ส่วนอู่ไท่เฟยมีอายุยี่สิบสามหนาว ตอนที่นางแต่งเข้ามาในจวนสกุลลู่ นางมีอายุยี่สิบหนาวทำให้นางมีนิสัยที่ร้ายกาจ เอาแต่ใจ เพราะนางเป็นอนุภรรยาที่ถูกแต่งตั้งและได้อภิเษกสมรสก่อนใคร
“ข้าเพิ่งไปพบนางมา นางอาละวาดใส่ข้าซะยกใหญ่ นางคงเกลียดข้าเสียแล้วล่ะน้องอี้หยา ส่วนอู่ไท่เฟยตอนนี้ข้ามีคำสั่งให้กักบริเวณนางหนึ่งอาทิตย์ เพื่อให้นางได้ไตร่ตรองและทบทวนในสิ่งที่นางได้กระทำลงไป” เขากล่าวพลางดึงสตรีข้างกายมากอดให้หายคิดถึง
“นี่ก็ดึกมากแล้ว ท่านพี่พักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ” นางผละออกมาจาก วงแขนของเลี่ยงหรง หากทว่าเขากลับกระชับนางไว้ในอ้อมแขน
“คืนนี้เจ้าจะต้องปรนนิบัติข้าให้ดีซะด้วยล่ะ” เขาไม่ว่าเปล่า เอื้อมมือช้อนร่างของนาง พลางขยับตัวลุกขึ้นและสาวเท้าไปยังตั่งที่อยู่ ใกล้ ๆ
“ทะ… ท่านพี่ กล่าววาจาอะไรออกมา ช่างน่าอายเสียเหลือเกิน” ใบหน้าเคอะเขินของนาง ทำให้เขาอยากจะเข้าไปเชยชม ในขณะที่แผ่นหลังของนางแตะลงบนตั่งที่มีฟูกหนาพอให้คนทั้งสองได้นอนเคียงคู่
“เจ้าจะเขินข้าไปทำไมกัน ในเมื่อเจ้าก็เคยร่วมหอลงโรงกับข้าตั้งแต่วันที่เจ้าได้ย่างกรายเข้ามาในจวนข้าแล้ว” สิ้นเสียงเขาก็ซุกใบหน้าลงไปที่ต้นคอระหงของนาง จนลิ่วอี้หยาขบเม้มริมฝีปากเข้าหากันด้วยโหยหาสิ่งนี้มาเนิ่นนาน
เสียงร้องครวญครางดังเล็ดลอดออกมาจากเรือนของลิ่วอี้หยา ทำให้สาวใช้ที่รอปรนนิบัติรับใช้อยู่ภายนอกอดที่จะขวยเขินไม่ได้ จนนางทั้งสองต้องสาวเท้าเดินออกมาอย่างช้า ๆ เพื่อไม่ทำให้เจ้านายทั้งสอง เสียอรรถรสในการเสพสุขในครั้งนี้
“นี่เจ้า ข้าไม่เคยเห็นนายหญิงมีความสุขเช่นนี้มาก่อนเลย” สาวใช้มีนามว่า ไป๋หรั่น ซึ่งเป็นน้องสาวของไป๋ฟู่ เอ่ยปากถามสาวใช้อีกคนที่มีใบหน้าขวยเขินไม่แพ้ตน
“ข้าอดอิจฉานายหญิงมิได้ ข้าอยากมีชายคนรักที่แสดงความรักกับข้าแบบนี้บ้าง” สาวใช้คนดังกล่าวตอบไป๋หรั่น ในขณะเดียวกันนางนำฝ่ามือมากุมใบหน้าที่ร้อนผ่าวอย่างขวยเขิน
“ข้าก็อยากมีเหมือนที่เจ้ากล่าว” ใบหน้าของไป๋หรั่นกำลังเพ้อฝัน ไม่แพ้สาวใช้อีกคนซึ่งมีนามว่าฟูหลิน ที่มีใบหน้างดงามมิใช่น้อย หากเป็นไปได้นางก็อยากเป็นนางกำนันให้กับฮ่องเต้ เผื่อว่าฮ่องเต้จะสนใจนาง
ทว่าภายในวังหลวงต่างก็แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น อยากจะเป็นสนมโปรดของฮ่องเต้ให้ได้ ที่สำคัญคือมันไม่ได้สงบเหมือนในจวนของสกุลลู่ ที่นางรับใช้มานานหลายปี
“เจ้ารู้หรือไม่ว่า ท่านแม่ทัพลู่เคยแอบหลงรักซูเม่ยด้วยนะ” ฟูหลินกระซิบกระซาบบอกสาวใช้อีกคน ในขณะที่สายตาของนางสอดส่องไปทั่วบริเวณนั้น กลัวว่าคนที่นางเอ่ยจะเข้ามาได้ยิน
“เจ้ารู้ได้อย่างไร ข้าก็แอบได้ยินสาวใช้ท่านอื่นต่างก็พูดเหมือนกัน” ไป๋หรั่นดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ
“ข้าแอบเห็นท่านแม่ทัพลู่ออกมาหาซูเม่ยกลางค่ำกลางคืน” ฟูหลินเล่าให้ไป๋หรั่นฟังในขณะที่นางเองก็ทำสีหน้าตกใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวมา
“ข้าก็ว่าแล้วเชียว เหตุใดซูเม่ยถึงแอบมองนายหญิงเฟยฮวาอย่างไม่เป็นมิตร” ไป๋หรั่นพยักหน้าพลางนึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าวที่เพิ่งเกิดขึ้น
“สงสารนายหญิงจัง ที่โดนนายหญิงอู่ไท่เฟยทำเช่นนั้นกับนาง และถ้าซูเม่ยรู้ว่าท่านแม่ทัพลู่แต่งตั้งนางให้เป็นภรรยาเอก นางจะทำเช่นไร เพราะว่าซูเม่ยไม่รับรักท่านแม่ทัพลู่เสียเอง” ไป๋หรั่นกล่าวออกมาก็อดคิดไม่ได้ว่าซูเม่ยจะมีปฏิกิริยาเยี่ยงไร
ในขณะเดียวกันที่สาวใช้ทั้งสองออกห่างจากเรือนของลิ่วอี้หยา เลี่ยงหรงกำลังซุกหน้าอยู่ที่เนินสาวของนาง พลางใช้ปลายลิ้นทำให้หญิงคนรักของตนมีความสุข
“อ๊า! ทะ… ท่านพี่ อืม...ขะ… ข้าคิดถึงร่างกายของท่านเหลือเกิน อ๊า!” ลิ่วอี้หยาใช้ฝ่ามือลูบไปที่ใบหน้าของสามี ซึ่งกำลังใช้ปลายลิ้นดูดน้ำหวานของนาง
“ข้าก็คิดถึงและโหยหาร่างกายเจ้าเช่นเดียวกัน ลิ่วอี้หยาภรรยาของข้า” เลี่ยงหรงผละริมฝีปากออกจากเนื้อสาว ก่อนจะค่อย ๆ ขยับร่างกายขึ้นมาคร่อมร่างนางเหมือนที่เขาเคยทำ
“ท่านพี่ช่างปากหวานเสียนี่กระไร” ปลายนิ้วของนางแตะลงที่ริมฝีปากหนาของสามี ก่อนที่ทั้งสองจะจู่โจมเข้าหากันอีกครั้ง
โดยที่นางเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เพราะไฟราคะของนางตอนนี้มันได้ตื่นขึ้นเสียแล้ว หลังจากที่เขาออกไปสู้รบเสียตั้งนาน วันนี้แหละนางจะทำให้สามีของตนมีความสุขให้จงได้
ริมฝีปากของคนทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่ม ในขณะที่แขนของนางโอบรอบคอของเขาเอาไว้ ส่วนเขาเองก็ได้เอื้อมมือลงไปเล่นกับหน้าอกงดงามของนางที่มันช่างน่าเชยชมไปหมด
เลี่ยงหรงไม่รอช้า เขาผละริมฝีปากออกจากริมฝีปากคู่สวย ก่อนที่จะนำใบหน้าซุกเข้าไปที่หน้าอกของหญิงสาว นางเองเผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย เพราะนางคิดว่าสามีของตนคงไปนอนพักกับสตรีที่เขาพานางมาอยู่ในจวน
“อ๊า ทะ… ท่านพี่เจ้าคะ นะ… น้องไม่ไหวแล้ว อ๊า!” ลิ่วอี้หยา ร้องครางบอกชายตรงหน้า เพื่อให้สามีของตนได้ออกศึกเสียที
“วันนี้ภรรยาของข้า ช่างเร่าร้อนเสียเหลือเกิน ข้าอยากจะควบเจ้าเสียเต็มประดา เจ้าจะรับแรงจากข้าไหวหรือไม่” เลี่ยงหรงเงยหน้าออกจากซอกอกของลิ่วอี้หยาพลางเอ่ยปากถามภรรยาของตนด้วยใบหน้าหื่นกระหาย