Chapter 7
รักของเรา (2)
ที่โรงจอดรถ บุษบากรลงมาจากรถแล้วเมียงมองไปยังฝากระโปรงอย่างครุ่นคิด จากที่รถสตาร์ทไม่ติดจึงคิดจะเปิดดู เดาเอาว่าแบตฯคงเสื่อม และที่สำคัญ หล่อนไม่ได้จับรถคันนี้มานานมากแล้ว
ที่ผ่านมาหล่อนเลือกที่จะใช้ขนส่งสาธารณะ แต่เพราะวันนี้ต้องหอบหิ้วขนมมากมายไปส่งให้ลูกค้า จึงจำเป็นต้องใช้รถ แต่พอจับก็เกิดปัญหา รถกลับสตาร์ทไม่ติดเสียอย่างนั้น
"รถเป็นอะไรเหรอ"
เสียงคุ้น ๆ ดังแทรก ในจังหวะที่หล่อนกำลังเปิดกระโปรงหน้ารถ
"สตาร์ทไม่ติดค่ะ ไม่รู้เป็นอะไร"
จอมทัพเมียงมองยังเครื่องยนต์ภายใน เขาเดินเข้าไปนั่งยังฝั่งคนขับ ลองสตาร์ทเพื่อฟังเสียง
ไม่ต้องลองนานก็พอจะรู้ เขาพาตัวเองออกมายืนอยู่หน้ารถ
"สงสัยแบตฯเสื่อม น้ำกลั่นแห้งด้วยหรือเปล่า"
ชายหนุ่มก้มลงมองไปยังตัวแบตเตอรี่ เขาเปิดฝาสีน้ำเงินออกแล้วมองดูในนั้น ก็พบว่าน้ำกลั่นนั้นแห้งสนิท
ก้มลงมองดูเวลาที่ข้อมือ หากมัวเติมน้ำกลั่นแล้วพ่วงแบตฯกับรถของเขา นั่นจะทำให้เสียเวลาและก็ไม่รู้ว่าจะสตาร์ทติดหรือไม่ เขาจึงตัดสินใจแบบมัดมือชก
"จะไปส่งของด้วยใช่ไหม"
"ใช่ค่ะ มันเยอะก็เลยต้องเอารถไป"
"ส่งทีนึงเยอะขนาดนี้ ทีหลังควรโทร.ให้ขนส่งมารับที่บ้าน ไม่ต้องหอบไปหอบมา"
"ค่ะ ดาวคิดเอาไว้เหมือนกัน แต่วันนี้เตรียมตัวไม่ทันจริง ๆ"
"ย้ายของมาสิ"
เขาทำหน้าพยักพเยิด ในขณะที่บุษบากรยืนงง
"เดี๋ยวพี่ไปส่ง ย้ายขนมมาไว้คันนี้"
เขาไม่รอให้ตอบรับหรือปฏิเสธ เดินไปเปิดท้ายรถของหล่อน หอบหิ้วถุงหลายใบมาไว้ในมือ นำไปใส่ไว้ในท้ายรถตัวเองหน้าตาเฉย
"พี่จอม อย่าเลยค่ะ เดี๋ยวจะพาพี่จอมไปทำงานสาย"
เขาดุทางสายตา มองมาคล้ายกับสื่อให้รู้ว่า หากหล่อนมัวยืนขัด ก็จะยิ่งทำให้สายมากไปกว่านี้
เมื่อไม่มีทางเลือกจึงยอมจำนน เดินไปช่วยเขาย้ายของไปใส่ท้ายรถคันใหม่ ซึ่งหล่อนเองก็กังวล หากมัวลังเลก็จะไปส่งของช้า และจะพาให้ไปร้านขนมช้าตามลงไปด้วย
ยามขึ้นไปนั่งเคียงคู่กับคนขับ...ไอเย็นที่โชยผะแผ่วกับเสียงเพลงสากลคลาสสิกดังคลอเบา ๆ หล่อนนั่งเกร็งกับความรู้สึกหลากหลาย นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้นั่งรถไปกับเขา คิดแล้วพานให้ใจหายหวิวโหวง ต่างจากวันวานเหลือ เกิน มีจอมทัพที่ไหนต้องมีหล่อนที่นั่น ตัวติดกันราวกับปาท่องโก๋ และใคร ๆ ต่างก็เฝ้าถามแบบแซวเล่น...เมื่อไหร่หล่อนกับเขาจะจูงมือกันเข้าสู่ประตูวิวาห์
"พี่จอมส่งดาวแถว ๆ นี้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวดาวนั่งวินเข้าไปเอง"
บุษบากรนั่งกระวนกระวายใจอยู่ในรถ ซึ่งภายหลังจากส่งขนมเสร็จจอมทัพก็ดึงดันที่จะมาส่งหล่อนให้ถึงที่ทำงาน หล่อนไม่อยากให้เขารู้ว่าแอบมาทำงานอะไร เพราะจะต้องมีคำถามตามมาอีกมากมาย แน่นอน...เขาจะต้องสงสัยทำไมหล่อนถึงยอมที่จะทำงานเป็นลูกจ้างร้านขนม แทนที่จะไปหางานที่เรียกเงินเดือนได้มากกว่านี้
"มันมีความลับอะไรนักหนา เธอทำงานผิดกฎหมายรึไงเพียงดาว"
“ถ้าพี่จอมไม่จอด ดาวจะเปิดประตูรถแล้วกระโดดลงไป!"
เสียงเขาหัวเราะอยู่ในลำคอ ประหนึ่งรู้ทันว่าหล่อนไม่กล้าโดดลงไปแน่นอน
"เธอไม่กล้าหรอกเพียงดาว อยากเป็นคนในข่าวก็ตามใจ ก็คงจะสนุกดีเวลามีคนพาดหัวข่าว พี่เขยกับน้อง เมียแอบมาด้วยกัน เกิดอารมณ์หึงหวงก็เลยกระโดดรถประ ชดผัว เธออยากดังทำนองนี้ใช่มั้ย"
"พี่จอม!"
หล่อนได้แต่ถลึงตามอง...ใช่แล้ว...หล่อนไม่กล้าทำตามคำขู่ หากเป็นเมื่อก่อนนั้นไม่แน่ แต่เพราะโซ่สวาทที่กำลังเติบโต ตอนนี้เขามีแขนมีขามีทุกอย่างที่บ่งบอกว่าเป็นมนุษย์ จึงไม่กล้าทำอะไรที่จะกระทบกระเทือนไปถึงเขา
จึงได้แต่ยอมให้จอมบงการบังคับนั่งรถพามาส่ง...เพียงนึกไปถึงสายสัมพันธ์ที่กำลังโตวันโตคืน ฝ่ามือนุ่มก็เผลอทาบลงบนหน้าท้องที่เริ่มจะนูนขึ้นมาอย่างลืมตัว...รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดพราว
หากจะเขาสังเกตเห็น ก็คงจะงงไม่น้อย เหตุใดหล่อนจึงปรับอารมณ์เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้เร็วนัก จากหน้างอง้ำอยู่ดี ๆ ก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างไม่มีเหตุผล
แอสตันสีเขียวโดดเด่นพาหล่อนมาถึงจุดหมายปลายทาง...จอมทัพจอดเทียบชิดฟุตบาทเพื่อส่งบุษบากร เขาแปลกใจไม่น้อย กับที่ทำงานของหล่อนเหตุใดจึงมาอยู่ในซอยลึกลับขนาดนี้
"ขอบคุณนะคะ พี่จอมกลับไปได้แล้วค่ะ"
คงต้องเข้าไปดูให้เห็นกับตา คิดพลางดับเครื่องยนต์ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่บุษบากรกำลังลงไปจากรถ และเขาหันหน้าไปทางเบาะข้าง ๆ คนขับอย่างไม่ตั้งใจ
".....!"
อะไรบางอย่างทำให้เขาต้องเพ่งมอง มันเปื้อนอยู่กับเบาะรถตรงที่หล่อนนั่ง เขาดึงกระดาษทิชชูไปเช็ดแล้วนำมาดู...บนกระดาษมีสีแดงคล้ำคล้ายเลือด!
เพียงเท่านั้น แววตาคมกล้าก็ตวัดมองตามหลังของคนที่กำลังเดินเข้าไปในรั้วที่มีสวนเขียวรื่นอยู่ข้างใน คล้ายกับว่าหล่อนยังไม่รู้ถึงความผิดปกตินั้น
ชายหนุ่มตกใจไม่น้อย เมื่อกระโปรงสีขาวที่หล่อนสวมใส่ ยามนี้มีคราบสีแดงคล้ำเปรอะเปื้อนอยู่ด้านหลัง เขาไม่รอช้า รีบผลุนผลันลงจากรถแล้ววิ่งตามหล่อนไป ปากก็ร้องเรียก
"เพียงดาว! เดี๋ยว"
".....?"
"เธอมีเมนส์เหรอ รู้ตัวมั้ยว่าเลือดเลอะเทอะเปื้อนเต็มกระโปรงเต็มไปหมด!"
".....!"
เขาจับกระโปรงด้านหลังให้แผ่ออก...บุษบากรเอี้ยวหน้ามองตาม เพียงเท่านั้น ใจก็หล่นวูบไปกองอยู่ปลายเท้า
'ไม่นะ!'
สัญชาตญาณของความเป็นแม่ร้องบอก...ลูก...กำลังส่งสัญญาณว่าจะไม่อยู่เพื่อสู้ไปด้วยกัน
"พี่จอม..."
หล่อนตกใจจนหน้าซีดเผือด ยืนตัวสั่นใจสั่นทำอะไรไม่ถูก รู้สึกว่าโลกกำลังหมุนคว้าง หายใจติดขัดผิดจังหวะ ลมหายใจนั้นถี่และแรงขึ้นเรื่อย ๆ...สำนึกสุดท้ายที่ได้รู้คือ สองแขนผวาเกาะคนข้าง ๆ เอาไว้ ก่อนทิ้งร่างลงบนกรงอ้อมแขนที่รอรับ...