บทนำ
‘ไยเจ้าถึงไม่รับรักข้า เจ้าทำเยี่ยงนี้กับข้าได้อย่างไรกัน’
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในชุดเกราะที่เพิ่งกลับมาจากการสู้รบ ที่ต่างเมือง
‘ท่านแม่ทัพ ข้ามิอาจเอื้อมรับรักท่านได้เจ้าค่ะ ในเมื่อข้าเป็นเพียงแค่สาวใช้ในจวนของท่าน’ หญิงสาวกำลังโน้มตัวเคารพชายผู้นั้น ที่มีใบหน้าเข้มขรึม นางหลุบสายตาลงต่ำ เพราะนางมิกล้าสบตาผู้เป็นนาย
ภาพหน้าจอโทรศัพท์กำลังเล่นไปเรื่อย ๆ ในขณะที่หญิงสาวกำลังจดจ้องไปที่ภาพดังกล่าว
“ยัยผู้หญิงหลายใจ ยัยผู้หญิงนิสัยไม่ดี ยัยผู้หญิงโง่เง่า ถ้าเป็นฉันนะ จะพลีกาย พลีใจตั้งแต่ที่รู้ว่าเขารักฉันแล้วย่ะ” หญิงสาวจีบปากจีบคอ ด่าทอผู้หญิงที่หักอกผู้ชายในซีรีส์ที่เธอกำลังชม
“แม่ทัพอะไรของเขาน้า น่ากินอะไรขนาดนี้ ทั้งหน้าตาดี ร่างกายก็บึกบึน ถ้าเป็นฉันจะกอดรัดฟัดเหวี่ยงเลยคอยดู” หญิงสาวกำลังกอดรัด ฟัดเหวี่ยงอยู่กับหมอนข้างที่เธอชอบกอด พร้อมกับจิกนิ้วไปที่หมอนข้าง ใบเดิม เมื่อจินตนาการถึงผู้ชายในซีรีส์ที่เธอกำลังชม
เธอมีชื่อว่า ณัชพร หรือ พร แต่ฉายาที่เหล่าเพื่อน ๆ ตั้งให้มีชื่อว่า พรฮับ ทำให้เธอเป็นที่รู้จักมากมาย ด้วยความที่เธอเป็นผู้หญิงอารมณ์ดี เข้ากับคนได้ง่าย บ้านิยายและซีรีส์เป็นที่สุด
อายุอานามของเธออยู่ที่สามสิบต้น ๆ ซึ่งเป็นวัยที่จะต้องหาคู่ชีวิตได้แล้ว ทว่าเธอแทบจะไม่มองผู้ชายคนไหนเลย ถึงแม้ว่ามีหนุ่มมากหน้าหลายตาขอเข้ามาจีบเธอก็ตาม หญิงสาวก็ปฏิเสธทันทีทันใด และให้เหตุผลว่า เธอยังไม่พร้อมที่จะมีใครและไม่พร้อมที่จะมีครอบครัวเพื่อเพิ่มภาระให้ตนเอง
เธอเช่าห้องอพาร์ทเมนต์อยู่ในเมืองกรุง ซึ่งเช่าในราคาไม่กี่พันบาท แค่นี้เธอก็มีความสุขแล้ว แถมไม่มีบิดาและมารดาให้รับผิดชอบอีกด้วย
ณัชพรเธอเป็นเด็กกำพร้าซึ่งอยู่ในบ้านเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เกิด พอเธอโตเป็นสาวและสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ เธอจึงขออนุญาตออกมาใช้ชีวิตของตนเองและไม่ลืมที่จะไปเยี่ยมเด็ก ๆ และผู้ใหญ่ที่เลี้ยงเธอมา
แต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่สวยเสียทีเดียว หญิงสาวมีใบหน้ารูปไข่ ผมยาวสีดำธรรมชาติ รูปร่างผอมบางทรงนาฬิกาทราย ใครเห็นเป็นต้องหลงรักและแอบชอบเป็นธรรมดา
“ตายแล้ว ตีสาม พรุ่งนี้ตื่นไปทำงานสายแน่ ๆ เลย มีหวังโดนหัวหน้างับหัวแน่ ๆ” ณัชพรเหลือบสายตาไปเห็นเวลาที่อยู่ขอบหน้าจอ เพื่อบอกให้เธอพักผ่อนนอนหลับได้เสียที พร้อมกับใบหน้าที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะนอนหลับง่าย ๆ เพราะดวงตาของเธอยังสว่างจ้าอยู่เลย
แต่เธอก็ต้องหักห้ามใจปิดซีรีส์และวางโทรศัพท์ไว้ข้าง ๆ เพื่อให้ชัวร์ว่าพรุ่งนี้นาฬิกาจะช่วยปลุกเธอไม่ให้ตื่นสาย จากนั้นเธอก็ปิดเปลือกตาลง พร้อมกับลมหายใจที่สม่ำเสมอ บ่งบอกว่าเธอได้เข้าสู่ห้วงนิทรา ไปเรียบร้อยแล้วแค่เพียงอึดใจ
“นางคือผู้ใด พวกท่านเคยเห็นนางมาก่อนหรือไม่” เสียงคุ้นหูดังอยู่ข้างกาย หญิงสาวรู้สึกว่าตนเองไม่ปลอดภัยจึงค่อย ๆ ปรือตาขึ้นอย่างช้า ๆ
“อ๊ายยยยย” ทว่านางส่งเสียงและกรีดร้องลั่นออกมาจนผู้คนที่กำลังมุงดูต้องถอยห่างออกมาจากสตรีที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าแปลกประหลาด
“จะ… เจ้า ๆ เจ้าจะร้องตะโกนโวยวายไปทำไม ข้ามิใช่โจรหรือผู้ที่คิดร้ายกับเจ้า” เขาพูดพลางขยับตัวถอยห่างจากนาง
“นะ… นี่นาย” ว่าแล้วเธอก็ชี้นิ้วไปทางชายแปลกหน้าพลางเอา ฝ่ามือตบหน้าตนเองอยู่หลายที “ไม่ ๆ นี่ฉันไม่ได้ฝันไปเหรอ เกิดขึ้นอะไรกับฉันเนี่ย” ว่าแล้วเธอก็สติแตกทันที เมื่อมาอยู่ในยุคที่เธอไม่รู้จัก และ ไม่คุ้นสำเนียงภาษา แม้แต่เครื่องแต่งกายที่พวกเขาสวมใส่ พลางลุกขึ้นวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้ เธอไม่อยากจะหัวขาดก่อนที่จะมีสามี
“นี่เจ้า จะรีบสาวเท้าไปที่แห่งใดกัน” บุรุษดังกล่าวเอ่ยพลางเอื้อมมือดึงชายเสื้อของนาง เพื่อไม่ให้นางหนีหายไปไหน
“เจ้า ๆ อะไรกันล่ะ นี่มันละครในซีรีส์ชัด ๆ คำก็เจ้า สองคำก็เจ้า ฉันก็มีชื่อนะเฟ้ย” ใบหน้านิ่วของนางไม่สบอารมณ์ พลางสะบัดชายเสื้อ ให้หลุดจากเงื้อมมือของชายแปลกหน้า
“เจ้ามิใช่คนที่เมืองนี้หรือ เจ้ามาจากแห่งใดกัน วาจาของเจ้า ข้ามิคุ้นหู” บุรุษดังกล่าวยอมปล่อยชายเสื้อของนางแต่โดยดี ด้วยใบหน้า ที่มึนงง
“ฉันมาจากกรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย และฉันมีชื่อว่า ณัชพร ชื่อเล่นว่า พร โอเค้” นางกล่าวออกมา ทว่ากลับทำให้ชายแปลกหน้างงงวยยิ่งกว่าเก่า
“เจ้าว่ากระไร ข้ามิเข้าใจในสิ่งที่เจ้ากล่าว” บุรุษที่อยู่ตรงหน้า ทำเอานางหัวเสีย จนแทบอยากจะเข้าไปหักคอเขาเสียเต็มประดา
“เว้ย! นี่มันคือที่ไหนกันแน่ นายบอกฉันหน่อยได้มั้ย” หากแต่ว่าเป็นนางเสียเองที่ต้องถามเขากลับ
“ที่เจ้าอยู่คือเมืองหลวง ในยุคราชวงศ์ชิง จักรพรรดิเฉียนหลงเป็นฮ่องเต้” บุรุษผู้นั้นกล่าว พลางกุมมือไว้เหนือศีรษะเพื่อให้นางได้รับทราบว่านามที่เขาได้กล่าวออกมานั้นคือผู้ที่อยู่เหนือประชาราษฎร์ทั้งปวง
“ตาเถรยายชี” นางอุทานออกมา จนลืมนึกไปว่ายังมีบุรุษยืนอยู่ข้างกาย “นี่ฉันหลุดมาอยู่ในยุคเฉียนหลงฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์เลยเหรอ ดีนะไม่ได้หลุดมาในยุคที่จักรพรรดิยงเจิ้ง ไม่งั้นฉันหัวขาดแน่ ๆ” นางยังคงพึมพำออกมา ทว่าชื่อที่นางกล่าวกลับสะดุดหูเขาเป็นยิ่งนัก