น่านแกล้งหลับทันทีเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องนอนเปิดออกแล้วไม่นานกลิ่นหอมก็กระทบจมูกให้ต้องแข็งใจไม่ลืมตามองหรือคว้าตัวเธอเข้ามากอดมาหอมแก้มสักฟอดใหญ่ๆโทษฐานที่น่ารักมากจนเกินไป
ฝ่ามือเล็กนุ่มนิ่มแตะที่แก้มวัดอุณหภูมิคงเพราะเป็นห่วงแต่สำหรับเขามันเหมือนกับว่าเธอกำลังทดสอบความอดทนของเขามากกว่า อยากจับมือเล็กมาจูบแล้วดึงตัวเข้ามากอดให้ความอุ่นแทนผ้าที่กำลังห่มให้กันจริงๆเลยแต่ต้องแข็งใจเอาไว้ไม่อย่างนั้นอินวารู้แน่ว่าเขาโกหก
"หายเร็วๆนะคะบอสน่าน"
เปลี่ยนคำว่าบอสเป็นที่รักไม่ได้เหรอ?
ผ่านไปเกือบสิบนาทีอินวาขึ้นลุกขึ้นหยิบจานผลไม้กับแก้วน้ำไปเก็บแล้วระหว่างรอบอสน่านตื่นเธอเลยทำอาหารเย็นง่ายๆอย่างแกงจืดเห็ดหอมกับหมูทอดกระเทียมดีกว่า
เวลาผ่านไปสักพักน่านถึงได้ลุกจากโซฟาตัวใหญ่บิดตัวคล้ายเมื่อยเล็กน้อยถึงได้เดินไปหยุดตรงหน้าเลขาที่กำลังทำกับข้าวอยู่ เธอใส่ผ้ากันเปื้อนสีฟ้าอ่อนน่ารักเชียวแล้วดูยิ้มกว้างให้กันสิจะน่ารักเกินไปไหมทูนหัว
"หอมจังเลยคุณ"
"ชิมไหมคะ?"
"เอาสิ ผมอยากรู้หมือนกันว่าฝีมือคุณจะดีเหมือนเดิมรึเปล่า" เขาเอามือไขว้หลังแล้วก้มหน้าไปใกล้คุณเลขาที่ตักแกงจืดเห็ดหอมมาป้อน เพียงแค่ได้กลิ่นก็รู้สึกหิวขึ้นมาแล้วมื้อนี้คงจะเจริญอาหารแน่เพราะหวานใจลงมือทำเอง
"อร่อยแล้ว ผมช่วยจัดจานนะ"
"งั้นบอสตักข้าวนะคะ"
"ได้สิ แต่แกงจืดมันร้อนนะคุณยกไหวเหรอ?"
"แค่ชามเดียวเองรับรองไม่ร่วงหรอกค่ะ" บอสน่านพูดเหมือนว่าเธอเป็นเด็กอย่างนั้นแหละทั้งที่แกงแค่ชามเดียวไม่ได้หนักเกินไปเลยด้วยซ้ำ
เธอตักแกงจืดใส่ชามกำลังจะยกไปพร้อมกับหมูทอดกระเทียมแต่ว่ากลับมีมือใหญ่มาจับมือเธอไว้ก่อนพร้อมกับแววตาอบอุ่นมากยิ้มกว้างจนยาหยี่น่ารักจริงเชียว
"ผมยกเองมันหนักมันร้อน คุณไปนั่งรอก็พอแล้ว"
"ก็ได้ค่ะ แต่…" ยังพูดไม่จบบอสก็ขยับเข้ามาใกล้มากแล้วก้มหน้าเข้ามาใกล้ มือใหญ่เกลี่ยนิ้วลงที่แก้มช้าๆแล้วแววตาที่มองก็ทำให้รู้สึกแปลกมากอีกแล้ว
"มีอะไรก็ไม่รู้ติดแก้มคุณนะ" มุกเดิมที่อินวาเชื่อแล้วยอมให้เขาเกลี่ยแก้มนุ่มของเธออยู่เกือบนาทีแล้วถึงหันไปยกกับข้าวด้วยความเสียดายมาก
อาหารค่ำง่ายๆเพิ่มความพิเศษมากขึ้นเมื่อได้นั่งกินกับคุณเลขาสุดที่รัก เธอตักกับข้าวให้บ้างคงเพราะรู้ว่าเขาชอบเห็ดหอมด้วยมั้งแล้วรอยยิ้มก็สุดแสนจะอบอุ่นทำให้รู้สึกไม่อยากไปไหนเลย ไม่ว่าจะผ่านนานแค่ไหนอินวาคือผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้คนโหดร้ายดิบเถื่อนอย่างเขาพ่ายแพ้โดยที่ไม่ต้องใช้ความรุนแรงอะไรเลย แค่เธอยิ้มให้ใจก็ละลายไปกองแทบเท้าแล้ว
บ้าเอ้ย! คุณเลขายิ้มหวานเกินไปแล้วนะ
ตายกูตายแน่!! อินวาน่ารักจนใจเจ็บ
หลังจากกินอาหารเรียบร้อยแล้วน่านอาสาขับรถให้คุณเลขาคนสวยนั่งจนมาถึงเพนท์เฮาส์ก็รีบอาบน้ำแล้วหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าและจอดรถไว้ที่นี่แล้วให้นั่งรถที่มาจอดรอสักพักเพื่อไปขึ้นเครื่องตามเวลา
เวลาเที่ยงคืนเรามาถึงโรงแรมที่จองไว้แล้วพรุ่งนี้ถึงจะเข้าไปตั้งแคมป์กัน น่านถือกระเป๋าสองใบเดินมาส่งคุณเลขาที่หน้าห้องพักด้วยความเสียดายเพราะเราอยู่ด้วยกันน้อยเกินไป
อยากนอนกอดเธออีกครั้งจังเลย
"แล้วพรุ่งนี้เจอกัน ฝันดีนะอินวา"
"เจอกันในฝันนะคะบอสน่าน" เธอรับกระเป๋ามาแล้วเดินเข้าห้องพร้อมจะนอนพักเพื่อเตรียมตัวตื่นในเข้าวันพรุ่งนี้
อินวาเปลี่ยนชุดที่สบายมากขึ้นก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่นเปลือกตาก็หนักจนแทบจะลืมไม่ขึ้นอยู่แล้ว พรุ่งนี้หกโมงเช้าตื่นสายไม่ได้เพราะเดี๋ยวบอสน่านจะรอนาน
อันที่จริงเธอแทบไม่เคยให้เขารอเลย!
แต่ช่วงนี้เขาก็แปลกๆไปนะ
ก่อนที่จะหลับเสียงข้อความก็ดังขึ้นถี่ๆจนหยิบขึ้นมาอ่านแล้วยิ้มกว้าง เธอกดบันทึกรูปคู่เมื่อปีที่แล้วความรู้สึกมีความสุขเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำไม่หาย
อินวา : คิดถึงจัง
อาร์ม : ไว้อาทิตย์หน้าเราไปด้วยกันอีกนะ
อินวา : ตกลง
อาร์ม : ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ด้วยนะ
อินวา : ไม่เป็นไรค่ะ แล้วเจอกันนะ
อินวา : ฝันดีค่ะ
เธอหยิบโทรศัพท์ชาร์จแบตแล้วถึงได้ปิดไฟเหลือแสงไฟจากห้องน้ำส่องแสงสลัวเพราะถ้ามืดสนิทเกินไปจะนอนไม่หลับแล้วกลัวนิดหน่อยในเรื่องที่ยังพิสูจน์ไม่ได้
ป่านนี้บอสน่านคงจะหลับไปแล้ว
เช้าวันต่อมาอินวานั่งกินอาหารเช้าง่ายๆกับบอสน่านก่อนจะออกเดินทางโดยรถที่จัดเตรียมไว้ให้ เธอยังไม่เคยเห็นสถานที่จริงๆว่าสวยไหมแต่บอสบอกว่าที่ตรงนั้นไม่ค่อยมีใครไปเพราะเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลอยู่ใกล้ชายป่ามีน้ำตกไหลผ่านและคืนนี้ถ้าท้องฟ้าโปร่งไร้เมฆมาบดบังแสงจันทร์จะสามารถนอนดูดาวพราวระยับเต็มท้องฟ้าได้
นี่คือการพักผ่อนที่แท้จริง!
เราแวะซื้ออาหารง่ายๆไปและเครื่องดื่มแอลกอฮอร์อีกนิดหน่อย เธอเดินหยิบของช้าๆค่อยๆพินิจพิจารณาทีละชิ้นถึงใส่ตะกร้าที่บอสน่านเป็นคนถือเดินตามมาโดยไม่บ่นอะไรสักคำ
"คุณว่ายน้ำเล่นได้ตามใจเลยนะเพราะที่นั่นไม่มีใครหรอก" ก็มันเป็นพื้นที่ของครอบครัวเขาเองที่ปล่อยให้ต้นไม้ขึ้นจนดูไม่ต่างจากป่าเท่าไรแล้วยังไม่มีแผนว่าจะทำอะไรด้วย
"บอสเคยมาบ่อยเหรอคะ?" เขาพูดเหมือนรู้จักทุกซอกทุกมุมอย่างนั้นแหละแล้วเธอก็ไม่รู้ว่าเขามาตั้งแคมป์แถวนี้บ่อยแค่ไหนเพราะตั้งแต่รู้จักกันมาบอสไม่เคยมาที่นี่เลยสักครั้งส่วนใหญ่บอสจะพักที่โรงแรม รีสอร์ทหรือไม่ก็บ้านพักส่วนตัวมากกว่า
"ประมาณห้าปีที่แล้วผมเคยมาอยู่ที่นี่คนเดียวเกือบสองเดือนแหนะ"
"มาเที่ยวเหรอคะ?"
"คือว่าผมมีเรื่องนิดหน่อยพ่อเลยส่งให้มาอยู่ที่นี่"
"อ๋อ งั้นบอสก็รู้จักคนแถวนี้สิคะ?"
"ผมไม่รู้จักใครหรอก ผมอยู่แค่ในบ้านพักบางครั้งก็ออกมาตั้งแคมป์คนเดียวเวลาเหงาๆแต่ที่นั่นสวยมากในเวลากลางคืน มันเงียบสงบไม่มีใครมารบกวน"
"ก็ดีสิคะเราจะได้นอนพักได้เต็มที่ก่อนจะกลับไปทำงาน"
"แล้วคุณจะชอบ"
"บอสน่านว่าดีอินวาก็ว่าดีค่ะ"
น่านยิ้มกว้างส่งตะกร้าให้พนักงานคิดเงินด้วยอารมณ์ดีความรู้สึกเหมือนว่าตัวเองคือพ่อบ้านตามภรรยาซื้อของใช้ผุดเข้ามาในหัวจนเกือบจะวางแขนโอบไหล่เล็กอยู่แล้วแต่รั้งตัวเองไว้ทัน
เขากำมือแน่นปรายตามองอินวาด้วยความรู้สึกอัดอั้นอยากจะแสดงออกถึงความรักแต่เส้นแบ่งกั้นของเรายังมากเกินกว่าจะทำอะไรลงไปได้
วันนี้เธอแต่งตัวในชุดน่ารักปล่อยผมยาวแต่งหน้าบางๆแต่กลับสวยมากอยู่ดี เรายืนชิดกันแต่ในความรู้สึกลึกๆกลับเหมือนว่าเราห่างกันมากคงเพราะว่าเขารักเธอแทบเป็นแทบตายแต่เธอไม่เคยรับรู้อะไรเลย
แววตาคู่นี้มีสักครั้งไหนที่จะมองเขาเป็นอื่น
...ไม่เคยอยากเป็นเจ้านายเลย!
"บอสต้องการอะไรเพิ่มรึเปล่าคะ?" เขามองหน้าเธอแปลกๆอีกแล้วนะหรือว่าไม่พอใจที่ซื้อเยอะเกินไป
"เปล่า ผมว่าเรารีบไปกันเถอะ ผมอยากจะเล่นน้ำตกแล้ว" แน่นอนว่าเขาจะใช้โอกาสนี้ใกล้ชิดเธอให้มากที่สุดเผื่อว่าจะรับรู้ความรู้สึกกันบ้างแล้วดื่มด่ำช่วงเวลาแห่งความสุขไว้ให้ได้นานๆเพราะถ้าสักวันที่อินวารู้ความจริงในใจจะเกิดอะไรขึ้นบ้างใครจะเดาอนาคตได้ถูกได้
หวังว่าเธอจะรับรักกันนะ!
อินวากำลังจะยื่นมือรับของแต่กลับมีมือใหญ่มาจับข้อมือไว้แล้วหันมองกันด้วยแววตาที่แปลกมากแล้วรับของทั้งหมดมาถือด้วยมือข้างเดียวก่อนจะจับมือเธอเดินออกนอกร้านโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาสักคำเดียว
นี่เธอทำอะไรให้บอสน่านโกรธรึเปล่าเนี่ย?
...เขาจับมือเธอทำไม?
เขาขับรถไปเงียบๆมีบางครั้งที่หันมองกันแต่สีหน้านิ่งไร้ซึ่อรอยยิ้มยิ่งทำให้รู้สึกอึดอัดมาก เธอเลือกจะมองข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความคุยกับพี่ชายเรื่องที่จะอยู่กับเธอหนึ่งอาทิตย์ก่อนจะกลับไปทำงานแล้วจากนั้นจะกลับมาหาบ่อยๆไม่ทิ้งช่วงห่างไปเป็นปีแบบนี้
อันที่จริงเธอสามารถไปทำงานในบริษัทของพ่อเพราะพี่ชายก็ทำงานอยู่ที่นั่นอยู่ด้วยเช่นกันแต่อาจจะต้องเดินทางค่อนข้างบ่อยมากพอสมควรแต่เพราะเป็นเธอเองเหนื่อยที่จะเดินทางไปมาเลยหันมาทำงานเลขาซึ่งเจ้านายคนแรกก็ดีกับเธอมากส่วนบอสน่านคือเจ้านายคนที่สองที่แสนดีเช่นกัน
เธอโชคดีที่เจอแต่คนดีๆ
"คุยกับใคร?"
"กับพี่ค่ะ"
"มากับผมก็คุยกับผมคนเดียวสิ คุณอย่าให้ในรถมันเงียบแบบนี้ผมไม่ชอบ"
"ก็...เห็นว่าขับรถอยู่เลยไม่อยากชวนคุยค่ะ"
"โอเค งั้นคุณคุยกับคนอื่นต่อไปเถอะ!" เขาไม่รู้ว่าพี่ที่เธอบอกนั่นคือใครกันแน่ใช่พวกที่มาจีบรึเปล่าแล้วคุยเรื่องอะไรทำไมถึงต้องยิ้มหวานขนาดนี้ด้วย ตลอดทางตั้งแต่ออกจากร้านสะดวกซื้อเธอก็เอาแค่เงียบแล้วสนใจโทรศัพท์มากกว่าจนเขาทนไม่ไหวถึงได้พูดออกไปด้วยความหวง
คนเดียวที่เธอยิ้มให้ต้องเป็นเขาสิ!