิ้ง นังคนนั้นทั้งจืดชืดไร้อารมณ์ นายเองก็เคยว่าไว้เช่นนี้” หลิวเฟยเฉิงได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วไม่พอใจ เขาสูดลมหายใจลึกสะกดกลั้นอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่น “ฉันจะไม่ไปหาคุณหนูจิงอะไรนั่น นายกลับไปเถอะ” “ได้ยังไงกัน นายกล้าปฏิเสธได้ยังไง คุณหนูจิงนั่นน่ะเป็นถึงลูกสาวเศรษฐีเชียวนะอาเฉิง” ในเมืองนี้ครอบครัวจิงเป็นตระกูลที่ร่ำรวยกว่าใคร ทั้งบรรพบุรุษยังเคยเป็นขุนนางใหญ่ในราชวงศ์สุดท้ายก่อนล่มสลาย ครอบครัวนี้จึงมีทั้งอำนาจและเงินทอง เป็นที่นับหน้าถือตา พ่อของคุณหนูจิงเป็นพ่อค้าที่เฉลียวฉลาดและมากเล่ห์ เขามักจะผูกขาดการค้าด้วยการกว้านซื้อสินค้าชนิดเดียวกันก่อนนำมาขายในราคาที่แพงขึ้นเท่าตัว “ฉันไม่สนใจว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นใคร” “นายเป็นอะไรไป นายอยากได้เธอเป็นเมียไม่ใช่เหรอ นายก็รู้ว่าเธอจริงจังกับนายมากแค่ไหน” หลิวเฟยเฉิงถอนหายใจรอบที่สาม เขาไม่เข้าใจว่าคำพูดเขามันซับซ้อนหรืออย่างไร ทำไมคนผู้นี้ถึงได้ดื้อรั้นไม่ยอมไปเสียที ชายหนุ่มรู้สึกว่าชายคนนี้ใช้ไม่ได้ ทั้งที่รู้ว่าเขามีลูกเมียแล้ว ยังเกลี้ยกล่อมให้เป็นชู้กับหญิงอื่น คบยากจริง ๆ คนแบบนี้คบไปมีแต่จะพาลทำให้ชีวิตแย่ลง “ผู้หญิงคนเดียวที่ฉันรักคือหม่าซูฮวา” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น โดยไม่รู้เลยว่าคำพูดนั้นทำให้ภรรยาของเขาถึงกับนิ่งชะงัก ใบหน้าสวยมีเลือดฝาดบาง ๆ ฉาบบนแก้ม เธอไม่อยากเชื่อหูว่าจะได้ยินสามีบอกรักเช่นนั้น “เรื่องของนายก็แล้วกัน” อีกฝ่ายถอดใจก่อนปั่นจักรยานจากไป หลิวเฟยเฉิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่ก่อนที่เขาจะกลับเข้าบ้าน มีเด็กชายผู้หนึ่งมาร้องเรียกไว้ “พี่เฉิง วันนี้ไปช่วยถางหญ้าที่สวนได้หรือไม่” เด็กชายเอ่ยถาม พ่อของเขาต้องการจ้างอีกฝ่ายไปถางหญ้าเพราะช่วงนี้ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เนื่องจากโดนความหนาวเย็นเป็นเวลานาน “ได้สิ” ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะเดินตามเด็กชายไปโดยมีสายตาของภรรยามองตาม หลิวเฟยเฉิงถือจอบตรงเข้าไปในที่ดินผืนเล็กก่อนจะเริ่มถางหญ้าจนเตียนโล่ง โชคดีที่อากาศนั้นหนาวเย็น ไม่อบอ้าว ชายหนุ่มดื่มน้ำอึกใหญ่ก่อนที่เขาจะขนหญ้าไปทิ้งในหลุมหลังบ้าน “เท่าไหร่ล่ะ” ชายหนุ่มไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับที่นี่ เขานิ่งไปสักพักก่อนตัดสินใจเอ่ย “ให้ผมเท่าไหร่ก็ได้ครับ” เด็กชายและชายวัยกลางคนสบตากัน ปกติหลิวเฟยเฉิงมักจะขูดเลือดขูดเนื้อเสมอ ฉะนั้นครั้งนี้เขาจึงจงใจให้เงินอีกฝ่ายเพียงน้อยนิด แต่ทว่าชายหนุ่มกลับยิ้มกว้าง ดีใจที่มีรายได้เป็นครั้งแรกนับจากวันที่ลืมตาตื่นมาในร่างนี้ “นั่นใช่เขาแน่หรือพ่อ” เด็กชายกระซิบผู้เป็นพอ เห็นหลิวเฟยเฉิงเดินร้องเพลงออกไปก็ได้แต่งุนงง “นั่นสิ เขาไม่รู้หรอกเหรอว่าพ่อให้ค่าจ้างน้อยกว่าคราวที่แล้วถึงสองเท่า” ทั้งสองมองตามอีกฝ่ายไปก่อนส่ายศีรษะและแยกย้ายไปคนละมุมบ้าน ด้านชายหนุ่มหลังได้เงินค่าจ้างมา เขาก็ร้องเรียกภรรยาทันทีที่เข้ามาในบ้าน หลิวเย่หลิงเห็นพี่ชายอารมณ์ดีทั้งยังเรียกหาพี่สะใภ้ก็เงยหน้ามอง “ไปไหนมา” เธอเอ่ยถามพี่ชาย แต่เขาไม่ตอบกลับสอดส่องสายตามองหาหม่าซูฮวา หญิงสาวอุ้มลูกเดินออกมาจากครัวก่อนที่สามีจะยื่นเงินให้เธอ ฟูหย่งที่นั่งบดสมุนไพรอยู่ถึงกับตาลุกวาวเมื่อเห็นว่าลูกชายนั้นกำลังให้เงินภรรยา แทนที่จะเป็นเธอ หญิงวัยกลางคนผุดลุกขึ้นจากพื้นก่อนกระชากเงินมาเต็มแรงจนเกือบฉีกขาด “แม่ครับ!” ชายหนุ่มเสียงแข็ง ไม่พอใจที่อีกฝ่ายนั้นแย่งสิ่งที่อยู่ในมือเขาไป หญิงวัยกลางคนตวัดสายตาใส่หม่าซูฮวาก่อนจะตรงเข้าไปตบหน้าอีกฝ่ายเต็มแรง “ออกมาทำไม ฉันให้แกหั่นผักอยู่ในครัวใช่ไหม!” แม่สามีตวาดใส่ลูกสะใภ้เสียงดัง หลิวเฟยหรงตกใจเสียงผู้เป็นย่าเขาร้องไห้ขึ้นมาเสียงดัง ยิ่งเมื่ออีกฝ่ายจะเข้ามาอุ้ม เขาก็ต่อต้านปัดมือออก ฟูหย่งโมโหที่หลานไม่ยอมเข้าใกล้จึงง้างมือหมายจะตีเพื่อระบายความโกรธ “พอ!” ปกติแล้วหลิวเฟยเฉิงไม่ใช่คนอารมณ์ร้อน น้อยครั้งที่เขาจะพูดจาไม่ดีกลับผู้อื่น แต่ครั้งนี้สุดจะทน เมื่อเห็นลูกและภรรยากำลังถูกรังแก เขาอดไม่ได้ที่จะเข้าไปขวางเอาไว้ “นะ นี่! แกตวาดแม่เหรอ” ฟูหย่งเสียใจ ดวงตาสั่นระริก ไม่คิดว่าลูกชายจะกล้าขึ้นเสียงเพียงเพราะเธอนั้นทำร้ายลูกเมียอีกฝ่าย ทั้งที่ผ่านมาหลิวเฟยเฉิงไม่เคยต่อว่าเธอสักครั้ง ทั้งยังสนับสนุนทุกการกระทำ “ผมขอเงินคืน” เขาหยิบเงินออกมามืออีกฝ่ายก่อนส่งให้หม่าซูฮวา หญิงสาวไม่กล้ารับ เธอทำได้แค่หันหลังและเดินกลับเข้าไปในครัว หลิวเฟยเฉิงตวัดสายตาใส่ฟูหย่ง แม้อีกฝ่ายจะเป็นแม่เจ้าของร่างนี้ แต่เธอก็ไม่ใช่แม่ของเขา หากนับความผูกพันทางสายเลือดก็แทบไม่มีด้วยซ้ำ “นังนั่น! มันเป่าหูอะไรแก” “ไม่มีใครเป่าหูผม แต่ผมเห็นเองว่าใครดีหรือไม่ดี!” ชายหนุ่มเอ่ยก่อนที่เขาจะเดินตามหม่าซูฮวาเข้าไปในครัว หญิงสาวก้มหน้าก้มตาหั่นผัก น้ำตาหนึ่งหยดไหลลงบนแขน นอกจากความเสียใจเธอยังซึ้งใจที่สามีนั้นเข้ามาช่วยเหลือ ทั้งที่ผ่านมาเขาไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน ตลอดสองปีนี้ เธอต้องทนทุกข์เพราะถูกอีกฝ่ายทำร้ายร่างกาย ตบตี ฉุดกระชากลากถูก ทำราวกับว่าเธอนั้นไม่ใช่คน ไม่มีชีวิตจิตใจ ทั้งบางครั้งยังพาผู้หญิงเข้ามาในบ้าน ตีลูกปางตาย ทั้งยังขโมยเงินเธอไปซื้อเหล้ากิน พอเมามายก็กลับมาทำร้ายเธอและลูก วนเวียนแบบนี้มานานนับปี แต่ตอนนี้เขากลับออกหน้าปกป้องเธอ ทั้งที่ผ่านมาคอยให้ท้ายผู้เป็นแม่ตลอด ทั้งยังนั่งเฉยยามที่เธอถูกตบตี “เจ็บมากไหม” ชายหนุ่มเอ่ยถามภรรยา เมื่อครู่ฟูหย่งคงจะตบแรงเกินไปจนมุมปากอีกฝ่ายมีรอยช้ำลามมาถึงกกหู ซูฮวาน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด ไหล่บางสั่นจากแรงสะอื้น หลิวเฟยเฉิงอยากเข้าไปโอบกอดเธอแต่รู้ดีว่าตอนนี้หญิงสาวคงไม่พร้อมให้เขาเข้าใกล้ จึงได้แต่ยืนมองเธออยู่ห่าง ๆ ด้วยความเป็นห่วง เช้าวันต่อมา หม่าซูฮวายังคงตื่นแต่เช้าตรู่ ตั้งแต่ฟ้ายังมืดสนิท เธอหอบตะกร้าผ้าไปที่ริมบ่อน้ำก่อนจะวางไว้เพื่อรอเวลาที่ท้องฟ้าจะสว่างถึงจะออกมาซัก ร่างบางตักน้ำจากบ่อลึกก่อนจะยกไปเทลงอ่างไม้เพื่อให้แม่สามีอาบ ก่อนที่เธอจะหุงข้าวและทำอาหาร เก็บกวาดบ้านที่เต็มไปด้วยเศษอาหารเต็มพื้น หลิวเย่หลิงชอบนอนกินขนมแล้วโยนทิ้งไปทั่ว เธอไม่เข้าใจว่าทำไมแม่สามีถึงไม่คิดสั่งสอนลูกสาวคนเล็กบ้าง ดีแต่ดุด่าตบตีเธอ แต่ลูกสาวตัวเองไม่ทำอะไรสักอย่างกลับให้ท้ายส่งเสริมจนเกียจคร้าน “ซักให้ฉันด้วย!” หลิวเย่หลิงกระแทกตะกร้าหวายลงบนพื้น ก่อนจะเดินสะบัดหน้าเข้าบ้าน ทิ้งให้หม่าซูฮวาถอนหายใจทิ้งด้วยความเหน็ดเหนื่อย ตั้งแต่เธอยังไม่ได้พักเลยแม้แต่นาทีเดียว ต้องรีบทำทุกอย่างให้เสร็จสิ้นก่อนที่แม่สามีจะตื่นนอน “จะไปไหน” หลิวเฟยเฉิงเอ่ยถามน้องสาวขณะที่เดินสวนกัน ชายหนุ่มเห็นว่าอีกฝ่ายใช้หม่าซูฮวาซักผ้าหลายตะกร้าก็ไม่พอใจ จึงได้ลากแขนเธอกลับมาที่ริมบ่อน้ำ “ทำอะไรของพี่เนี่ย!” หญิงสาวร่างท้วมโวยวาย พยายามขืนร่างกายตัวเองไม่ยอมเดินตามอีกฝ่ายไป แต่ถึงอย่างนั้นก็สู้แรงพี่ชายไม่ได้ หลิวเย่หลิงยืนหน้างอ ปรายตามองพี่สะใภ้ที่เงยหน้าขึ้นมา “เอาไปซักเอง” เขาว่าก่อนที่จะโยนตะกร้าไปตรงหน้าน้องสาว หลิวเย่หลิงอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าพี่ชายจะบังคับเธอเช่นนี้ “ไม่ใช่หน้าที่ฉัน” ว่าแล้วใบหน้านั้นก็เชิดขึ้น หลิวเย่หลิงไม่เคยต้องทำงานหนัก เมื่อครั้งที่ไม่มีหม่าซูฮวาก็เป็นแม่ที่ทำให้ทุกอย่าง หญิงสาวตั้งใจจะเดินหนีอีกครั้ง แต่ถูกพี่ชายต่อว่าจนหน้าชา “คนขี้เกียจอย่างเธอ คงไม่มีชายคนไหนอยากได้เป็นภรรยา เพราะแค่ผ้าตัวเองยังไม่มีปัญญาซัก” หลิวเย่หลิงแทบกรีดร้อง เธอหันมองพี่ชายก่อนจะตรงเข้าไปคว้าตะกร้าผ้าของตัวเอง หอบกลับเข้าบ้าน โดยไม่ลืมส่งสายตาไม่พอใจให้สองสามีภรรยา หม่าซูฮวาเงยหน้ามองสามีด้วยความไม่เข้าใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกดีที่อีกฝ่ายปกป้องเธออีกครั้ง ไม่ให้ถูกน้องสาวและแม่ของเขากลั่นแกล้งรังแก “เดี๋ยวพี่ช่วย” ชายหนุ่มนั่งลงก่อนดึงผ้าขึ้นจากน้ำและขยำจนสะอาด ก่อนที่ทั้งสองจะหอบผ้าไปตากด้วยกัน โชคดีที่หลิวเฟยหลงยังไม่ตื่น สองสามีภรรยาจึงได้ใช้เวลาร่วมกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม