Chapter​ 11 ผิดแผน (1)

1398 คำ
Chapter​ 11 ผิดแผน (1) เป็นอีกวันที่กลับเข้าบ้านมาในเวลาสี่ทุ่มเศษ...ท่ามกลางความเงียบงันยามราตรีกาล ภวินทร์ร่างเข้ามายืนกลางโถงของบ้านหลังใหญ่หากแต่ไร้ซึ่งความสุข​ แววตาเข้มมองไปรอบ​ ๆ​ ด้วยหัวใจที่เปลี่ยวเหงา​ และทุกครั้งที่กลับมา​ เขามักจะแวะไปที่บาร์เครื่องดื่มก่อนขึ้นห้องนอน ต้องชะงักฝีเท้า​ เมื่อ​เดินมาถึงแล้วพบว่าพื้นที่ถูกจับจองโดยใครบางคน...อนงค์นาถ​ มารดาของเขามักฝังตัวเองนั่งดื่มอยู่เงียบ​ ๆ​ เพียงลำพัง เขาเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้บาร์ตัวที่อยู่ติดกัน​ เหมือนอนงค์นาถจะรู้​ หล่อนรินวิสกี้ใส่แก้วอีกใบแล้วเลื่อนมาตรง หน้าลูกชาย และเรื่องที่หล่อนรู้​มา​ อดไม่ได้ที่นำมาเป็นประเด็น "เห็นว่าคุณพ่อเขาให้ลูกชายบ้านนั้นไปจีนนี่นะ​ หึ​ มันน่าแปลกนะ​ ทำไมต้องเป็นตาจอม" เมื่อถูกรื้อฟื้น​ ภวินทร์ก็กำแก้ววิสกี้จนแน่น...มันเป็น เรื่องที่เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก​ สาขาที่จีน...แทนที่จะเป็นเขาแต่บิดากลับไว้วางใจจอมทัพมากกว่า​ เขาเจ็บใจ​ ผูกใจเจ็บมาตั้งแต่คำสั่งออกมาแล้ว "นั่นก็หมายถึงคุณพ่อเขาวางตัวเอาไว้แล้ว​ ใครที่จะมานั่งแท่นซีอีโอแทนคุณอาก้องเกียรติ...คิงส์จะยอมให้มันเป็นแบบนั้นเหรอ" "ผมยอมไม่ได้หรอกครับคุณแม่...ไม่มีวัน!" วิสกี้ถูกกรอกลงคอ​ แววตาของคนเจ้าคิดเจ้าแค้นชอบเอาชนะจับจ้องหน้ามารดา...หล่อนคือคนเดียวที่อยู่เคียงข้างเขาเสมอมา "คิงส์จะมัวชะล่าใจไม่ได้นะ​ จะจัดการอะไรก็รีบจัด การ​ ก่อนที่...เราจะถูกแย่งทุกอย่างไป​ Liquor เป็นของเรา​ เราต้องรักษาไว้​ จะให้คนอื่นมาฮุบไปง่าย​ ๆ​ ไม่ได้" คำว่า​ คนอื่น​ นั้นมารดามักตอกย้ำเสมอมาตั้งแต่เด็ก​ เพราะเหตุนี้ภวินทร์เลยไม่เคยคิดว่าจอมทัพกับจอมขวัญเป็นพี่น้องร่วมบิดา​ เขาคิดแค่ว่าทั้งสองคือคนที่มาแย่งความรักของบิดาไปจากเขา...เขาควรจะเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูล​ ไม่ควรเลย...ไม่ควรมีจอมทัพเกิดขึ้นมาเพื่อเป็นคู่แข่งของเขาในวันนี้ เขาเป็นลูกชายคนเดียว​ ลูกชายของเมียแต่ง...มันคือความเจ็บปวดที่ฝังรากลึก​กับการที่ภรรยาอีกคนของบิดาให้กำเนิดจอมขวัญขึ้นมา​ ย้ำเตือนให้เขาคอยแต่จะคิดเปรียบเทียบ​ สรุปบิดาของเขาทุ่มเทความรักไปให้คนอื่นมากกว่ากัน​ นับตั้งแต่มีเขา​ ท่านก็ไม่คิดจะมีลูกคนที่สองกับมารดาของเขาอีกเลย ในร้านคาเฟ่ที่ปิดทำการไปไม่นาน​ ของใช้ที่จำเป็นถูกยัดใส่กระเป๋าใบย่อม​ มีเสื้อผ้าอยู่ไม่กี่ชุดที่จะนำติดตัวไป​ด้วย หล่อนเน้นคล่องตัวที่พกพาขึ้นรถได้สะดวก​เพราะต้องเดินทางไกล...ไปกับอุไรที่นัดเจอกันยังสถานีขนส่งหมอชิต ในขณะที่เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า​ หล่อนใจหายไม่น้อย​ นึกเป็นห่วงบิดาที่อาการป่วยยังไม่หายดี หากแต่ก็ต้องไป...หล่อนตัดสินใจแน่วแน่​ เรื่องงานที่ร้านนั้นบอกอุมาพรล่วงหน้าไว้แล้ว...ลาออกเพราะได้งานใหม่​ นั่นคือเหตุผลที่ให้ไป​ และวันนี้คือวันทำงานวันสุดท้าย​ หลังร้านปิดและอุมาพรกลับบ้านไปแล้ว​ หล่อนก็เตรียมเดินทางไกลในเวลากลางคืน ไฟในร้านดับลง และแน่ใจว่าล็อกกุญแจเรียบร้อย​ บุษบากรก็หิ้วกระเป๋าเดินผ่านสวนร่มครึ้มออกมาที่ด้านนอก...ตรงนั้น...ริมฟุตบาทมีรถคันหนึ่งจอดเทียบอยู่​ น่าแปลก​ที่สายตาของหล่อนนั้นกลับมองอย่างหวาดระแวง​ แววตาหวั่นวิตกมองกวาดไปทั่ว​ ยามดึกเช่นนี้ดูเงียบเหงาไร้คนสัญจรไปมา แกร็บที่นัดให้มารับก็ยังไร้ซึ่งวี่แวว​ มีเพียงรถสีดำติดฟิล์มดำมืดที่จอดอยู่...หล่อนชำเลืองมองทำเป็นไม่สนใจ​ รีบเร่งฝีเท้าเพื่อเดินออกไปนอกปากซอย​ คิดเอาว่าหากแกร็บโทร.มาก็จะนัดจุดรับกันใหม่​ ดูเหมือนตรงนี้จะไม่ปลอดภัยเสียแล้ว หากแต่เสียงปิดประตูรถคล้ายกับเพิ่งมีคนลงมาก็ทำให้หล่อนหันไปมอง...ใจหล่นวูบ​ เมื่อผู้ชายคนนั้นกำลังก้าวเดินเร็ว​ ๆ​ ตามหลังหล่อนมา​ ".....!" สัญชาตญาณทำให้หล่อนหอบกระเป๋าวิ่งหนี​ สัมผัสได้แม้ไม่ต้องหันมอง​ อีกฝ่ายกำลังวิ่งตามหล่อนมาติด​ ๆ​ เช่นกัน แต่ต่อให้หล่อนจะวิ่งเร็วแค่ไหน คนร้ายนั้นไม่ได้มีเพียงหนึ่งคนเสียแล้ว...คนที่วิ่งไวกว่าอ้อมไปต้อนไว้ด้านหน้า ร่างสูงใหญ่ปราดเข้าไปปิดทางหนีเอาไว้ ในขณะที่คนข้างหลังก็ตามมาติด ๆ หล่อนหันหน้าหันหลังเพราะไปต่อไม่ได้ หมดทางที่จะหนีได้อีกต่อไป คงจะต้องมีปีกเท่านั้นถึงจะรอดไปได้ บุษบากรยืนหน้าซีดใจเต้นแรง เหงื่อกาฬไหลออกมาเพราะความกลัว ในขณะที่พวกมันกำลังต้อนหล่อนให้จนมุม หล่อนขว้างกระเป๋าใส่หน้าคนที่ยืนขวางเอาไว้ ก่อนจะวิ่งสวนออกไปด้วยความรวดเร็ว หากแต่อีกฝ่ายไวกว่า อุ้งมือแกร่งคว้าข้อมือเล็กเอาไว้แล้วออกแรงกระชาก ร่างของหล่อนถูกลากกลับไปที่เดิม "ช่วย!..." มือใหญ่ยื่นมาปิดเสียงไม่ให้เล็ดลอด ก่อนพวกมันจะลากแขนของหล่อนคนละข้าง บังคับให้เดินตามกลับไปที่รถ ในขณะที่บุษบาการพยายามขัดขืน หากแต่ก็ไม่อาจสู้แรงที่มีมากกว่าถึงสองคนได้เลย ร่างของหล่อนถูกยัดเข้าไปในรถ ก่อนที่พวกมันจะจับแขนของหล่อนไพล่หลังแล้วมัดเอาไว้ นำผ้ามาปิดตาและปิดปาก...เสียงปิดประตูรถดังตามมา ภายใต้ผ้าปิดตาสีดำ บุษบากรน้ำตาไหลส่ายหน้าไปมาใจเต้นแรง มันแน่แล้วว่า อิสรภาพของหล่อนต้องสูญสิ้นลง หล่อนเบิกตากว้างอยู่ภายใต้ความดำมืด เมื่อเสียงสตาร์ทเครื่องยนต์ดังขึ้น ก่อนจะรับรู้ได้ว่ารถกำลังเคลื่อนออกจากที่อย่างช้า ๆ ก่อนจะเร่งความเร็วลัดเลาะไปตามท้องถนน...ท่ามกลางใจที่เต้นแรง บุษบากรคิดไปสารพัด กลัวถูกจับไปฆ่าหมกป่า หล่อนยังไม่อยากตาย อยากอยู่ต่อเพื่อให้ชีวิตน้อย ๆ ได้ลืมตาออกมาดูโลกเสียก่อน ไม่รู้ว่าคนในรถคันนี้ต้องการอะไร แต่การเดินทางครั้งนี้มันช่างยาวนานเหลือเกิน... บนรถโดยสารที่ล้อรถกำลังบดเคลื่อนไปบนท้องถนนมุ่งหน้าสู่ภาคเหนือ...อุไรทอดสายตาผ่านกระจกใสไปยังความมืดตลอดฟากข้างที่รถวิ่งผ่าน มันเป็นการเดินทางที่ยาวนานกว่าจะถึงจุดหมาย และแน่นอน...หล่อนเดินทางมาคนเดียว เบาะข้าง ๆ ที่ยังว่างนั้นไร้คนจับจองเพราะตั๋วเป็นหมัน...บุษบากร...หล่อนไม่มาตามนัด หล่อนรอจนได้เวลารถออกตามที่จองตั๋วเอาไว้ จนวินาทีสุดท้ายบุษบากรก็ไม่มาตามนัด โทร.หาตั้งสายครั้งก็ไม่ยอมรับสายซ้ำยังปิดเครื่องเครื่องหนี หล่อนจึงอดคิดไม่ได้ อีกฝ่ายไม่ได้อยากหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ตามคำชักชวนของหล่อน 'ป้าช่วยจนถึงที่สุดแล้วนะคะคุณดาว แต่คุณไม่รับมันเอาไว้เอง' คิดพลางแอบปาดน้ำตาที่เอ่อซึมรอบขอบตาที่ลึกเหี่ยวย่นตามกาลเวลา อุไรเชื่อไปแล้วว่าที่บุษบากรผิดนัดก็เพราะคิดเปลี่ยนใจ...ไม่เป็นไร...หล่อนจะไม่บังคับใครทั้งนั้น คิดว่าโต ๆ กันแล้วคงไม่ต้องให้พูดซ้ำสอง เมื่อบุษบากรได้เลือกทางเดินของตัวเองแล้ว หล่อนก็จะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายอีกต่อไป ตั้งใจจะไปพลิกฟื้นแผ่นดินที่มีอยู่เพียงน้อยนิด ปลูกผักเลี้ยงปลาไปตามประสา บุษบากรคงกลัวว่าลูกที่เกิดมาจะลำบาก หล่อนพยายามคิดอย่างเข้าใจ ใคร ๆ ก็อยากให้ลูกที่เกิดมามีพ่อเหมือนเช่นเด็กคนอื่น ๆ ทั่วไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม