“เขาเลือกมากหรือคะ”
(“ไม่รู้เหตุผลส่วนตัวหรอก แต่ฟรานเป็นลูกชายคนเดียวของเขา ทีนี้ในฐานะยาย ป้าก็อยากจะแนะนำหนูไป”)
“ป้าคะ หนูจำไม่ได้ว่าฟรานอยู่ที่ไหนอะคะ”
(“แล้วเขาอยู่ที่ไหนคะ”)
(“ราชอาณาจักรฮัชไมต์อิลลาเรนด์”)
ชื่อที่ป้าบอกทำให้รพิชาตาโต
“โอ้โฮ! มันไกลมากเลยนะคะ หนูไม่ไปหรอก หนูยอมทำงานเซเว่นแถว ๆ บ้านดีกว่า เงินเดือนหมื่นห้าก็เอาละ”
(“ทอฟฟี่ แต่ที่นั่นน่ะน่าอยู่นะ และหนูจะได้ไปท่องเที่ยวด้วย”)
“ใช่ ๆ” แม่เห็นด้วย
“มีที่อยู่ ที่กินพร้อม”
“แม่จ๊ะ แต่มันไกลบ้านน่ะสิ แล้วหนูคิดถึงแม่”
แม่ยกมือยืนเท้าสะเอว “แกจะเกิดมารักอะไรฉันตอนนี้ฮึ” มองตาเขียว
“แล้วแม่น่ะอยากจะให้หนูไปอยู่ที่นั่นจริง ๆ เหรอ แล้วใครจะอยู่รองมือรองตีนแม่ล่ะ แม่จะไม่คิดถึงหนูหรือไง”
“คิดถึงอะ ก็คิดถึง แต่ว่าเงิน” แม่ทำท่านับธนบัตร
“หนูเพิ่งรู้น่ะว่าแม่หน้าเงิน อาการแบบนี้เป็นมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” รพิชาประชดประชัน
“ก็ตั้งแต่ฉันเป็นหนี้บ้านหลังนี้แหละ เฮ้อ... เงินเก็บที่มีก็ละลายไปกับการตกแต่ง” แม่เล่าอย่างช้ำใจนิด ๆ
“ทอฟฟี่ไปทำงานกับป้าเถอะ และแม่ก็ขอค่าผ่อนบ้านครึ่งหนึ่ง”
“อะไรนะ!” เธอทำเสียงสูง
“แม่”
“จะตะโกนทำไม อยู่ใกล้ ๆ กัน”
(“สองแม่ลูกหยุดกันก่อน ฟังนะ... ทอฟฟี่จ๊ะ คืออย่างนี้จ้า ป้าน่ะอยากจะขอร้องหนู ป้าอยากคุยกับฟรานมาก แต่ว่าพ่อของฟรานไม่เคยให้ป้าได้คุยกับฟรานเลย แต่พอป้าถามให้ช่วยหาคนไหม เขาตอบตกลง เฮ้อ... ป้านะอยากวิดีโอคุยกับฟรานบ้าง ไม่ใช่เห็นแค่คลิป”)
สองแม่ลูกมองหน้ากัน ต่างเข้าใจความรู้สึกของคุณป้าแก้วกนก การหย่าร้างของพ่อแม่ ส่งผลต่อเด็ก ทำให้เกิดความห่างกัน โดยเฉพาะครอบครัวทางฝั่งนี้
แถมคริสตัลก็ไม่ยอมติดต่อลูก ทำให้ฟาอินเคือง
(“ป้าอยากเห็นชีวิตประจำวัน และพัฒนาการต่าง ๆ ของฟรานบ้าง ถ้าเกิดทอฟฟี่ไปอยู่ที่นั่นน่ะนะ ป้าจะได้โทรหาทอฟฟี่ แล้วก็จะได้คุยกับฟรานไง”) น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวัง
“ที่จริงเขาจงเกลียดจงชังคริสตัล ก็ไม่น่าจะมาลงกับพี่นะ” คุณกนกขวัญออกความเห็น
(“เขาคงไม่อยากให้หลานมารู้จักและมีความสัมพันธ์กับทางเราหรอก”)
“แล้วคริสตัลกับผัวใหม่ เอ่อ... แล้วก็หลานของพี่ล่ะ”
(“อย่าให้พูดถึงเลย จะโทรหาแม่ มันยังไม่โทรเลย พ่อของฟรานยังคุยกับแม่มากกว่ายายคริสตัลเสียอีก”) ท่านพูดปนน้อยใจ เพราะลูกไม่ดูดำดูดี คริสตัลเป็นคนจองหองไม่เอาใครมาตั้งแต่เธอเด็ก ๆ แล้ว แต่แม่ก็ไม่คิดว่าลูกสาวจะอาการหนัก
(“มันอ้างแต่อยู่ไกล ตอนที่ย้ายไปอยู่อเมริกา ยังไม่บอกป้าสักคำ”) คุณกนกแก้วรู้สึกน้อยใจมาก
(“ทอฟฟี่ช่วยป้าหน่อยได้ไหมลูก อย่างน้อยไปอยู่สักปีหนึ่งก็ยังดี หนูก็จะได้มีเงินเก็บ อีกอย่างที่นั่นน่ะสะดวกสบายที่สุด มีคนรับใช้ และถ้าอยากจะทำครัวเอง เครื่องครัวอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ทันสมัย พ่อของฟรานคงไม่ให้หนูลำบากหรอก หนูจะไปเป็นพี่เลี้ยงของฟรานอย่างเดียว”)
“ป้าจ๊ะ แล้วผัวเก่าของพี่คริสตัลเขาเป็นคนยังไงล่ะ”
คนฟังทางโน้นถึงกับกลืนน้ำลาย แต่ก็เลือกที่จะพูดแต่สิ่งดี ๆ ของฟาอิน
(“พ่อของฟราน เขาเป็นผู้ชายที่ขยันทำงาน เขาทำงานเก่งมาก ๆ ทำแต่งาน จนไม่มีเวลาดูฟราน ตรงนี้แหละที่ป้าเป็นห่วง แต่ถ้าหนูไปอยู่กับฟราน อาจจะช่วยให้ฟรานดื้อน้อยลง พ่อที่ไม่มีเวลาให้ ก็ใช้แต่เงินเลี้ยงลูก ป้าน่ะกลัวมาก กลัวว่าฟรานจะเสียคน กลัวจะเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเอง ซึ่งถ้าตอนนี้ยังถือว่าสอนกันได้ แต่ถ้าโตไปแล้ว มันอาจจะเปลี่ยนยาก ฟรานไม่มีแม่คอยอบรม ผู้ชายยังไงก็คือผู้ชาย และในฐานะยายของฟราน สิ่งที่อยากจะเห็นคือฟรานต้องโตมาเป็นคนดีและมีคุณภาพ พ่อเขาก็ฝรั่งอะนะ อย่างน้อยให้เรียนรู้วัฒนธรรมไทยบ้าง เด็กขาดความอบอุ่น ไม่รู้จะโตมาแบบไหน ถ้าทอฟฟี่ไปอยู่ที่นั่นได้ ป้าก็หมดห่วง”) ท่านหยุดหายใจ เพราะพูดยืดยาว
ทั้งกนกขวัญและรพิชาต่างเห็นใจคุณกนกแก้ว หลานทั้งคนจะไม่ให้ดูดำดูดีได้อย่างไร
(“ทอฟฟี่จ๊ะ เอาแบบนี้ได้ไหม ป้าจะให้เงินหนูอีกสองแสนบาท ไม่รวมกับที่จะได้เงินเดือนจากพ่อของฟราน”)
“ฮู้! ตั้งสองแสน” คนที่ดีใจกลับเป็นคุณแม่
(“พี่อยากจะให้ทอฟฟี่เป็นขวัญถุงและเป็นกำลังใจน่ะ”)
แม่ตีขาตีแขนลูกสาวยกใหญ่ “รับปากเลย”
“แม่ละก็” เธอทำปากขมุบขมิบ
“พี่จ๊ะ แล้วเขาให้ไปเมื่อไหร่ล่ะ”
(“ถ้าเป็นไปได้ ก็ในสัปดาห์นี้”)
“สัปดาห์นี้ หนูจะเตรียมตัวยังไงให้ทันคะ” กลายเป็นหลงกลรับปาก เพราะเห็นใจคุณป้า อีกอย่างก็สงสารฟราน ตามสักก็เป็นลูกของพี่สาว แม้จะเป็นลูกพี่ลูกน้องกันก็ตาม
(“ทอฟฟี่จ๊ะ ป้าให้หนูอีกสองหมื่นนะ หนูไปซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ ซื้อรองเท้าดี ๆ ใส่ เพื่อเตรียมตัวไปอยู่ที่นู่น อ้อ... อย่าลืมเช็กสภาพอากาศนะ ว่าที่นู่นอากาศเป็นยังไง จะได้เตรียมตัวให้พร้อม แต่จะว่าไปที่นั่นก็น่าจะร้อนเหมือนบ้านเรานี่แหละ ทอฟฟี่ต้องเตรียมชุดว่ายน้ำไปด้วย เพราะสระว่ายน้ำที่บ้านของฟรานใหญ่มาก”)
“อิจฉาจัง ถ้าฉันอายุยังน้อย ฉันจะไปแทนแล้วนะ ฮ่า... แต่หมดโอกาสเสียแล้ว” พูดเองขำเอง