“นางเป็นสตรีที่พลัดหลงมาจากถิ่นอื่น ข้าเห็นว่านางไม่มีที่พัก จึงให้มาพักในจวนของข้า เจ้าพานางไปชำระร่างกายและจัดแจงห้องหับ ให้นางได้พักผ่อน ส่วนข้าจะไปหาท่านแม่” เลี่ยงหรงสั่งสาวใช้คนดังกล่าวเสร็จสรรพ “อ้อ ข้าจะให้ซูเม่ยสอนเจ้า ไม่ว่าจะเรื่องอาบน้ำ ขนบธรรมเนียม กิริยาท่าทาง รวมไปถึงวาจาของเจ้าด้วย” เขาหันมาบอกหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังของตน เมื่อเขากล่าวจบก็ย่างสามขุมไปยังห้องน้ำชา สาวใช้ทั้งหลายต่างก็ทำความเคารพผู้เป็นนายและแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน
“เจ้า ตามข้ามา” สาวใช้ที่เคยเป็นสตรีของท่านแม่ทัพที่แอบรักนางอยู่ฝ่ายเดียว ปรายสายตามองเฟยฮวาเหมือนจะฆ่าแกงนางให้ได้ซะเดี๋ยวนั้น
“เธอมีชื่อว่าอะไร ฉันจะได้เรียกถูก” เฟยฮวาเอ่ยถามอย่างเป็นมิตร ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้นางเคยคิดจะตบและด่าสตรีผู้นี้ แต่เมื่อมาอยู่ตรงหน้าสตรีดังกล่าว หญิงสาวก็ต้องพบกับสายตาที่ไม่ยินดีต้อนรับนางเลยแม้แต่น้อย
แถมเหล่าสาวใช้ต่าง ๆ ก็มีท่าทีเกรงกลัวนางเป็นอย่างมาก เฟยฮวาย่อมไม่กล้าไปมีเรื่องกับนางอย่างแน่นอน และอีกอย่างที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของหญิงสาว จะโดนสาวใช้ผู้นี้คิดมิดีมิร้ายเมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบได้
“ข้ามีนามว่า ซูเม่ย เป็นหัวหน้าสาวใช้ที่นี่ ส่วนเจ้ามีนามว่าอะไร และหลังจากนี้ไปข้าจะสอนเรื่องกิริยามารยาท การทำความเคารพผู้เป็นนายและหน้าที่ต่าง ๆ ที่เจ้าต้องรับผิดชอบในจวนนี้” ซูเม่ย ช้อนสายตามองหญิงสาวที่เดินอยู่ด้านหลัง ที่ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของตนแม้แต่น้อย “สายตาเจ้าซุกซนเสียเหลือเกิน อยู่ในจวนนี้อย่าคิดว่าตนมีสิทธิพิเศษเหนือผู้อื่น” น้ำเสียงเย็นยะเยือกของซูเม่ยทำเอาเฟยฮวาขนลุกไปทั่วทั้งร่าง
“เธอถามฉันเหรอว่าชื่ออะไร ฉันชื่อเฟยฮวา ว่าแต่เธอทำไมถึง ไม่รับรักท่านแม่ทัพล่ะ” นางบอกชื่อของตนพร้อมกับเอ่ยถามในสิ่งที่ตนต้องการทราบ
“มันไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า” ซูเม่ยตอบอย่างไม่พอใจ “นี่คือเรือนอาบน้ำ และชุดของเจ้า” นางว่าพลางยื่นชุดจีนโบราณย้อนยุคที่เฟยฮวาเคยเห็นตามร้านขายชุดจีนทั่วไป แต่นี่มันของจริง ชุดบางมาก ทว่าในกองชุดนั้นมันมีผ้าหลายชิ้น เป็นชิ้นเล็กชิ้นบาง จนหัวคิ้วของเฟยฮวาขมวดเข้าหากันด้วยความงงงวย
“ฉันใส่ผ้าพวกนี้ไม่เป็นหรอก เธอสอนฉันให้ใส่เสื้อผ้าพวกนี้หน่อยได้มั้ย” เฟยฮวาขอร้องสตรีตรงหน้า แต่นางทำสีหน้าอย่างไม่พอใจก่อนจะเอ่ยกับสาวใช้ที่ยืนห่างออกไปหลังจากที่หาชุดมาให้เฟยฮวาได้สวมใส่
“พวกเจ้าสองคน อยู่ปรนนิบัติรับใช้นาง ตั้งแต่อาบน้ำ รวมไปถึงจับนางใส่ชุดให้เรียบร้อย” ซูเม่ยปรายตามองสาวใช้ที่คอยรับคำสั่งจากนางอีกที
“เจ้าค่ะ” สตรีทั้งสองรับคำ พลางย่อเข่าลงเล็กน้อยพอเป็นพิธีก่อนที่ซูเม่ยจะเดินจากไป
“พะ… พวกเธอรอด้านหน้าก็พอ เดี๋ยวฉันเข้าไปอาบเอง” นาง โบกไม้โบกมือไปมา เพื่อห้ามไม่ให้สาวใช้ทั้งสองเข้าไปด้านใน
“หามิได้เจ้าค่ะแม่นาง ซูเม่ยสั่งพวกเราสองคน ยังไงก็ต้องทำ เจ้าค่ะ” พวกนางไม่พูดเปล่า พลางช่วยกันพาเฟยฮวาเข้าไปด้านใน พร้อมกับต่างฝ่ายต่างปลดเปื้อนชุดให้นาง
“นี่ ๆ ไม่เอา ๆ ฉันอาย ฉันอาบเองได้ อย่านะ” หญิงสาวร้องห้ามพร้อมกับนำแขนมาปิดบังร่างกายของตนเอาไว้
“มิได้เจ้าค่ะ พวกข้าทั้งสองไม่อาจฝ่าฝืนคำสั่ง ถ้าหากพวกข้าไม่ทำ คงถูกซูเม่ยโบยแน่ ๆ” สาวใช้คนเดิมกล่าวออกมาพลางสาวเท้าเข้ามาใกล้ ๆ เฟยฮวา
แต่ในจังหวะเดียวกัน ความคิดของนางกลับแล่นเข้ามาในหัว นางกลับเห็นใจสาวใช้ทั้งสอง หญิงสาวจึงไม่ต่อต้านสาวใช้อีกเลย เพราะคำว่าโดนโบยที่นางได้ยินกับหู ทำให้เฟยฮวาอดสงสารพวกนางเหล่านี้ไม่ได้ หากทำอะไรไม่พอใจ สาวใช้คงถูกเฆี่ยนตีจนหลังลายเป็นแน่
“ท่านแม่” น้ำเสียงกล่าวเรียกมารดาของตน เมื่อเห็นสตรีร่างท้วมกำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ที่โต๊ะไม้ตัวกลมสีดำซึ่งวางอยู่กลางเรือน
“เลี่ยงหรงของแม่ วันนี้เจ้ามาแต่หัววันเชียว ทานอะไรมาแล้วหรือยัง มานั่งจิบน้ำชากับแม่ก่อน” ฮูหยินลู่เอ่ยปากอย่างดีใจเมื่อเห็นบุตรชายของตนสาวเท้าเข้ามายังเรือนน้ำชา
“ท่านแม่ ไม่พักผ่อนหรือขอรับ” เลี่ยงหรงเอ่ยปากถามผู้เป็นมารดาอย่างเป็นห่วง
“แม่พักผ่อนไปหลายชั่วยาม จนแม่เบื่อไปเสียหมด ว่าแต่เจ้าเมื่อไหร่จะมีหลานให้แม่ได้เสียที อนุภรรยาของลูกรอปรนนิบัติอยู่ทุกค่ำคืน” ฮูหยินลู่ว่าพลางจิบน้ำชาไปพลาง
ในขณะเดียวกันสาวใช้ที่รอปรนนิบัติรับใช้ ก็ได้รินน้ำชาในกาให้กับเลี่ยงหรงได้ดื่มเพื่อแก้กระหาย
“ถึงลูกจะมีอนุภรรยาหลายคน แต่พวกนางไม่ใช่สตรีที่ลูกเลือกเอง แถมเป็นอนุภรรยาที่ฮ่องเต้ทรงเลือกให้ลูก ลูกเองก็มิอาจปฏิเสธความหวังดีของฝ่าบาทได้” ใบหน้าของเขาสลดลงอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้าอย่าคิดมากจนเกินไป แม่จะไม่บังคับเจ้า หากวันใดเจ้าต้องการพวกนาง ก็แวะเวียนไปหาพวกนางบ้าง พวกนางจะได้ไม่เหงา” ฮูหยินลู่ ตัดบทเพราะไม่อยากให้บุตรชายของตนต้องมาเครียดเรื่องสตรีของเขา