บ้านของรพิชา เธอเพิ่งกลับมาจากข้างนอก หิวโซเพราะไม่ชอบกินข้าวนอกบ้าน รพิชามีประสบการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับการกินอาหารข้างทาง ตอนนั้นท้องเสียต้องเข้าโรงพยาบาล หมอบอกว่าลำไส้อักเสบเฉียบพลัน เธอไม่ชอบนอนโรงพยาบาลเลย เพราะกลัวเข็ม ทำให้เป็นประสบการณ์แย่ ๆ รพิชาจึงเลือกที่จะแขวนท้อง ทนหิว และกลับมากินข้าวที่บ้านดีกว่า
พอเห็นชามยำของแม่ ก็ตรงปรี่เข้าไปหยิบส้อมจิ้ม แล้วโซ้ยเข้าปาก
“แม่! โอ๊ย! เปรี้ยวจี๊ดเลยอะ ใครเขาทำยำรสชาตินี้กันคะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับทำหน้าตาเหยเก เพราะความเปรี้ยวจากยำนั่นเอง
เพียะ... แม่กนกขวัญตีมือ
“ก็มันยังปรุงไม่เสร็จนี่นา แม่เพิ่งจะบีบมะนาวลงไปเอง ยังไม่ได้คลุกด้วยซ้ำ ปัดโธ่!” แม่ดึงเอาชามขยับออกมาห่าง ๆ
“นี่ไงเครื่องปรุง แม่ยังไม่ได้ใส่อย่างอื่นเลยด้วยซ้ำ”
“โธ่! แล้วก็ไม่บอกกัน”
“อะ ๆ มาถึงก็ไม่ได้ถงไม่ถาม ปรี่เข้ามาเลย เฮ้อ... เมื่อไรจะรู้จักโตเสียที เห็นนะตอนที่จ้วงเมื่อกี้”
“ก็หนูหิวนี่คะ” นั่งลง และทำหน้าเบื่อ ๆ
“แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะไปสมัครงานมาน่ะ”
“แม่จ๊ะ ไม่มีที่ไหนรับหนูเลยอะ”
“ทอฟฟี่เพิ่งเรียนจบ แถมไม่มีประสบการณ์ ก็ต้องไปสมัครงาน หาไปเรื่อย ๆ แล้วไม่ไปสมัครตามโรงเรียนล่ะ”
“ยังไม่มีโรงเรียนไหนรับเหมือนกัน”
“ทำไมเขาไม่มีการเปิดสอบบรรจุน่ะ แบบนี้ แม่ก็ต้องเลี้ยงแกไปเรื่อย ๆ อะสิ เฮ้อ... ถ้าแม่มีตังค์ละก็ แม่ก็จะเปิดโรงเรียนให้แกเลย” แม่พูดไปเรื่อยเปื่อย
“เอาแบบนี้ไหมล่ะ แม่ว่าเราไปกู้เงินมา แล้วเปิดเป็นโรงเรียนเล็ก ๆ รับเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียน อะไรแบบนั้น” เสนอแนะทางเลือก
“แม่คะ เป็นหนี้อะพอทน แต่เด็กเล็ก ๆ เราจะต้องมีครูผู้ช่วยนะ ถ้าหนูคนเดียวก็ไม่ไหวหรอกค่ะ มันก็เหมือนเลี้ยงลูกนั่นแหละ เหนื่อย แล้วเด็กเล็ก ๆ ด้วย”
“อ้าว ก็เรียนมาทางด้านนี้”
“หนูเรียนปฐมวัย”
“เอ้อ... แม่เข้าใจ แล้วที่พูด ๆ เหมือนแกเคยมีลูกแล้ว”
“แม่จ๋า ถึงหนูจะไม่เคยมี แต่หนูก็ไปฝึกงานมาแล้ว”
“ทำไม”
“ก็ปวดหัวนะสิ พูดจนคอแหบคอแห้ง” รพิชานึกถึงประสบการณ์ตรงนั้นแล้วก็ยังคิดขยาด ไปฝึกงานอยู่สามเดือน เสียงหายไปตั้งแต่อาทิตย์แรก
“หนูก็เห็นคนอื่นเขาเลี้ยงลูกกัน เด็กกำลังซน โคตรเหนื่อย”
“อ้าว.... แล้วดันไปเลือกเรียน ตอนนั้นแม่ก็บอกแล้วให้เรียนบัญชีหรือบริหารมันหางานง่ายกว่า”
“แม่! หนูไม่เก่งคณิตศาสตร์ แล้วตัวเลขเป็นอะไรที่ปวดหัวมาก ๆ”
“อันนั้นก็ไม่ชอบ อันนี้ก็ไม่รัก อันนั้นก็...”
“แม่หยุด!” เธอยกมือขึ้นมาห้าม และหยิบพัดของแม่ขึ้นมาวี
“กว่าจะเรียนจบมา แม่ก็ใช้เงินเยอะแยะในการส่งเสียให้แกเรียนนา ฉะนั้นแกก็ควรจะต้องหางานทำให้ได้เร็วที่สุด”
“โถ่ ๆ แม่จ๋า ทำไมหนูจะไม่อยากทำงาน หนูไม่ได้เลือกงานนะ งานอะไรหนูก็ทำ แต่ไปตรงไหน เขาก็บอกว่ายังไม่รับ เฮ้อ... และอีกอย่างหนูก็อยากทำงานในสายอาชีพที่หนูเรียนมา”
“แล้วจะมาบ่นทำไม ก็รอไปก่อน”
“รอ รอ รอ ร้องเพลงรอจนเหนื่อยแล้วอะ”
“ขี้บ่นจริง ๆ แล้วเธอต้องการอะไร” แม่หันมาเท้าสะเอว
“พูดไปก็เท่านั้น มาทำให้แม่คิดว่า... แม่ต้องเลี้ยงแกไปอีกสักกี่ปี ถ้าแกยังเลือกงาน ตกงาน”
“โถ่แม่! เดี๋ยวหนูไปหางานเซเว่นก็ได้ค่ะ”
“ก็แล้วแต่นะ แต่แม่ว่างานเซเว่นน่ะมันหนัก เห็นลูกของยายเปี๊ยกข้างบ้านน่ะ เห็นว่าไปทำงานที่เซเว่นเหมือนกัน แต่ทำไปไม่ถึงครึ่งเดือน ออกเสียแล้ว เหนื่อยยืน เหนื่อยจัดของ และเวลาที่จะเข้าส้วมต้องไปขอกุญแจที่หัวหน้า”
“หา!” รพิชาตกใจกับข้อมูลที่ได้รับ
“แล้วก็ตอนนี้เห็นว่าไปถึงภูเก็ต ไปทำงานโรงแรม”
“แฮ่... แม่ก็รู้เรื่องชาวบ้านเขาไปทั่วเลยนะ” มีแซว
“เรื่องชาวบ้านคืองานของแม่น่ะ อะ! นี่แกว่าแม่ใช่ไหม” รพิชาหัวเราะ
แม่กนกขวัญพูดไป มือของแม่ก็ปรุงไป
“ทอฟฟี่ชิมดูซิ กินได้หรือยัง รสชาติโอเคไหม”
รพิชาเอาส้อมจิ้มลงไปในยำ ก่อนจะตักเข้าปาก เธอเคี้ยวหมับ ๆ “อร่อยแล้วล่ะ แม่หนูขอเลยนะ”
“เฮ้ย! นี่จะกินคนเดียวหมดเนี่ยนะ”
“เปล่าสักหน่อย หนูกำลังจะไปหยิบจาน” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นไปเอาจานมาตัก กินอย่างหิว
กริ๊ง... มือถือของแม่ดังขึ้น กนกขวัญยกขึ้นมาดู
“ป้าของแกโทรมา” บอกลูกสาว นานแล้วที่แก้วกนกไม่ได้โทรศัพท์หา คุณกนกขวัญจึงออกอาการกระดี๊กระด๊าใหญ่ เพราะอยู่กันคนละจังหวัด เธออยู่สมุทรสาคร พี่สาวอยู่นนทบุรี
“ว่าไงจ๊ะพี่ ไม่โทรหาฉันเลยนะ”
(“ก็สบายดี มันยุ่งวุ่นวายไปหมด”) พี่สาวทำงานหลายอย่าง ร่ำรวยและมีเงิน เพราะได้สามีเป็นเถ้าแก่
“อะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
(จะโทรมาถามว่า ทอฟฟี่เรียนจบแล้วใช่ไหม”)
“ใช่จบแล้วพี่ แต่ก็ยังเดินเตะฝุ่นอยู่เลย หางานทำไม่ได้ วันนี้ก็ออกไปทั้งวัน ก็ไม่เห็นได้งานกลับมา”
รพิชาปากไว “แม่... งานมันหาไม่ได้ง่าย ๆ น่ะ”
“หายากซะที่ไหนล่ะ แม่ว่าแกเลือกงานต่างหาก” คุณแม่หันไปแว้ดลูกสาว
(“อย่าเพิ่งทะเลาะกัน ฟังพี่ก่อน พี่น่ะมีเรื่องจะขอร้องและให้ช่วย”)
“เรื่องอะไรเหรอจ๊ะพี่”
(“พี่อยากจะให้ทอฟฟี่ไปอยู่กับฟราน ลูกชายของคริสตัล”)
“ทำไมล่ะพี่”
(“ไม่มีพี่เลี้ยงมาหลายเดือนแล้ว ทั้งดื้อ ซน และเรียนไม่รู้เรื่องน่ะ พี่เลยเป็นห่วง”)
“อ๋อเหรอจ๊ะ เอ่อ... แล้วมีเงินเดือนให้ไหม” จุดประสงค์ของการทำงาน ก็คือเงิน
(“พ่อของฟรานจะให้สามหมื่นบาทน่ะ กินอยู่ด้วยแบบไม่ลำบาก”)
“สามหมื่น” แม่ทำเสียงตกใจ เพราะเงินเดือนสูง
คนที่ได้ฟังอยู่ถึงกับตาโต
“แม่ ๆ แม่เปิดสปีกเกอร์โฟนสิ หนูอยากรู้ว่าป้าคุยอะไร” แม่ทำตาม
“พี่พูดมาเลยจ้ะ”
(“ทอฟฟี่ นี่ป้าเองนะ ป้าอยากให้หนูไปเป็นพี่เลี้ยงเด็ก หนูเรียนจบด้านนี้มาด้วยไม่ใช่รึจ๊ะ”)
“ค่ะ หนูจบเอกปฐมวัยมาค่ะ”
(“นี่ไงคือเหตุผลที่ป้าอยากจะให้หนูไปเลี้ยงน้องฟราน พ่อของฟรานหาคนเลี้ยงเด็กอยู่หาเป็นนานสองนานแล้ว”)
“เขาเลือกมากหรือคะ”