“ถ้าเจ้ามิเป็นอะไรอย่างที่เจ้ากล่าว งั้นข้าขอตัวกลับเรือนของข้าเสียที” น้ำเสียงหวานของลิ่วอี้หยากลับทำให้เฟยฮวารู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย
สิ้นเสียงนางก็สาวเท้าเดินออกไปจากเรือนพร้อมกับสาวใช้ทั้งสองที่อยู่ปรนนิบัติลิ่วอี้หยาไม่ห่างกาย
“แค่นี้ยังน้อยไปสำหรับเจ้า ที่ใช้ร่างกายแลกตำแหน่งภรรยาเอก อย่าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ ต่อให้ลิ่วอี้หยาไม่เอาความกับเจ้า แต่ข้าไม่ยอมจะให้เจ้าอยู่กับท่านพี่ไปตลอดรอดฝั่ง” นางชี้นิ้วมาที่เฟยฮวาว่านางจะทำจริง ๆ ตามที่นางกล่าวออกมาแน่นอน ก่อนจะเชิดหน้าสะบัดชายอาภรณ์พร้อมกับสาวเท้าเดินจากไป
“ฮึก! อึก! ฮือ...” จู่ ๆ เฟยฮวานางก็สะอึกสะอื้นร่ำไห้ออกมา อย่างไม่ห่วงสายตาของสาวใช้ ที่เข้ามาพบเห็นพอดิบพอดี
“นายหญิง อย่าร่ำไห้ซิเจ้าคะ ข้าน้อยสมควรโดนลงโทษ ที่ข้าน้อยดูแลท่านไม่ดี” สาวใช้ทั้งสองนั่งลงคุกเข่าบนพื้นพร้อมกับก้มศีรษะลงบนพื้นพลางกล่าวโทษตัวเอง
“อึก...มะ… มันไม่ใช่ความผิดของพวกเธอนะ” นางเงยหน้าขึ้นมองสาวใช้ที่ยังก้มศีรษะลงบนพื้น ทำให้นางคิดถึงซีรีส์ที่นางได้ชม ทำไมสาวใช้หรือบ่าวไพร่ต้องมารับผิดชอบแทนนายของตน เพียงเพราะพวกเขาเกิดมาในชนชั้นต่ำไร้การศึกษาและมีฐานะยากจนอย่างนั้นหรือ
นางไม่เห็นสมควรที่จะให้สาวใช้ก้มหน้าลงกับพื้นพร้อมกับโทษตนเองว่าเป็นคนผิด เฟยฮวาคิดได้ดังนั้นจึงลุกออกจากเก้าอี้ พร้อมกับโน้มตัวลงต่ำนำฝ่ามือทั้งสองข้างจับแขนสาวใช้ทั้งสองให้ลุกขึ้น
“พวกเธอไปพักผ่อนเถอะ วันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวัน ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ส่วนของที่นำมาเอาวางไว้บนโต๊ะ เดี๋ยวฉันจะจัดการเอง” นางว่าพลางส่งสายตาไปทางโต๊ะไม้ที่นางเพิ่งลุกออกจากเก้าอี้เมื่อสักครู่
“หามิได้เจ้าค่ะนายหญิง พวกข้าทั้งสองเป็นแค่สาวใช้ นายหญิงอย่าเอามือสะอาด ๆ แตะต้องพวกเราเลยเจ้าค่ะ” สาวใช้อีกคนกล่าวพลางขยับเท้าถอยห่างจากผู้เป็นนาย
เฟยฮวาได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “งั้นฉันจะไม่แตะต้องพวกเธอ หากไม่จำเป็น ถ้าไม่มีอะไรแล้วไปพักผ่อนเถอะ ฉันดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องเป็นห่วง” นางว่าพลางสาวเท้ามาที่โต๊ะไม้ตามเดิม พร้อมกับหย่อนก้นลงนั่ง
“หากนายหญิงไม่มีอะไรจะรับใช้ พวกข้าทั้งสองขอตัวไปพักผ่อนนะเจ้าคะ” สาวใช้ผู้นี้ มีนามว่า ไป๋ฟู่ นางเป็นสาวใช้ในจวนมาหลายปี ส่วนสาวใช้อีกคนมีนามว่า กุ้ยหลิน ที่เพิ่งมาเป็นสาวใช้เพียงไม่นาน
เฟยฮวาทำได้เพียงพยักหน้าตอบ และสาวใช้ทั้งสองก็จากไป หากทว่านางกลับนำใบหน้าฟุบลงบนโต๊ะไม้ดังกล่าวพร้อมกับเสียงสะอื้นและหยดน้ำตาที่ไหลริน
เลี่ยงหรงอยากจะไปหาเฟยฮวาแทบแย่ แต่ติดตรงที่เขายังต้องพูดคุยและปรึกษาราชการบ้านเมืองกับบิดาที่เพิ่งกลับจวนมาได้ไม่นาน
“ท่านพ่อ ลูกมีเรื่องจะบอกท่าน” ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้ง “ลูกไปเจอสตรีนางหนึ่งในตลาด นางมิใช่คนในเมืองนี้ หากว่าลูกบอกท่านพ่อว่า ลูกจะแต่งตั้งนางให้เป็นภรรยาเอกของลูก ท่านพ่อเห็นชอบหรือไม่” เขาเองก็เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะกล่าวกับบิดาของตนกับสตรีที่ตนอยากได้มาครอบครอง
“เจ้าว่าเยี่ยงไรนะ เจ้าเพิ่งไปเจอนางมา แล้วเจ้าจะแต่งตั้งนางให้เป็นภรรยาเอกของเจ้าอย่างนั้นหรือ ทั้งที่เจ้ายังมิรู้หัวนอนปลายเท้าหรือแม้แต่สกุลของนางว่ามาจากที่ใด เป็นบุตรีของขุนนางท่านใด หรือเจ้าไม่กลัวว่านางอาจจะเป็นผู้ร้ายที่แฝงตัวมาให้เจ้านั้นตายใจแล้วฆ่าพวกเราทั้งจวนอย่างนั้นหรือ” บิดาของเลี่ยงหรงมีนามว่าลู่เว่ยเซียนกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ
เมื่อบุตรชายของตนไปถูกใจสตรีที่เพิ่งเจอกันไม่ทันข้ามวันก็จะแต่งตั้งให้นางเป็นภรรยาเอกเสียแล้ว
สตรีที่จะมาเป็นภรรยาเอกให้กับบุตรชายของตน ซึ่งได้ตำแหน่งแม่ทัพใหญ่หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า ต้าเจียงจวิน เพราะเลี่ยงหรงทำความดีความชอบไว้มาก ทั้งออกรบคราใดก็ชนะศึกทุกครา จึงมีราชโองการจากฮ่องเต้แต่งตั้งตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ให้แก่เขา
“ลูกมิทราบอะไรเกี่ยวกับนางก็จริง แต่นางก็ไม่มีพิษไม่มีภัยต่อจวนเราอย่างแน่นอน” เขากล่าวอย่างมั่นใจว่านางไม่ใช่คนแบบนั้น “ท่านพ่อ ลูกขอโอกาสให้นางได้อยู่ในจวน เพื่อให้ท่านพ่อจะเห็นความดีความงามของนาง” เลี่ยงหรงพยายามพูดหว่านล้อมบิดาของตน
“งั้นก็แล้วแต่เจ้าแล้วกัน เจ้าเองก็โตมากแล้ว ควรจะมีหลานให้ข้ากับท่านแม่ของเจ้าได้เชยชมเสียที” ลู่เว่ยเซียนกล่าวพลางยกจอกน้ำชาขึ้นมาดื่มแก้กระหาย
“ขอบคุณท่านพ่อที่ทรงอนุญาตให้ลูกได้ทำตามใจชอบบ้าง” เลี่ยงหรงลงไปคำนับขอบคุณ ฝ่ามือกำเข้าหากัน จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นมา “ถ้าเช่นนั้นแล้ว ลูกขอไปหานางก่อนนะขอรับท่านพ่อ” สิ้นเสียงเขาก็รีบสาวเท้าจากไป โดยไม่ฟังคำกล่าวลาจากบิดาของตน
ลู่เว่ยเซียนได้แต่ส่ายศีรษะไปมาด้วยความระอาต่อบุตรชายของตน หากทว่าเขาก็ค่อย ๆ ฉีกยิ้มออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เพราะบุตรชายของเขาไม่เคยมีสีหน้าที่ดีใจและมีความสุขแบบนี้มาก่อน จนเขาอดคิดไม่ได้ว่าบุตรชายของตนคงจะหลงรักนางผู้นั้นเข้าเสียแล้ว