เวลาหกโมงเย็นอินวามากินข้าวเย็นกับพ่อที่ไม่เคยเจอกันนานมากและพี่ชายที่พยายามทำตัวเป็นคนกลางที่ดีพยายามจะประสานรอยร้าวระหว่างเราให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมแต่สำหรับเธอทุกอย่างมันคงจะช้าเกินไป
"งานเป็นยังไงบ้างอินวา?"
"ก็ดีค่ะ พ่อละคะสบายดีไหมไม่เจอกันตั้งนานเลยนะคะ"
"พ่อสบายดีทุกอย่าง อินวาเรื่องงานพ่อยังรอคำตอบอยู่นะ"
"ตอนนี้อินวากำลังสนุกกับการทำงานค่ะยังไม่พร้อม ความจริงพ่อกับพี่ก็ทำงานด้วยกันทุกอย่างก็ไปได้ดีแล้วจะเอาอินวาไปเป็นตัววุ่นวายอีกทำไมละคะ?"
"จริงอยู่ว่างานลูกมันดีมากแต่ว่าทำงานกับพ่อยังไงโอกาสโตก็มากกว่า อินวารู้ใช่ไหมว่าบริษัทที่พ่อสร้างมาเองกับมือสักวันก็ต้องอยู่ในมือลูกอยู่แล้ว"
"งั้น...ขอเก็บไปคิดก่อนนะคะ"
"ยังไงลูกก็หนีงานนี้ไม่พ้นหรอกจะเร็วจะช้าก็ต้องมาทำอยู่ดี พ่อแก่มากแล้วใกล้จะวางมือให้ลูกๆดูแลต่ออย่างน้อยในช่วงนี้ถ้าอาร์มยังว่างน่าจะสอนงานให้ลูกได้มากกว่าคนอื่น"
"ค่ะพ่อ ขอเวลาอินวาหน่อยนะ"
"พ่อเข้าใจนะลูกอินวา"
“ขอบคุณที่เข้าใจค่ะ”
การกินอาหารมื้อเย็นจบลงภายในหนึ่งชั่วโมงด้วยความอึดอัดมวลบรรยากาศรอบตัวคล้ายว่ากำลังกดดันให้รีบจบทุกอย่างลงแม้จะกินข้าวไปไม่ถึงห้าคำด้วยซ้ำ อาร์มจำเป็นต้องไปธุระกับพ่อต่ออีกเล็กน้อยถ้าไม่ดึกจนเกินไปก็จะแวะไปค้างกับน้องสาวแต่หากว่าดึกเกินก็คงจะนอนค้างที่บ้านพ่อแทน
อินวาขับรถออกไปนั่งดื่มคนเดียวต่อเงียบๆที่โรงแรมห่างไกลจากคอนโดมากพอสมควร วันนี้งานก็วุ่นวายมากเพราะบอสน่านที่บอกว่าจะมากลับหายเงียบไม่ส่งแม้แต่ข้อความมาบอกว่าหายไปไหนพอมากินข้าวกับพ่อก็ต้องเจอกับความอึดอัดที่ต่อให้ผ่านมาหลายปีก็ไม่เคยจางหายไปเลย
เธอควรจะให้อภัยพ่อแม่ที่รักคนอื่นมากกว่าจริงๆเหรอ?
พ่อรักแม่เลี้ยงมาก แม่รักพ่อเลี้ยงมากกว่า
...ทำไมไม่มีใครรักเธอบ้างเลย
ครอบครัวอื่นที่พ่อแม่หย่าร้างกันคงจะเจอปัญหานับไม่ถ้วนที่ตามมาแต่สำหรับเธอแล้วแค่พ่อหรือแม่ใครสักคนก็ได้ที่ต้องการจริงๆไม่ใช่ว่าส่งให้ไปอยู่ไกลๆเพื่อหนีปัญหาที่เธอไม่ได้เป็นคนก่อมันขึ้นมาด้วยซ้ำ เธอโตมาในบ้านที่ไม่เคยมีความสงบ ไม่มีคำว่าครอบครัวแสนสุข ไม่มีเคยความอบอุ่น พี่อาร์มที่โตกว่าก็มีเพื่อนมีคนรักแล้วก็หลงลืมเธอจนเรื่องทุกอย่างมันย่ำแย่แต่สุดท้ายเสียงของเธอก็ยังไม่เคยดังพอให้ใครได้ยินว่าต้องการอะไร
ไม่เคยมีใครสนใจเธอเลยสักคน
...ไม่เคยเลย
วันที่พ่อแต่งงานใหม่เธอต้องปั้นหน้ามีความสุขฉีกยิ้มให้กับทุกคนตอบทุกคำถามที่กดดันให้พูดเรื่องความรู้สึกออกมาแต่เธอรู้ว่าต้องตอบอะไรออกไปให้พ่อไม่คิดมาก เธออยู่ในงานแต่งทั้งที่รู้ว่าแม่เลี้ยงเกลียดเธอมากขนาดไหนและพ่อก็ไม่เคยจะสนใจรอยเขียวช้ำตามตัวเลยว่ามาจากไหน
วันที่แม่พาพ่อเลี้ยงเข้ามาในบ้านก็ไม่มีใครรู้เลยว่าชีวิตในตอนนั้นเหมือนตกนรกทั้งเป็น เธอต้องทนอยู่กับความหวาดระแวงที่นับวันยิ่งเพิ่มขึ้น เธอไม่กล้าจะนอนหลับได้เต็มตาไม่กล้าจะไว้ใจอาหารเครื่องดื่มทุกมื้อ เธอเกลียดสายตาโลมเลียที่แทะโลมกันตลอดเวลาแต่กลับไม่มีใครเห็น เธอพยายามเอาตัวรอดจากมือขยะแขยงหยาบกระด้างนับครั้งไม่ถ้วนและกว่าความจริงจะปรากฏก็สายเกินกว่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
พ่อหย่ากับแม่เลี้ยงเพราะปัญหาส่วนตัวที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยมีคำขอโทษเธอสักครั้งทั้งรู้ความจริงทุกอย่างแล้วส่วนแม่หันหลังให้กับความจริงทุกอย่างแล้วเลือกจะอยู่กับพ่อเลี้ยงที่เจ้าชู้มากมีเมียน้อยนับไม่ถ้วนแถมแล้วยังกล้าจะลากเธอไปขึ้นเตียงให้ได้
อยู่คนเดียวแบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว!
น่านนั่งดื่มที่คอนโดเพื่อนรักตั้งแต่บ่ายจนหลับแล้วตื่นมาเพื่อดื่มใหม่อีกครั้งให้ลืมภาพเลขาสุดที่รักแต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไรก็ไม่สามารถทำได้เลย เขาเห็นภาพเราอยู่ด้วยกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าวนเวียนอยู่ภายในหัวแต่ความจริงที่ได้ไปเจอวันนี้ก็เล่นเอาอยากจะหนีห่างออกจากทุกอย่าง
เที่ยงกินข้าวกับมันเย็นก็ยังเป็นมันมารับอีก!
...นี่เขาแพ้แล้วจริงๆเหรอ?
"ไอ้ชานสรุปไอ้เหี้ยน่านแม่งอกหักจริงเหรอวะ?"
"ดูสภาพมันไม่ออกรึไงวะ อย่าให้มันใกล้ระเบียงละกูกลัวมันโดดตึก"
"สัตว์!"
"แค่อกหักเองมึงผู้หญิงมีเป็นร้อยเป็นพันหาใหม่ได้เว้ย"
"สองปีที่มันรักคุณอินวานะเว้ย มึงคิดว่ามันคิดเล่นๆเหรอห่ะไอ้เหี้ยว่าน!?"
"ก็ถ้ามันโดดลงนะคอนโดกูขายไม่ออกแน่!"
"ไอ้เหี้ยกูนึกว่าห่วงเพื่อนจริง!"
"เอ้า! กูผิดเหรอ!?"
ฟีฟ่า ชานและว่านยืนกอดอกมองเพื่อนที่นั่งเหม่อลอยมือข้างหนึ่งถือขวดเบียร์ส่วนอีกข้างถือโทรศัพท์มองรูปคุณเลขาแสนสวยอยู่ด้วยแววตาเหม่อลอยขอบตาบวมแดงอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะปลอบใจยังไงให้รู้สึกดีเหมือนกันเพราะปลอบใจมาตั้งแต่บ่ายพูดจนปากแทบเปื่อยก็แทบไม่ช่วยอะไรได้เลยแต่เรื่องนี้จะโทษใครได้ละถ้าไม่ใช่ตัวมันเอง
ถ้ากล้าจีบนะป่านนี้ได้เป็นเมียแล้วมั้ง!
"มองกูทำส้นตีนอะไรห่ะ!?"
"มึงดีขึ้นยัง?"
"สภาพกูขนาดมึงจะถามหาพระแสงอะไรวะ! กูจะตามกระทืบไอ้เหี้ยแม่งให้ตายห่าไปเลยพวกมึงคอยดู!!"
"มึงใจเย็นเป็นบ้างไหมเนี่ยไอ้สัตว์น่าน!?"
"กูอยู่มาถึงขนาดนี้ยังไม่เรียกว่าใจเย็นอีกเหรอวะ!?"
"เหี้ย!"
"เออ! กูแม่งเหี้ยไงอินวาถึงไม่รักสักที"
"มึงอย่าโยงดิไอ้สัตว์น่าน!!"
"ยังไงกูไม่ยอมให้ใครมาแย่งอินวาไปได้หรอก กูจะเล่นงานแม่งให้หมด!"
"มึงตามไปกระทืบพ่อเลี้ยงเขามายังไม่พอใจรึไงวะ!"
“ไม่พอ!!”
"พวกมึงอย่าพึ่งทะเลาะกันดิ! ไอ้น่านคุณเลขาของมึงอัพสตอรี่วะอยู่ใกล้ๆนี่เองมึงจะไปหาไหม?"
"ถามมาได้!"
"แล้ว…"
"ไปดิไอ้เหี้ยกุญแจรถกูอยู่ไหนวะ!?"
"กูขับเองพวกมึงก็ไปด้วยเผื่อมีเรื่องได้ช่วยรับตีนเยอะๆ"
"ให้หน้ากูไม่มีรอยตีนบ้างเถอะไอ้เหี้ย!"
"กูจะเปิดแม่งให้กระจายเลย!"
"ฉิบหายแล้วไงมึง!"
"กูรู้!!"
"คอยทุบหัวมันแล้วลากกลับมาให้ทันก็พอ ช่วงนี้กูยังไม่อยากมีเรื่อง"
ฟีฟ่ารับบทเป็นคนขับรถแทนเพื่อนที่พึ่งตื่นหลังจากกินเหล้ากินเบียร์ไปสารพัดจนเพ้อหลับพอตื่นมาก็แดกเข้าไปอีก เขาละไม่เข้าใจพวกคลั่งรักจริงๆอย่างไอ้น่านกับไอ้ว่านเนี่ยมันทำตัวเองทั้งแหละจะโทษใครได้ละส่วนเขาน่ะเหรอ...อย่าพูดถึงเลย!
...ตอนนี้กูไม่ต่างกันหรอก!
น่านเดินไปพร้อมกับเพื่อนตามที่พนักงานบอกจนมาถึงแล้วหยุดนิ่งมองแผ่นหลังเล็กของอินวาสมองก็เหมือนจะลืมสิ้นทุกความเจ็บก่อนหน้านี้ไปหมด
เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นถึงได้ยิ้มกว้างแล้วหันไปมองเพื่อนเพื่อเช็คสภาพตัวเองพวกมันก็รู้งานพากันพยักหน้าแล้วอมยิ้มเหมือนเยาะเย้ยกันงั้นแหละ
...ก็กูรักเขามากนี่หว่าทำไงได้!
"อินวา"
"อ้าว!"
"มาคนเดียวเหรอแล้ว...เพื่อนคุณละ?"
"มาคนเดียวค่ะ"
"ขอผมนั่งดื่มด้วยได้ไหม ผมมากับเพื่อนคุยกันไปดื่มไปจะได้ไม่เหงา"
"เชิญค่ะบอส"
"เมื่อตอนเย็นใครมารับเหรอ ผมเห็น"
"พี่ค่ะ มารับไปกินอาหารเย็นด้วยกันเฉยๆไม่มีอะไรหรอกนานๆทีเราจะได้เจอกัน" เธอก็ตอบไปตามตรงแต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงเห็นแววตาของเขาถึงเปร่งประกายแล้วยังยิ้มกว้างอีกด้วย
บอสน่านวางแก้วลงแล้วเท้าคางมองหน้าเธอด้วยแววตาที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นแปลกๆ เขาคว้ามือของเธอไปกุมไว้จนน่างงว่ามีเรื่องอะไรรึเปล่า
"ตอนบ่ายผมมีติดธุระด่วนขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ไปอย่างที่บอกคุณไว้ แล้วนี่คุณดื่มไปเยอะรึเปล่า?" เธอคออ่อนมากข้อนี้เขารู้ดีกว่าใครเลยละแล้วดูจากแก้วอมชมพูกับนัยตาที่ปรือเล็กน้อยก็พอจะคาดเดาได้ไม่ยากว่าเริ่มมึนพอสมควร
"บอสน่านต่างหากละดื่มมาเยอะ!" กลิ่นเหล้าหึ่งออกมาจากลมหายใจเขาเลยแหละแล้วดูหน้าที่แดงขึ้นขอบตาก็บวมช้ำนัยตาแดงก่ำคล้ายคนร้องไห้แต่เขาไม่ได้มีเรื่องอะไรให้เสียใจขนาดนั้นซะหน่อยวันที่ไปตั้งแคมป์ด้วยกันยังปรกติอยู่เลย
บอสน่านคงดื่มเยอะมากเกินไปแน่เลย!
"เป็นห่วงผมเหรออินวา?" ให้ตายเถอะ! เขาอยากจะเปลี่ยนที่นี่เป็นเพ้นเฮาส์แล้วขังให้เราอยู่ด้วยกันแค่สองคนจริงๆนะ
แค่อินวาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยก็เหมือนจะลืมสิ้นหมดทุกเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว
รักคุณเหลือเกินได้ยินไหมอินวา!
"มีบอสคนเดียวจะไม่ห่วงได้ไงคะ" บอสน่านยิ้มกว้างกว่าเดิมคงเพราะเมามากแล้วจับมือเธอแน่นมากอีกด้วย เธอขยับตัวออกห่างเล็กน้อยแต่เขาก็ขยับตัวตามมาซะงั้นแล้วยังซบหน้าลงที่ไหล่เธออีกด้วย
"หลับแล้วเหรอคะ?" เธอหันไปถามเพื่อนเขาแทนเพราะไม่กล้าขยับตัว
"เอ่อคือ...ครับคุณอินวา!" ไอ้เพื่อนเหี้ยมันแกล้งหลับแกล้งเมาแล้วดูแม่งซบไหล่คุณเลขาทำตาเคลิ้นจนน่าสยองอีก