คลั่งรักที่ 5
อ้าปากสิ...ข้าจะป้อน
โครก...
ถานอ้าวเยว่อยากจะมุดดินหายไปเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อจู่ๆ ท้องของนางก็ส่งเสียงร้องโครกครากในขณะที่ท่านโหวกำลังลูบศีรษะนางอย่างอ่อนโยนอีกทั้งยังเอ่ยชมว่านางเป็นเด็กดี
“ขะ...ขออภัยเจ้าค่ะท่านโหว”
หญิงสาวก้มหน้างุดอย่างทำตัวไม่ถูก ผสานมือเข้าหากันที่หน้าตักด้วยความอาย ทว่านางกลับได้ยินเสียงกระดิ่งสั่นรัวๆ จึงรีบเงยหน้าขึ้น พบว่าคุณชายเฉิงได้สั่นกระดิ่งเรียกสาวใช้อย่างรวดเร็ว
“มีอะไรให้รับใช้หรือเจ้าคะท่านโหว”
เพียงชั่วพริบตาเดียวสาวใช้สองนางก็ก้าวเข้ามาในห้องอย่างกระฉับกระเฉง ราวกับว่าพวกนางเฝ้ารอคอยที่จะรับใช้เจ้านายอยู่ทุกลมหายใจ
“ไปเตรียมอาหารอ่อนๆ สำหรับคนป่วย แต่ต้องเป็นอาหารที่มีรสชาติดีมาให้ภรรยาข้า”
“เจ้าค่ะท่านโหว”
“แล้วก็นำ ‘โอสถสวรรค์’ มาด้วย”
เจ้าสาวของเขาสลบไสลไม่ได้สติไปถึงสามวันสามคืน ระหว่างนี้ครอบครัวสกุลเฉิงต่างวิ่งวุ่นสรรหาโอสถหลากชนิดเพื่อนำมาบำรุงร่างกายของคนป่วยที่ผอมแห้งเพราะขาดสารอาหารมาเป็นเวลานาน อีกทั้งอวัยวะภายในต่างๆ ยังอ่อนแรงเพราะพลังปราณในร่างกายแปรปรวน
เวลานี้เขามีโอสถในครอบครองทั้งหมดกว่าร้อยชนิด คาดว่ากว่าที่ถานอ้ายเยว่จะกินโอสถเหล่านั้นจนหมดอาจต้องใช้เวลากว่าครึ่งปีเลยทีเดียว ซึ่งนี่ยังไม่นับรวมโอสถอื่นๆ ที่ได้ทำการสั่งซื้อและกำลังนำส่งจากเรือสินค้าต่างแดน
“รับทราบเจ้าค่ะท่านโหว”
สาวใช้สองนางน้อมกายลงต่ำก่อนจะรีบเดินออกจากห้องหอไปอย่างรวดเร็ว
อ้ายเยว่มองตามแผ่นหลังสาวใช้ทั้งสอง ก่อนจะกะพริบตาปริบๆ ยิ่งได้ยินว่าโหวปีศาจให้นำโอสถมาด้วยนางก็ยิ่งไม่เข้าใจ คนอย่างนางเฉียดใกล้แค่เพียงยาลูกกลอนสมุนไพรราคาถูก เหล่าโอสถที่มีราคาแพงเสียยิ่งกว่าทองคำแท่งนั้นนับว่าเป็นเรื่องไกลตัวมากทีเดียว
นางก้มมองมือและแขนของตนเอง อดคิดไม่ได้ว่าหรือร่างกายของนางจะได้รับโอสถ จึงได้สดชื่นกระปรี้กระเปร่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อีกทั้งอาการหายใจติดขัดคับแน่นทรวงอกก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง
ตะ...แต่จะเป็นไปได้อย่างไร คงไม่มีใครคิดจะนำโอสถล้ำค่ามารักษาสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยราวกับก้อนกรวดเช่นนางหรอก
“ภรรยาข้า...”
คนตัวเล็กสะดุ้งออกจากภวังค์แห่งความคิดเมื่อได้ยินเสียงทุ้มนุ่มของสามี
“การที่ร่างกายเจ้าหิวไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะต้องเอ่ยขอโทษสามี เพราะหน้าที่ของสามีคือทำให้ภรรยาใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย”
พูดพลางใช้นิ้วมือเกลี่ยไปตามแก้มตอบซูบซีดของภรรยา ครุ่นคิดในใจว่า ‘โอสถหมื่นปี’ ที่บิดามอบให้กับสะใภ้ใหญ่นั้นได้ผลดี โอสถชนิดนี้มีลักษณะเป็นน้ำมันสกัดสีทองอร่ามจึงง่ายต่อการป้อนคนป่วยที่ยังไม่ฟื้นคืนสติ
จากร่างกายที่ราวกับศพที่มีเพียงหนังหุ้มกระดูก กลับดูมีชีวิตชีวาขึ้น แม้จะเล็กน้อยแต่เมื่อเทียบจากอวัยวะภายในของนางที่เสื่อมถอยได้กลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้งก็นับว่าดีเลิศแล้ว
ที่เหลือก็แค่ต้อง ‘ขุน’ นางให้อวบอ้วนมีน้ำมีนวลขึ้นก็เท่านั้นเอง
“ขะ...ข้าไม่สมควรได้รับ...”
พูดยังไม่ทันจบมือหนาที่ประคองหน้าก็เลื่อนปลายนิ้วมาปิดปากนางเอาไว้ราวกับไม่ต้องการได้ยินถ้อยคำดูถูกตนเองของภรรยาอีกต่อไป
“ภรรยาข้าแม้เวลานี้เจ้าจะยังไม่เชื่อมั่นและไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง แต่เจ้าไม่ควรดูแคลนความเชื่อมั่นของสามีที่มีต่อเจ้า ในเมื่อเจ้าคือ ‘สิ่งล้ำค่า’ ที่ข้าหวงแหนยิ่งชีวิต”
น้ำเสียงเคร่งขรึมจริงจังกอปรกับดวงตาที่กร้าวแกร่งดุดันทำให้หัวใจดวงน้อยของอ้ายเยว่ถึงกับเต้นระรัว วูบหนึ่งหัวใจของนางพองฟูตื้นตัน แต่แล้วความมืดทึบหม่นหมองที่โอบกอดนางมาทั้งชีวิตก็ฉุดให้หัวใจของนางดำดิ่งลงราวกับถูกถีบลงไปยังก้นบึ้งแห่งหุบเหวลึก
“ทะ...ท่านเห็นข้าเป็นสิ่งล้ำค่าหรือเจ้าคะ ทะ...ทั้งๆ ที่บิดาของข้า มารดาของข้า พี่ๆ ของข้ามองเห็นค่าเป็นเพียงก้อนกรวดที่แสนสกปรก ขะ...ข้า”
พูดออกมาได้เพียงเท่านั้น หยาดน้ำตามากมายก็หลั่งไหลออกมาราวกับทำนบกั้นน้ำที่พังทลาย เฉิงหวังเล่ยรวบร่างผอมบางเข้ามากอดเอาไว้แผ่วเบา หลังมือหนาค่อยๆ ลูบลงไปที่แผ่นหลังอย่างปลอบโยน
ทุกจังหวะที่ลูบลงไป เขารับรู้ได้ถึงกระดูกที่ปูดโปนออกมา และแรงสะอื้นฮักที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสับสน
“อ้ายเอ๋อร์เจ้าคือภรรยาที่แสนล้ำค่าของข้า เป็นภรรยาของโหวปีศาจผู้นี้ นับจากนี้เจ้าคือคนที่ใครๆ ต่างต้องก้มหัวให้ไม่อาจเอื้อมแม้แต่จะมองสบตา อำนาจของสามีก็คืออำนาจของภรรยา ไม่ว่าสิ่งใดๆ เจ้าล้วนสมควรได้รับทั้งสิ้น จำเอาไว้นะว่าอ้ายเอ๋อร์...ข้าจะไม่มีวันให้เจ้าต้องน้อยหน้าสตรีนางใดเป็นอันขาด”
แรงสะอื้นฮักและใบหน้าที่ซุกอยู่กับอกกว้างโดยที่หญิงสาวไม่ได้ผละออกจากอ้อมกอด ทำให้หวังเล่ยลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะกิริยาเช่นนี้ฉายชัดว่านางเริ่มไว้ใจในตัวเขา กล้าที่จะร้องไห้ออกมาราวกับเด็กเล็กๆ ที่กำลังหลงทางโดยมีอกของเขาเป็นที่พักพิง
“ข้าจะไม่บังคับให้เจ้าเชื่อในสิ่งที่ข้าพูด แต่ข้าอยากจะขอให้เจ้าเฝ้าดูด้วยตาและหัวใจของเจ้าเอง ว่าสำหรับข้าแล้วเจ้าคือ ‘สิ่งสำคัญ’ จริงหรือไม่”
อ้ายเยว่ค่อยๆ เงยหน้าออกจากอกกว้าง คลายแรงสะอื้นลงไปกว่าหลายส่วน คนตัวโตจึงค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยหยาดน้ำตาบนแก้มตอบอย่างช้าๆ
จังหวะนั้นสาวใช้เดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหาร และถาดโอสถอย่างเงียบเฉียบ
“อาหารมาแล้วเจ้าค่ะท่านโหว”
“นำมาวางใกล้ๆ”
“เจ้าค่ะท่านโหว”
สาวใช้ช่วยกันยกโต๊ะมาวางไว้ข้างๆ เตียง ก่อนจะจัดเรียงน้ำแกงเคี่ยวผักสิบชนิด น้ำแกงกระดูกปลา น้ำแกงโสม และมีอาหารย่อยง่ายอีกสามสี่ชนิด จากนั้นจึงค่อยๆ ประคองวางโถโอสถราคาแพงอย่างเบามือ
“ออกไปได้”
“เจ้าค่ะท่านโหว”
สาวใช้ยอบกายอย่างนอบน้อม ก้มหน้ามองต่ำตลอดเวลา ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองนายหญิงคนใหม่ที่กำลังอยู่ในอ้อมกอดของเจ้านายหนุ่ม จากนั้นจึงรีบหมุนตัวแล้วก้าวฉับๆ ออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านโหว”
ถานอ้ายเยว่หมายจะอาศัยจังหวะนี้ขยับตัวออกจากอ้อมกอด ทว่าคนตัวโตกลับไม่มีทีท่าว่าจะคลายวงแขนซ้ายที่โอบรัดรอบเอวนางเอาไว้ อีกทั้งยังใช้แขนขวายื่นไปจับช้อนแล้วค่อยๆ ตักน้ำแกงผักอย่างเบามือ
ชายหนุ่มค่อยๆ เป่าจนแน่ใจว่าไม่เห็นไอร้อนที่ระเหยออกมาจากน้ำแกงแล้วจึงยื่นไปใกล้ๆ ริมฝีปากของภรรยา
“อ้าปากสิ ข้าจะป้อน”
อ้ายเยว่นิ่งอึ้งอย่างไม่คาดคิด มองใบหน้าของเขาราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“เมื่อภรรยาไม่สบาย ย่อมเป็นหน้าที่สามีที่จะต้องปรนนิบัติดูแล ให้ข้าได้ดูแลเจ้าเถอะนะอ้ายเอ๋อร์”
หญิงสาวกะพริบเปลือกตาปริบๆ อย่างไม่รู้ว่าจะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไรดี นางไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจว่าจะมาพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ สิ่งเดียวที่นางเตรียมใจคือการตายด้วยคมดาบของเขา หรือไม่หลังจากแต่งงานสิ้นสุดพันธสัญญานางอาจถูกขายเป็นทาสให้กับขุนนางสักตระกูลหนึ่ง
“ว่าอย่างไรเล่า ขอให้ข้าดูแลเจ้าได้หรือไม่”
เมื่อถูกทวงถาม อ้ายเยว่จึงต้องพยักหน้าอย่างยอมจำนน นางหวาดกลัวเกินกว่าที่จะขัดขืนชายสูงศักดิ์ผู้นี้ จึงค่อยๆ อ้าปากโดยที่เขาบรรจงป้อนน้ำแกงอย่างอ่อนโยน
วะ...หวาน!
รสหวานของผักซ่านไปทั่วลิ้นและโพรงปาก เป็นรสชาติน้ำแกงชั้นเลิศที่นางไม่เคยได้ลิ้มรสมาก่อน ที่ผ่านมานางได้กินแต่หมั่นโถวที่เหลือค้างคืนจนแข็งเสียยิ่งกว่าหิน หรือไม่ก็ข้าวที่ใกล้จะบูดเต็มที ร้ายกว่านั้นหลายครั้งหลายครานางต้องฝืนกินอาหารบูดเน่าด้วยความหิว จนปวดท้องทุรนทุรายแทบขาดใจ
ถานอ้ายเยว่เผลอยิ้มออกมาเมื่อได้รับรสอร่อย และรอยยิ้มน้อยๆ ของนางก็ทำให้หวังเล่ยรู้สึกพึงพอใจ เขาตักน้ำแกงป้อนนางคำแล้วคำเล่า เพียงไม่กี่เค่อต่อมาน้ำแกงทั้งหมดก็ลดลงหนึ่งในสี่ส่วน
นางผอมเกินไปจึงไม่อาจรับประทานอาหารได้ทีละมากๆ ดังนั้นจึงต้องเน้นอาหารที่มีประโยชน์ มีส่วนช่วยบำรุงร่างกายและพลังปราณภายในให้กลับมาเสถียรให้จงได้
“อร่อยหรือไม่”
“อร่อยมากเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ได้เวลาดื่มโอสถแล้ว”
พูดพลางยื่นมือไปหยิบโถโอสถสีทองแกะสลักลวดลายวิจิตรอย่างงดงาม เขาเปิดฝาออกแล้วหยิบโอสถลูกกลมมนราวกับลูกแก้วแวววาวสีเขียวมรกตออกมา
“กินเสียสิอ้ายเอ๋อร์ โอสถตัวนี้ฉกาจนักเรื่องบำรุงปราณภายในและขับไล่สารพิษต่างๆ ที่ตกค้างอยู่ในร่างกายของเจ้า”
“ตะ...แต่ว่ามัน พะ...แพงมากเลยมิใช่หรือเจ้าคะท่านโหว”
หญิงสาวมองโอสถสวรรค์แวววาวในมือของชายหนุ่มราวกับไม่เคยเห็นของมีค่าเช่นนี้มาก่อน