Chapter 6
เมียในเงา
บนทางเดินเล็ก ๆ ที่ไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์ส่องสว่างพอให้ไม่เดินสะดุดล้มหน้าคะมำ...จอมทัพพาร่างกายที่ข้างในพุ่งพล่านไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์เดินมาตามทางที่พาไปสู่ตัวบ้าน หัวสมองหนักอึ้งจนรู้สึกโคลงไปโคลงมา หากแต่เขาก็ยังบอกตัวเอง...ไม่ได้เมา
".....?"
ยามเข้ามายืนคว้างอยู่กลางบ้าน กลิ่นหอม ๆ ก็ลอยมาเตะจมูก...ทั้งที่ดึกป่านนี้ไม่น่าจะมีใครลุกมาทำขนม ความสงสัยทำให้เขาเดินไปตามกลิ่น
มันพาเขามาสู่ห้องครัว...ประตูห้องครัวเปิดอ้าอยู่...ที่ข้างใน ใครบางคนกำลังสาละวนอยู่กับขนมตรงหน้า
ในความเมา เขามองดูเวลา...เลยครึ่งคืนเข้าไปแล้ว หากแต่หล่อนยังไม่ได้นอนเหมือนคนอื่นเขา
'เพียงดาว...ต้องลำบากขนาดนี้เลยเหรอ...'
เขาสะอึก เหมือนมีก้อนบางอย่างแล่นมาจุกอก ท่าม กลางใจที่ยังอคติ เขากลับนึกสงสารคนที่เคยหักหลังกันขึ้นมาเสียอย่างนั้น
และเช่นเคย...อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปตอแย
"ขยันแบบนี้ จะเก็บเงินแต่งงานรึไง"
เสียงทักออกแนวหาเรื่อง แบบนี้มีแค่คนเดียว บุษบากรเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่าเจ้าของน้ำคำเหน็บแนมกำลังพาร่างเข้ามาด้านใน
ชายหนุ่มเดินมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ โต๊ะทำขนม ปรายตามองไปบนนั้น เห็นคุ๊กกี้ธัญพืชวางเรียงรายรอแพ็คใส่ถุง ดูมากมายละลานตา บ่งบอกถึงออเดอร์ที่เข้ามาไม่น้อย
"จะแต่งกันเมื่อไหร่ล่ะเพียงดาว พี่จะได้เตรียมเก็บเงินใส่ซองให้เธอ"
"พี่จอม! เมามาก็ขึ้นไปนอนค่ะ เดี๋ยวก็มีคนลงมาเห็น จะเป็นเรื่องอีก"
หล่อนได้กลิ่นแอลกอฮอล์มาจากตัวเขา ทำเป็นไม่สนใจด้วยการรีบแพ็คขนมใส่ถุง เตรียมสำหรับส่งลูกค้าในวันรุ่งขึ้น
"ทำคนเดียวเมื่อไหร่จะได้นอน ไหนบอกซิทำยังไง เดี๋ยวช่วย"
เหมือนไม่เชื่อหู หล่อนชะงักมือที่กำลังเคลื่อนไหว...ในความเงียบงัน แววตาสองคู่สบประสาน คล้ายต้องการ
ล้วงลึกลงไปถึงก้นบึ้ง ลึกสุดใจนั้นต่างซ่อนใครเอาไว้
มันคือความผูกพัน ที่ยังรั้งหัวใจสองดวงเอาไว้ แยกออกจากกันไม่ได้ แม้จอมทัพจะคอยย้ำเตือนตัวเองว่าหล่อนเป็นฝ่ายทรยศเขาก่อน
"มาสิ เดี๋ยวพี่ช่วย"
"เดี๋ยวก็เสร็จแล้วค่ะ พี่จอมควรไปได้แล้ว ดาวไม่อยากมีปัญหากับพี่รัก"
คนของเขารออยู่...นั่นคือความหมายในถ้อยคำเอ่ยปากไล่ หากแต่ชายหนุ่มไม่ฟัง เขาแย่งงานหล่อนทำด้วยการช่วยแพ็คขนมใส่ถุง โดยดูตัวอย่างตามที่หล่อนทำ...มันก็ไม่ยากสำหรับผู้ชายที่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้ แค่หยิบใส่ถุงแล้วก็ซีลปากถุง ติดสติ๊กเกอร์ที่เป็นโลโก้ของคนทำเพื่อความสวยงาม
สองคนช่วยกันคนละไม้ละมือท่ามกลางอารมณ์มึนตึง ใช้เวลาพักใหญ่ ๆ ขนมที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะก็หายไป...บุษบากรนำมานับอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ก็พบว่ามันยังขาดอีกประมาณห้าสิบชิ้น
คงต้องผสมอีกรอบ กลัวว่าตื่นมาทำตอนเช้ามืดแล้วจะรีบลนลาน จนไปทำงานไม่ทัน
"เสร็จแล้วใช่ไหม"
"ยังค่ะ คงต้องผสมอีกรอบ"
"ดึกป่านนี้ แล้วเธอจะได้นอนตอนไหน"
หล่อนไม่ตอบ หันไปสนใจกับวัตถุดิบตรงหน้า กะสัดส่วนตามสูตรที่ได้มา ท่ามกลางแววตาคมกล้าที่เฝ้ามองดู
"อบเสร็จแล้วก็เรียกพี่ด้วยละกัน"
เขาลากเก้าอี้มาหันหน้าชนกัน ก่อนนั่งลงบนนั้นแล้วเอนหลังพิงกอดอก ยกขาทั้งสองข้างพาดยาวไปบนเก้าอี้อีกตัว สูทผ้าวูลถูกนำมาพาดคลุมไว้บนตัว...บุษบากรยืนงง เมื่อจู่ ๆ เขาก็ปิดเปลือกตาลง นั่งหลับทั้งอย่างนั้น
"พี่จอม ง่วงแล้วก็ขึ้นไปนอนสิคะ"
หล่อนเดินไปเขย่าให้เขาตื่น หากแต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อเขาไม่ยอมลืมตาขึ้นมาคุยกันให้รู้เรื่อง และหล่อนคิดว่าหากมัวสนใจเขา ก็จะยิ่งทำให้ดึกมากไปกว่านี้ จึงปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจ อยากจะนอนในนี้จนถึงเช้าก็ให้มันรู้กันไป
หล่อนทำขนมไปเรื่อย ๆ โดยมีจอมทัพนอนเฝ้า ในระหว่างที่รอคุ้กกี้ในเตาอบ ท่ามกลางความเงียบงันยามดึกสงัด หล่อนไม่อาจห้ามแววตาที่กำลังมองไปยังคนใจร้ายไม่ได้ มองใบหน้าคมคร้ามที่กำลังหลับใหล...หัวอกสะท้านไหวใจปวดแปลบ เมื่อความจริงก็คือความจริง เขามีเจ้าของที่ห้ามคิดเกินเลย แม้จะใจอ่อนไหวไปกับการกระทำของเขาก็ตาม
อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปใกล้ เคยดูแลเขาเช่นไรวันนี้ก็ยังติดเป็นนิสัย สองมือช่วยขยับจับสูทที่ห้อยตกลงมา นำไปห่มคลุมไว้บนร่างของเขาตามเดิม
เขาไม่ได้หลับสนิทที่จะไม่รับรู้ถึงการถูกคุกคาม เมื่อมีอะไรมาถูกตัวเขาก็สะดุ้งตื่น ยังไม่ทันที่หล่อนจะขยับออกห่าง ท่อนแขนแกร่งก็ตวัดกอดเกี่ยว รั้งร่างที่กำลังตกใจให้ขึ้นไปนั่งบนตัก กักขังเอาไว้ด้วยสองแขนแข็งแรง
หล่อนดิ้นขลุกขลักอยู่ในพันธนาการอ้อมกอด มองหน้ามองหลังอย่างเลิ่กลั่ก กลัวเหลือเกิน กลัวว่าคคนางค์จะลงมาเห็นภาพนี้เข้าพอดี
หล่อนโทษตัวเอง ก็สมควรที่เขาจะเหยียดหยามว่าหล่อนง่าย เพราะพาตัวเองมาเข้าใกล้เขาเอง
"ปล่อยดาวค่ะ อย่าทำแบบนี้"
“บางทีเราควรคุยกันใหม่ มาตกลงกันใหม่"
"อะไรคะ เรื่องอะไร!"
"เลิกทำขนมซะเพียงดาว เธอจะได้ไม่ต้องเหนื่อย แล้วเธอก็กลับมาทำงาน เรื่องบริษัทของบ้านเธอ Liquor จะเข้ามาเทคโอเวอร์ ในฐานะที่เธอเป็นลูกสาว…Liquor จะจ้างเธอในฐานะลูกจ้างคนหนึ่ง"
"หากว่าเป็นเงินของ Liquor พี่จอมควรไปบอกพี่รัก เพราะถึงอย่างไรถ้าเทคโอเวอร์ไปแล้วทรัพย์สินทุกอย่างก็ไม่ใช่ของที่บ้านดาวอีกต่อไป คนที่ต้องไปทำงานให้พี่จอมก็คือพี่รัก ไม่ใช่ดาว"
หล่อนใจหายไม่น้อย ถ้าหากเขาใช้หนี้ธนาคารแทนทางบ้านของหล่อน นั่นหมายถึงบ้านหลังนี้ก็จะตกเป็นของเขาด้วย
ทุก ๆ อย่างที่เป็นของบิดาจะถูกธนาคารตามยึดทรัพย์ และอำนาจเงินก็จะทำให้สินทรัพย์ตกไปอยู่ในมือของเขาแทน
คราวนี้ล่ะ หล่อนจะกลายเป็นคนไร้บ้านของจริง ซึ่งเขาจะไล่ออกไปวันไหนก็ได้
"งั้นก็เอาแบบหลัง อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอะไร ย้ายออกไปอยู่คอนโดของพี่ แล้วเธอก็แค่...นอนใช้เงินไปวัน ๆ แล้วพี่จะแบ่งเวลาไปหา ขอแค่เธอตกลง"
"พี่จอม!"
หล่อนสลัดกายอย่างแรงจนหลุดพ้นออกมาจากวงแขนกว้าง ยืนขบกรามหายใจแรงด้วยความโกรธสุดขีด...ในข้อเสนอที่ใครฟังก็รู้ เขากำลังจะทอดสะพานให้หล่อนเดินข้ามเข้าสู่กรงหนาม หากยอมทำตามนั่นหมายถึงหล่อนยอมที่จะเป็นเมียน้อยของเขาอย่างเต็มใจ
มองแววตาที่ปรือฉ่ำ พยายามคิดว่าเขาคงเมาจนสติหลุด ก็เลยยื่นข้อเสนอที่แสนจะเห็นแก่ตัวออกมา
"ก็บอกแล้วไงคะ เรื่องของเรามันจบไปแล้ว!"
"จริงเหรอเพียงดาว เธอลืมเรื่องของเราได้ลงใช่มั้ย หรือว่าที่ผ่านมามันไม่มีความหมายอะไรสำหรับเธอเลย"
"....."
อยากบอกเขาเหลือเกินว่าไม่เคยลืม ยังคงตราตรึงอยู่ในใจจนทุกวันนี้ก็ยังนอนร้องไห้ เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายลืมและทิ้งหล่อนไป...การเงียบของหล่อนทำให้เขากระตุกยิ้มเยาะ
"ใช่สิ เธอลืมได้เพราะมีไอ้งั่งนั่นเข้ามาในชีวิต!"
“แต่พี่จอมตัดสินไปแล้ว ตัดสินว่าดาวผิด จะต้องให้พูดอีกกี่ครั้งคะ และดาวตัดสินใจแล้ว ดาวจะย้ายออกไป
จากที่นี่โดยเร็วที่สุด เพื่อที่พี่จอมจะได้ไม่ทำอะไรแบบนี้อีก!"
หล่อนพูดจริง และคงต้องตัดใจจากความห่วงใยคนในบ้าน แม้จะห่วงบิดามากแค่ไหนก็ตาม
เขานิ่งเงียบ เพราะต่อให้หล่อนระหกระเหินไปอยู่ข้างนอก เขาก็มีวิธีต้อนให้หล่อนอยู่ในกำมือได้อยู่ดี จะเลือกทางไหนก็เหมือน ๆ กัน
ถ้าหากเขาจะไม่ยอมเลิกเสียอย่าง ใครก็หยุดเขาไม่ได้
"เพื่ออะไรคะ ทิ้งดาวไปแต่งงานกับคนอื่น แล้วก็ยื่นตำแหน่งเมียน้อยมาให้ พี่จอมต้องการอะไรกันแน่!"
"แล้วเธอลืมพี่ได้ไหมล่ะ"
"....."
คำตอบอยู่ในนั้น...หล่อนนิ่งอึ้งหลบสายตาคมกล้าที่จับจ้อง เขาบอกเป็นนัย ๆ ว่าในเมื่อหล่อนยังตัดใจจากเขาไม่ได้ เขาเองก็ไม่ต่างกัน
เหมือนห้วงอเวจีแสนหวาน รู้ว่าตกลงไปแล้วจะเจอกับอะไรบ้าง แต่เขาก็อยากที่จะพาตัวเองเข้าไป...ส่วนในมุมของบุษบากร รักของเขาคือหนามแหลมทิ่มแทง ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บจากคมของมัน
เสียงเตือนจากเตาอบหยุดทุกอย่างลง หล่อนรีบละสายตามาจากเขา กลบเกลื่อนด้วยการเดินไปเปิดเตาอบแล้วหยิบขนมในนั้นออกมา ในขณะเดียวกัน เขาก็ลุกตามมาคอยช่วยอยู่ไม่ห่าง มองดูกระหนุงกระหนิงรักใคร่กลมเกลียว หากคนไม่รู้จักเดินผ่านมาเห็น ก็คงจะคิดว่าทั้งสองช่างเป็นคู่รักที่ดูเหมาะสมกันดี
ใครเล่าจะรู้..ยิ่งเขาทำเอาใจใส่มากเท่าไร ยังหาเรื่องชิดใกล้อยู่แบบนี้ ใจของบุษบากรก็ยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น...รักที่ไม่ได้ครอบครอง กำลังฆ่าหล่อนให้ตายทั้งเป็น