“ท่านแม่ วันนี้ข้าไปเจอสตรีนางหนึ่ง นอนสลบอยู่ในตลาด ข้าจึงพานางมาอาศัยในจวนของเรา ข้าเห็นนางแต่งตัวพิลึก แถมวาจาของนางก็ประหลาดด้วยเช่นกัน” เขากล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น หากทว่าใบหน้าของฮูหยินลู่ขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปม
“เจ้าไปนำสตรีที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า เข้ามาที่จวนของเราได้เยี่ยงไร หากว่านางเป็นโจรปลอมตัวมา แล้วจวนของเราจะไม่แย่ไปหรือ” ฮูหยินลู่วางจอกน้ำชาขนาดเล็กพลางเอาฝ่ามือทาบอก ในสิ่งที่ตนกำลังคิด
“ไม่เป็นเยี่ยงนั้นหรอกท่านแม่ นางไม่มีพิษมีภัยกับจวนเราอย่างแน่นอน ว่าแต่ป่านนี้นางจะแต่งตัวเสร็จแล้วหรือยัง” ประโยคแรกเลี่ยงหรงปลอบใจมารดา ประโยคหลังเขาถามหานางพร้อมกับสอดส่องสายตาไปรอบ ๆ จวน
“เคารพฮูหยินลู่ เคารพท่านแม่ทัพ” เสียงของสาวใช้ทั้งสองเอ่ยพลางคำนับผู้เป็นนาย โดยการย่อเข่าลงพร้อมกับก้มหน้าในคราเดียวกัน
“สะ… สวัสดีค่ะฮูหยินลู่” เฟยฮวาคำนับเช่นเดียวกัน
แต่เนื่องจากว่านางยังไม่เคยเรียนรู้ขนบธรรมเนียมของผู้คนในยุคสมัยเก่า ในระหว่างที่นางเคารพผู้อาวุโส ร่างกายของนางก็โอนเอนไปมา จนสาวใช้ทั้งสองต้องมาช่วยประคองเฟยฮวาเอาไว้
“เจ้ามาแล้วหรือ” น้ำเสียงของเลี่ยงหรงเอ่ยออกมาอย่างดีใจ ในขณะที่เขานั่งหันหลังให้นาง
“เจ้าเองหรือ ที่บุตรชายของข้าไปเจอเจ้า” ฮูหยินลู่ว่าพลางลุกออกจากเก้าอี้เพื่อมายลโฉมใบหน้าของหญิงสาวให้ชัด ๆ
ในระหว่างนั้นเอง เลี่ยงหรงเองก็ได้เอี้ยวตัวหันไปมองนางเช่นเดียวกัน แต่แล้วกลับทำให้เขานั่งอ้าปากค้าง เพราะนางช่างต่างจากคนเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง
เฟยฮวาอยู่ในชุดจีนโบราณ กระโปรงสีชมพูอ่อนมีลายปักเป็นรูปดอกเหมย ส่วนชุดด้านบนเป็นเสื้อรูปทรงพอดีกับร่างกายของนาง มีแขนหลวมกว้าง แต่ทว่าด้านในมีชุดซ้อนทับกันอยู่หลายชั้นจึงทำให้หญิงสาวรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนัก
“นะ… นี่เจ้าเหรอ” เขาชี้นิ้วไปทางเฟยฮวาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างอย่างตกใจ เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าการจับนางมาแปลงโฉม ทำให้นางดูน่ารักและงดงามได้ถึงเพียงนี้
“ชะ… ใช่ ๆ ฉันเอง” เฟยฮวากล่าวตอบเขาอย่างขวยเขิน เมื่อรู้ว่าตนทำให้เขามีน้ำเสียงสั่นเครือ
“เจ้ามาจากเมืองใดกัน เหตุใดสำเนียงของเจ้า ข้าถึงไม่คุ้นหู” ฮูหยินลู่ถามนางพลางสาวเท้ากลับไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ตามเดิม
“ขะ… ขออภัยฮูหยินลู่ ขะ… ข้ามิอาจตอบท่านได้ว่าข้ามาจากที่ใด แต่ท่านมิต้องกังวลไปเจ้าค่ะ ข้ามาดี มิได้มาร้าย” หญิงสาวใช้คำ ย้อนยุคถูก ๆ ผิด ๆ ไปบ้าง ดีหน่อยที่นางเป็นคนชอบดูซีรีส์จึงทำให้นางกล้าที่จะกล่าวกับอีกฝ่ายด้วยความตื่นเต้น
ฮูหยินลู่หรี่สายตามองหญิงสาวว่านางไว้ใจได้หรือไม่ ทว่าเลี่ยงหรงสาวเท้าเข้ามาหานางพร้อมกับเอ่ยวาจา
“เหตุใดกับข้า เจ้าถึงไม่พูดเยี่ยงนี้บ้าง และเจ้ายังต้องเรียนรู้และฝึกพูดให้เหมือนกับเจ้าเป็นคนที่นี่ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เจ้าจะต้องอยู่จวนของข้าและเจ้าต้องทำตัวให้เหมาะสมกับตำแหน่งภรรยาเอกของข้า ในอีกไม่ช้า ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด เจ้าก็ต้องทำตามคำสั่งของข้า” ประโยคแรกเขาตัดพ้อกับนาง แต่ประโยคต่อมา เขากลับออกคำสั่งกับนาง โดยที่ไม่สนใจนางแม้แต่น้อย
เลี่ยงหรงสนใจเฟยฮวาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอสาวงามพลัดถิ่นผู้นี้ และยิ่งตอนที่นางใส่ชุดที่นางจากมา มันช่างล่อแหลมชวนให้เขาคิดเกินเลยกับนางจริง ๆ
แต่เนื่องด้วยนางไม่ใช่ผู้คนละแวกนี้ และไม่น่าจะใช่คนในพื้นเพแห่งนี้อีกด้วย เขาจึงต้องปกป้องและป้องกันตัวเอาไว้ หากว่านางมีแผนร้ายเกี่ยวกับราชบัลลังก์ เขาจะกำจัดนางทันที ต่อให้เขาไม่อยากจะทำมันเลย ก็ตาม แต่ถ้าเลี่ยงหรงไม่ทำก็จะมีผลต่อกับเขาและสกุลของเขาไปถึงเจ็ดชั่วโคตร
“นะ… นาย นายจะมาสั่งฉันไม่ได้นะ ฉันมีบ้าน ฉันมีที่ที่ต้องกลับ” เฟยฮวาต่อล้อต่อเถียงกับบุรุษตรงหน้า ที่มัดมือชกนางอย่างเห็นได้ชัด หยดน้ำตาเริ่มเอ่อคลอรอบ ๆ ดวงตา ทำเอาชายตรงหน้าเกิดอาการหน้าชาไปชั่วขณะ
“ลูกกำลังทำให้นางกลัว” ฮูหยินลู่ลุกออกจากเก้าอี้ที่ตนนั่งเมื่อครู่ หลังจากที่นั่งดูเหตุการณ์มานาน
นางเองก็ตกใจอยู่ไม่ใช่น้อย ที่บุตรชายของตนตัดสินใจอะไรเอง ผู้เดียวโดยที่ไม่ได้ปรึกษาหารือกับตนและสามีของตนที่ออกไปหารือกับฮ่องเต้เกี่ยวกับราชกิจในครั้งนี้ ฮูหยินลู่ใช้มือของตนลูบที่แขนของนางที่เริ่มใจคอไม่ดี
“เจ้าเองก็อย่าถือสาบุตรชายของข้าเลย ข้าเองมิอาจตัดสินใจแทนเจ้าและเลี่ยงหรงลูกของข้าได้ เจ้ามิต้องกังวลไป ทุกเรื่องจะต้องได้รับความเห็นชอบจากบิดาของเลี่ยงหรง ข้าเองมีหน้าที่ดูแลสาวใช้และทุกอย่างในจวน” ฮูหยินลู่เข้าใจเฟยฮวาดี เพราะก่อนที่นางจะได้มาเป็นภรรยาเอก บิดาของเลี่ยงหรง ก็ไม่ใช่ว่าจะได้เป็นง่าย ๆ
“ข้าอยากเตือนเจ้าในฐานะมารดาว่าที่สามี เจ้าอย่าได้ไปมีเรื่องกับเหล่าอนุภรรยาของเลี่ยงหรงเป็นอันขาด เพราะพวกนางเหล่านั้นเป็นอนุภรรยาที่ฝ่าบาทประทานมาให้” ฮูหยินลู่มีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด นางอดที่จะเป็นห่วงหญิงสาวผู้นี้ไม่ได้