Chapter 10
สายสวาท (2)
"รอฉันตรงนี้ ขอเข้าไปทำธุระสักครู่"
จอมทัพบอกคนขับรถให้รออยู่ด้านนอก แววตาเข้มมองเข้าไปในนั้น ตรงหน้าคือสวนเขียวรื่นที่อำพรางซ่อนเร้น
ร้านคาเฟ่โดดเด่นเอาไว้
ป้ายที่ติดอยู่ด้านหน้าทำให้เขาหลุบตามองดูเวลาที่ข้อมือ เขารู้...ต่อให้ร้านยังไม่เปิด ไม่ว่าหล่อนจะพักอยู่ไหน หล่อนจะต้องมาร้านตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมความพร้อมแน่นอน
กลิ่นหอม ๆ อบอวลลอยมาแตะจมูกยามผลักบานประตูเข้าไป ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่กลางร้านกวาดสายตาไปรอบ ๆ เพื่อมองหาใครบางคน มองแจกันดอกไม้ที่วางไว้บนโต๊ะ กลิ่นและบรรยากาศที่ชวนให้น่าดื่มด่ำใหลหลง เข้ากับยามเช้าที่แสงแดดยังไม่สาดส่องลอดผ่านเรือนยอดไม้ลงมา
ชายหนุ่มเดินไปตามกลิ่นหอม ๆ ที่ลอยกรุ่นมาจากหลังร้าน...ตรงนั้น...บุษบากรกำลังวุ่นอยู่กับการอบขนม ดูภายนอกหล่อนช่างไม่เหมือนกับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ จนเขานึกเป็นห่วง กลัวหล่อนลืมตัวหยิบจับอะไรไม่ระวังจนกระทบกระเทือนไปถึงสายเลือดของเขาที่ฝากฝังอยู่ในกาย
โซ่สวาทที่เขาและหล่อนร่วมกันถักทอ ก่อให้เกิดความผูกพันรักใคร่ที่ยากจะตัดมันให้ขาด รักที่เขามีให้ยิ่งมากล้นขึ้นทุกวัน ซาบซึ้งกับคำว่าพ่อก็เมื่อพานพบ
เขายืนแอบมองการเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วนั้นจนเพลินลืมดูเวลา นานจนกระทั่งหล่อนหันมาคล้ายมีเซ้นส์ว่ากำลังถูกจับจ้อง หล่อนชะงักเล็กน้อย มีท่าทีแปลกใจแต่ไม่ตกใจ แววตาสองคู่สบประสาน
"พี่จอม...มาได้ยังไงคะ"
"พี่กำลังจะบินแล้ว ก็เลยแวะมาลาเธอ"
ชายหนุ่มถือวิสาสะเดินเข้าไปด้านในตามเสียงร้องสั่งของหัวใจ...เขาคิดถึงเธอ คิดถึงโซ่สวาทรั้งใจ ไม่เจอกันหลายวันเขานั้นแทบบ้า และคือเหตุผลที่เขาต้องแวะมาหาก่อนจะไม่เจอหน้ากันอีกนาน
"ทำไมรู้..."
เสียงนั้นขาดหายเมื่อเขากระชากหล่อนเข้ามาจูบตามแรงขับจากภายใน สื่อผ่านความคิดถึงคะนึงหาให้ซาบซ่านซึมลึกไปถึงก้อนเนื้อแสนอ่อนไหว ตราตรึงเอาไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ...จูบแสนอ่อนละมุนชวนฝันที่ทำให้หล่อนดื่มด่ำโลดแล่น ปล่อยกายและใจดำดิ่งลึกอยู่ในอ้อมกอดที่ไม่มีวันได้ครอบครอง
เขาจูงมือหล่อนเดินมาด้านนอก ทิ้งกายลงนั่งบนโซฟาที่เป็นพื้นที่ของลูกค้า รั้งให้หล่อนโถมกายตามมานั่งลงบนตัก กักเอาไว้ด้วยสองแขนแข็งแรง เอาคางเกยไว้บนไหล่แบบบาง
ไม่มีอะไรจะเจ็บปวดเท่านี้อีกแล้ว...แม้กายอยู่ในอ้อมกอดแสนอบอุ่น หากแต่ใจบุษบากรกำลังร่ำไห้ ยิ่งเขาแสดงออกว่ารักกันมากเท่าไหร่ หล่อนยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น หล่อนคงต้องตายเพราะพิษแห่งความคิดถึงบาดลึก แม้จะรักเขามากเพียงใด ก็จำต้องไปเพื่อให้เขากลับไปหาครอบครัว
"สัญญาได้ไหมเพียงดาว ว่าเธอจะรอ"
“.....”
เขากระซิบด้วยน้ำเสียงกังวล ลมหายใจอุ่น ๆ คลอเคลียอยู่ข้างพวงแก้มนุ่ม...บุษบากรนั่งนิ่งอยู่ในอ้อมกอดนั้น ไม่ปฏิเสธและก็ไม่ตอบรับ เพราะหล่อนมีคำตอบอยู่แล้วในใจ…ไปเพื่อจบทุกอย่างเสียที
"อดทนไปก่อนนะ ถ้าพี่กลับมาแล้วจะรีบเคลียร์เรื่องของเธอกับลูกให้เร็วที่สุด"
หล่อนคลี่ยิ้มให้เขา คิดไปพร้อมกัน...หากการรับผิดชอบของเขาทำให้คนอื่นต้องเจ็บปวด หล่อนขอไม่รับความหวังดีนี้ไว้ ยอมเป็นฝ่ายเจ็บแล้วเดินจากไป ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ข้างหลัง เชื่อว่ากาลเวลาจะช่วยให้ลืมเขาได้เอง
รอยยิ้มของหล่อนดั่งแทนคำมั่นสัญญาว่าจะรอ เขาฝากรอยรักด้วยจูบหนัก ๆ ลงบนพวงแก้มนุ่มละมุน ฝ่ามือแกร่งลากไล้สัมผัสบนหน้าท้องอุ่นซ่าน กระแสความผูกพันแผ่ซ่านซึมลึก กอดอยู่อย่างนั้นนิ่งนานคล้ายต้องการซึมซับความสุขเอาไว้ให้มากที่สุด อยู่กับหล่อนจนถึงวินาทีสุดท้ายก่อนจากลา แม้ใจจะไม่อยากจาก หากแต่เรื่องงานก็สำคัญมากพอ ๆ กัน
เสียงกระดิ่งที่ประตูดังขึ้นอีกครั้ง บุษบากรมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินไกลห่างออกไปเรื่อย ๆ มันคืออ้อมกอดสุดท้ายที่หล่อนจะได้สัมผัส ไม่มีอีกแล้วหลังจากนี้ เมื่อคิดถึงหยาดน้ำตาก็รินไหลไม่อาจฝืน ยามมือนุ่มสัมผัสแตะลงเบา ๆ ลงบนหน้าท้องที่เริ่มจะนูนเด่น กระแสความผูกพันก็แผ่ซ่านซึมลึก มันทำให้หล่อนถึงกับสะอื้นไห้ออกมาจนกายสั่นสะท้าน
จะเก็บเอาไว้ในความทรงจำว่าเคยรักกันมากแค่ไหน...แววตาพร่าเลือนมองตามหลังพ่อของลูกจนลับสายตา สวนเขียวรื่นไร้เงาผู้มาเยือน ทุกอย่างกลับคืนสู่ความเงียบงันอีกครั้ง
บุษบากรใจสะท้าน ยืนคว้างอยู่อย่างเดียวดายกับวินาทีสุดท้ายที่หมดลง เหงาและเหน็บหนาวหัวใจเหลือเกิน...บนเส้นทางที่จำต้องเดินไปข้างหน้าเพียงลำพัง