Chapter 7
รักของเรา (1)
อากาศยามเช้ามืดปกคลุมไปด้วยไอเย็นจากเครื่อง ปรับอากาศ...บนเตียงกว้าง คคนางค์พลิกกายควานหาไออุ่น มือไขว่คว้าหาคนนอนร่วมเตียง หากแต่ว่าความเปล่าจนผืนผ้าบริเวณนั้นเย็นเยียบก็ทำให้เปลือกตาคู่สวยค่อย ๆ เผยอขึ้น
เงี่ยหูฟัง...เสียงอาบน้ำดังแว่วมาเข้าหู ไฟดาวน์ไลท์ที่หน้าห้องน้ำส่องสว่าง เหลือบดูเวลาจึงได้รู้ว่านั่นคือเวลาปกติของเขา กับการเตรียมตัวออกไปทำงาน
หล่อนยันกายลุกนั่งแววตาแดงช้ำจับจ้องไปยังบานประตูกระจกที่มองเห็นภาพข้างในแบบรางเลือน...เป็นอีกครั้งที่ลืมตาตื่นขึ้นมาท่ามกลางความเจ็บปวด
เมื่อไหร่จะได้หัวใจของเขาแบบไร้ข้อกังขา มาวันนี้หล่อนได้รู้แล้วว่าได้แต่ตัวแต่ไม่ได้หัวใจนั้นทรมานแค่ไหน ซาบซึ้งกับมันก็เมื่อพานพบ...ตอกย้ำความจริงที่ว่าไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน หล่อนยังคงพ่ายแพ้เสมอ ความจริงในความทรงจำย้ำเตือน...
ใต้ซุ้มหลังคาศาลาข้างบ้าน...เด็กสาวในวัยสิบสามสองคนกำลังนั่งทำการบ้านในยามเย็นหลังเลิกเรียน หากแต่เสียงบางอย่างที่ตกลงบนหลังคา ก็ทำให้ทั้งสองเงยหน้ามอง ตรงรั้วข้างบ้าน มีใครบางคนเกาะขอบรั้วโผล่หน้ามองอยู่ตรงนั้น เขาส่งยิ้มมาให้
จอมทัพ... พี่ชายข้างบ้านที่ก่อนหน้านั้นเขาไปเรียนอยู่อเมริกา เพียงได้รู้ว่าเขากลับมา ใบหน้าของสองสาวฝาแฝดก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจ
"พี่จอมกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ"
เขาไม่ตอบคำถามของแฝดคนพี่ กลับเบนสายตาไปหาคนน้องที่นั่งยิ้มอย่างเอียงอาย...อายเพราะไม่เจอกันนาน เขาดูเป็นผู้ใหญ่จนหล่อนประหม่าในสายตาคู่นั้น
"เพียงดาว...ไปปั่นจักรยานกันไหม"
บุษบากรก้มลงมองการบ้านที่เหลือข้อสุดท้ายพอดี หล่อนรีบเงยหน้าพยักหน้าตอบรับ...จอมทัพปรายตามองยังสมุดที่หล่อนเปิดค้างอยู่
"ทำการบ้านอยู่เหรอครับ"
"เหลือข้อเดียว พี่จอมรอสักครู่นะคะ"
"ให้รักไปด้วยนะคะ รักอยากไปปั่นจักรยาน"
"ไปไม่หมด จักรยานมีแค่คันเดียว"
คคนางค์หน้าเสีย เมื่อเขาปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด...หล่อนนึกอย่างสงสัย แล้วสองคนจะไปกันแบบไหนในเมื่อจักรยานมีแค่คันเดียว
"เสร็จแล้วค่ะ" บุษบากรปิดสมุดและหนังสือและเก็บปากกาใส่กระ เป๋า วางกองรวมกันไว้ตรงนั้น ก่อนจะวิ่งไปทางหลังบ้าน...ตรงที่มีประตูเล็ก ๆ เชื่อมถึงกัน
"เค้าจะฟ้องคุณพ่อ ว่าตัวเองแอบไปข้างนอกกับพี่จอมอีกแล้ว!"
เมื่อผิดหวังความอิจฉาเล็ก ๆ ก็แทรกเข้ามาในใจ คคนางค์มองตามแผ่นหลังของคนที่ไม่ได้สนใจคำขู่นั้น ยังคงมุ่งหน้าไปยังทางที่จะพาไปสู่บ้านบ้านของเขา
บุษบากรผลักบานประตูเล็ก ๆ แล้วมุดกายเข้าไป...หล่อนเรียกมันว่าบานประตูวิเศษ เมื่อหลายปีก่อนหล่อนเล่นซนจนไปวิ่งเล่นในบ้านของเขาตามประสาเด็ก และนั่น...ทำให้หล่อนได้รู้จักกับจอมทัพ เขามักให้ขนมอร่อย ๆ กินอยู่เสมอ
บ้านหลังนี้เคยเป็นหนึ่งในบ้านของครอบครัวเขาที่บิดาของหล่อนมาซื้อต่อ จึงไม่แปลก ที่จะมีประตูเอาไว้เชื่อมถึงกัน
จอมทัพยืนรออยู่ตรงประตูวิเศษ เมื่อหล่อนมุดกายเข้ามาในอยู่ในเขตบ้านของเขา อุ้งมือแกร่งก็คว้ามือเล็กไปกุมเอาไว้ เขาจูงมือหล่อนเดินไปทางหน้าบ้านที่มีจักรยานจอดรออยู่
เขาขึ้นไปคร่อมบนจักรยาน แววตาซุกซนของบุษบากรสบกับแววตาคมกล้าอย่างรู้ใจกัน
หล่อนมุดกายลอดใต้วงแขนกว้างเพื่อจะขึ้นไปนั่งหันข้างบนแกนกลางของตัวรถ ภายใต้พันธนาการวงแขนกว้างที่จับแฮนด์ทั้งสองข้างเอาไว้ เขาพาหล่อนโลดแล่นไปบนเส้นทางที่จะพาไปสู่ประตูรั้วบ้าน...สวนสาธารณะกลางหมู่บ้าน คือสถานที่ที่เขาและหล่อนมักชอบไปเดินเล่นด้วยกันอยู่เสมอ
พฤติกรรมทุกอย่างไม่อาจรอดพ้นสายตาอยากรู้อยากเห็นของคคนางค์ไปได้...ในวัยสิบสามใครว่ายังไร้เดียงสา หล่อนได้เรียนรู้และรู้จักกับรักก็เพราะเขา...พี่ชายข้างบ้าน รู้ว่าความรู้สึกแปลก ๆ กับร่างกายที่ร้อนวูบวาบมักเกิดขึ้นทุกครั้งยามที่ได้ใกล้ชิดกัน...
เสียงปลดล็อกและเลื่อนบานประตูห้องน้ำดึงคคนางค์ขึ้นมาจากห้วงอดีต...เขาเดินออกมาโดยมีผ้าขน หนูผืนเดียวพันกายส่วนล่าง เผยแผงอกกำยำเปลือยเปล่าที่มองทีไรแล้วใจสั่นไหวทุกที
รีบปรับใบหน้าให้เป็นปกติ เขาคลี่ยิ้มมาให้...ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จอมทัพหายไปในห้องแต่งตัว คคนางน์ลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ เหมือนกับว่ามีม่านบาง ๆ ขวางกั้นสัมพันธ์เอาไว้
หล่อนเดินออกมาหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ...กลิ่นหอม ๆ ฟุ้งกระจายลอยกรุ่นอยู่ในห้องกว้าง สองขาพาตัวเองเข้าไปตามกลิ่นที่ทำให้ใหลหลง...ในห้องแต่งตัว เขากำลังเตรียมผูกเนคไทเป็นขั้นตอนสุดท้าย
"มาค่ะ รักช่วยนะคะ"
หล่อนเดินเข้าไปเผชิญหน้า คว้าเนคไทมาจากมือใหญ่แล้วบรรจงผูกให้เขาอย่างคล่องแคล่ว...ในความเงียบงัน แววตาสองคู่สบประสาน
"เมื่อคืน...กลับกี่ทุ่มคะ"
หล่อนหยั่งเชิง อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะพูดความจริงหรือโกหกให้หล่อนเลิกซักไซ้
"ตีสอง"
แววตาคู่สวยสลดวูบ...ลมหายใจร้อนผ่าวตีตื้น จนต้องกดมันเอาไว้แล้วนับหนึ่งถึงร้อยในใจ
"รักหลับก่อน ก็เลยไม่รู้ว่าพี่จอมกลับมาตอนไหน"
"เห็นเธอหลับ ก็เลยไม่อยากปลุก"
หล่อนแค่นยิ้มขมขื่น...ภายใต้รอยยิ้มซ่อนความรู้สึกไว้มากมาย ทำไมหล่อนจะไม่รู้...เขามาถึงตั้งแต่ตอนไหน แต่เพราะเอาเวลาไปขลุกอยู่กับคนที่กำลังทำตัวเป็นเมียน้อย คนที่กำลังจะตีท้ายครัวของเธอ
หล่อนไม่สนว่าใครจะมาก่อน อดีตก็คืออดีต ในเมื่อปัจจุบันหล่อนคือเมียแต่ง แม้จะยังไม่ได้ทะเบียนสมรสมานอนกอด แต่หล่อนจะถือว่าใครก็ตามที่มายุ่งกับสามีของเธอ คน ๆ นั้นก็ไม่ต่างจากเมียน้อยที่ควรถูกสังคมประณาม
หล่อนได้เรียนรู้...อยู่กับเขาต้องใช้ความนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว การฟูมฟายตีโพยตีพายไม่ช่วยอะไร มีแต่จะให้เขาเอาใจออกห่างมากขึ้นไปทุกที
ท่อนแขนเรียวเคลื่อนคล้องเกี่ยวลำคอแกร่ง เขย่งปลายเท้าฝากรอยจูบเบา ๆ ลงบนปลายคางสากระคาย
"ขับรถระวังนะคะ ไปเถอะค่ะ เดี๋ยวสาย"
หล่อนยอมผละออกห่าง ในขณะจอมทัพหันไปหยิบสูทมาพาดไว้ที่แขน มืออีกข้างคว้ากระเป๋ามาสะพาย
"แล้ววันนี้...จะกลับมาทานข้าวที่บ้านหรือเปล่าคะ"
"เอ่อ..."
"พี่จอมกลับดึกทุกวัน ควรแบ่งเวลาให้รักบ้างนะคะ อาทิตย์ละวันก็ยังดี"
น้ำเสียงสั่น ๆ ของหล่อน แววตายาวรีที่มองมาอย่างน่าสงสาร...นั่นทำให้คนมองคนใจอ่อน อยู่ดี ๆ เขาก็นึกสงสาร จนต้องเดินเข้าไปรั้งเอวคอดเข้ามากอด ฝากรักด้วยจูบหนัก ๆ ลงบนผิวแก้มนุ่ม...การแสดงออกที่ทำให้คนได้รับหัวใจพองโต จนยิ้มออกมาได้
"เธอบอกป้าไรไว้ก็แล้วกัน พี่จะกลับเร็วกว่าทุกวัน"
หล่อนผวาสวมกอดกายแกร่งเอาไว้ ซุกหน้าเข้าหาอกกว้าง รอยยิ้มอย่างผู้ชนะผุดพราว นึกขอบคุณตัวเองที่เลือกจะไม่พูด...แม้จะเห็นเต็มสองตาว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้างในห้องครัว
หล่อนกำลังคิดว่า...หากปล่อยให้มีโซ่ทองคล้องใจสักเส้น เพื่อผูกมัดเขาเอาไว้ไม่ให้ไปไหน แม้บางเวลาจะแอบไปซุกซนนอกบ้าน หากแต่หล่อนเชื่อว่า ลูกจะทำให้เขาอยู่ด้วยกันตลอดไป และถึงวันนั้นหล่อนจะเป็นหนึ่งในหัวใจของเขาแต่เพียงผู้เดียว