Chapter 10
สายสวาท
กลิ่นหอม ๆ จากเนยนมหอมฟุ้งไปทั่วร้าน อีกไม่นานก็จะเปิดให้บริการเช่นทุกวัน...บุษบากรเดินสำรวจตรวจตราไปรอบ ๆ เพื่อเตรียมความพร้อม รอต้อนรับลูกค้าคนแรกที่จะเข้ามา
หล่อนกินนอนที่นี่มาหลายวันแล้ว...แค่รอเวลา...เมื่ออุไรติดต่อมาว่าเคลียร์ทุกอย่างพร้อม หล่อนก็จะไปจากที่นี่ทันที
ทำตัวให้หายไปจากโลกใบนี้...แม้จะต้องลำบากกว่า เดิมหลายเท่า ก็ต้องไปเพื่อแก้ไขทุกอย่างให้มันดีขึ้น
เสียงกระดิ่งที่หน้าประตูบอกให้รู้ว่ามีคนกำลังเข้ามา หล่อนคิดว่าเป็นอุมาพรเจ้าของร้าน จึงร้องบอกโดยไม่หันไปมอง
"ดาวเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วนะคะคุณป้า"
เงียบ...ไร้เสียงตอบรับ มันผิดปกติเกินไป หล่อนจึงหมุนกายไปทางหน้าร้าน
".....!"
หล่อนตกใจจนแจกันดอกไม้ในมือตกลงพื้น เมื่อผู้มาใหม่ไม่ใช่ใคร...ภวินทร์
"คิดถึงฉันไหมเพียงดาว"
ภวินทร์พาร่างเข้ามาใกล้ เขามาหยุดยืนประจันหน้าคนที่ยืนตัวแข็งอยู่ที่เดิมเพราะกำลังช็อก...เมื่อตั้งสติได้หล่อนทำท่าจะวิ่งหนี หากแต่ก็ยังช้าไปอยู่ดี เมื่ออุ้งมือแกร่งคว้าข้อมือเล็กเอาไว้แล้วออกแรงกระชากเข้าหาตัว
"จะไปไหน!"
"พี่คิงส์ต้องการอะไร!"
หล่อนขัดขืนบิดข้อมือหนี หากแต่ก็ถูกเขารั้งจนแผ่นหลังแนบชิดอกกว้าง ใช้แขนล็อกคอเอาไว้ไม่ให้ขยับ อีกข้างกอดเกี่ยวเอวคอดเอาไว้
เขาคงไม่ทันสังเกต หน้าท้องที่เคยแบนราบนั้นเริ่มมีรอยนูนเด่นชัดขึ้นมา มันซ่อนอยู่ใต้เสื้อผ้าอำพราง
"เลิกวิ่งหนีฉัน แล้วมาคุยกันดี ๆ"
"ดาวไม่มีอะไรจะคุย ปล่อยดาวค่ะ เดี๋ยวมีคนมา!"
หล่อนดิ้นรนจนสุดชีวิตเพื่อให้หลุดพ้นจากอ้อมกอดพันธนาการ ใจร้องบอก...เกลียดผู้ชายคนนี้เข้าไส้ เขาทำให้ชีวิตของหล่อนต้องวอดวาย ต้องทำให้จอมทัพเข้าใจผิดจนความรักที่กำลังไปได้สวยต้องสะดุดลง
แววตาเลิ่กลั่กมองกวาดไปรอบ ๆ ในร้านไม่มีใครที่จะตะโกนขอความช่วยเหลือได้ สัญชาตญาณเอาตัวรอด ทำให้สองมือพยายามกระชากแขนเขาออก ฟันซี่คมขบลงบนหลังมือแกร่งเต็มแรง
ได้ผล...เขาผงะเพราะความเจ็บ หล่อนก้มตัวลอดใต้วงแขนแล้ววิ่งหนีไปทางประตู... ภวินทร์ปราดเข้าไปกระ ชากหล่อนเข้ามา ดันร่างของหล่อนจนแผ่นหลังชิดผนังกระจก กักเอาไว้ด้วยสองแขนแข็งแรง
"ตั้งสติก่อนเพียงดาว ฉันไม่ได้มาทำร้ายเธอ"
"ไม่ ดาวไม่เชื่อคนอย่างพี่คิงส์อีกแล้ว!"
แววตาคู่สวยสั่นระริก หล่อนบดกรามจนเป็นสันนูน...ความทรงจำแสนเลวร้ายกลับมา
หล่อนถูกเขาหลอกให้ไปหาโดยอ้างชื่อจอมทัพ และก็ถูกเขามอมยามอมเหล้าจนการรับรู้ขาดหาย หล่อนไม่รู้เขาทำอะไรลงไปบ้าง...แต่จากคำบอกเล่าของชัยกร เขาไปทันก่อนที่ภวินทร์จะได้ล่วงล้ำลึกซึ้ง
นับว่ายังโชคดีที่ชัยกรนึกเป็นห่วงเลยตามหล่อนไปในงานปาร์ตี้...หล่อนเชื่อเขา เชื่อว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ความจริงจะเป็นอย่างไรก็ตาม
"ฉันมาเพื่อเจรจากับเธอ...เรื่องของเรา"
หล่อนตวัดตามอง...มันไม่ใช่เรื่องของเรา มันเป็นเรื่องของเขาที่หล่อนไม่ข้องเกี่ยว ไม่มีความผูกพันให้คะนึงหา ไม่จำเป็นต้องสานต่ออะไรทั้งนั้น
"พี่คิงส์รู้ได้ยังไงว่าดาวทำงานที่นี่!"
"ถ้าฉันอยากรู้ มันก็ไม่ยากเกินไปหรอกเพียงดาว ต่อให้เธอหนีไปจนสุดขอบโลก ฉันก็จะตามไปจนเจอ!"
หล่อนเริ่มใจคอไม่ดี คิดไปไกล หากหนีไปกับอุไรแล้วถูกเขาสะกดรอยตามจนเจอ หากเป็นเช่นนั้นหล่อนจะอยู่ไม่เป็นสุข...หนีพ่อของลูกได้ แต่อาจหนีภวินทร์ไม่พ้น
"คิดให้ดีนะเพียงดาว อย่างที่ฉันเคยบอก เลิกกับหมอนั่นซะ เลิกกับมันแล้วมาหาฉัน...ฉันจะยกเธอเป็นเมียแต่งออกหน้าออกตา เธอจะอยู่แบบนี้ไปเพื่ออะไร อยู่แบบลับ ๆ เธอมีความสุขมากมั้ย"
"ดาวเคยบอกไปแล้วไงคะ ต่อให้เลิกกับเขา ดาวก็ไม่มีวันเดินเข้าไปซบอกพี่คิงส์!"
"แต่ฉันรักเธอ ฉันดูแลเธอได้"
หล่อนกระตุกยิ้มกับถ้อยคำ...คำรักของเขาช่างเรี่ย ราดพูดง่ายดายแจกจ่ายไปทั่ว ไม่รู้สึกซาบซึ้งกับมันเลยสักนิดเดียว
"รักของพี่คิงส์คือการทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาเหรอคะ นั่นไม่เรียกว่ารัก แต่พี่คิงส์แค่รักตัวเอง ทำเพื่อตัวเอง โดยไม่สนใจว่าใครจะเจ็บปวดจากเกมนี้บ้าง!"
แววตาฉายแววชิงชังที่มองมา ทำให้อารมณ์คนมองเริ่มจะคุกรุ่น...ไม่เคยเลย...เขาไม่เคยเอาชนะจอมทัพได้เลย
"พูดยากแบบนี้ อย่าให้ฉันต้องใช้วิธีรุนแรงนะเพียงดาว ฉันบ้ากว่าที่คิด และถ้าฉันอยากได้ก็ต้องได้ ใครก็ขวางไม่ได้!"
อุ้งมือแกร่งบีบปลายคางเรียวอย่างแรง หล่อนหน้าเบ้เพราะความเจ็บร้าวที่ลามเลียไปทั่วแนวสันกราม แววตาของเขาขุ่นขวางน่ากลัว...เชื่อว่าเขาทำได้ คนอย่างเขาทำอะไรที่คาดไม่ถึงได้แน่นอน
"ถ้าเธอยังเล่นตัวท่ามาก ระวังเอาไว้ให้ดี ฉันจะไม่ขอ ร้องดี ๆ แบบวันนี้แน่!"
ดีของเขายังทำหล่อนเกือบตาย หล่อนไม่อยากคิดต่อ หากรุนแรงกว่านี้เขาเล่นงานถึงตายแน่นอน
แววตาขุ่นขวางมองเลยผ่านม่านกระจกใสไปด้านนอก...เห็นใครบางคนเดินเข้ามา เขาจึงรีบผละออกห่าง ทำทุกอย่างให้เป็นปกติตามเดิม
อุมาพรเปิดประตูเข้ามา...หล่อนแปลกใจเล็กน้อย ที่มีผู้มาเยือนทั้งที่ร้านยังไม่ได้เวลาเปิดให้บริการ
"ขะ เขาไม่รู้ค่ะ นึกว่าร้านเปิดแล้ว"
บุษบากรข่มกลั้นความไม่ปกติเอาไว้ภายใน ทั้งที่ใจยังเต้นแรงไม่หาย ไม่อยากให้อุมาพรต้องมารับรู้เรื่องวุ่น ๆ ส่วนตัว เพราะอีกไม่นานหล่อนก็จะไปจากที่นี่ ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ข้างหลัง ให้เลือนหายไปตามกาลเวลา
"งั้นก็ทำให้ลูกค้าก่อนก็ได้จ้ะ เขาสั่งอะไรเหรอ"
"ไม่เป็นไรครับ ผมรีบ"
ภวินทร์ตัดบท...ก่อนจาก เขาสบตากับบุษบากรด้วยแววตาข่มขู่ คล้ายกับสื่อให้รู้ว่า มันจะไม่จบง่าย ๆ แน่นอน
เสียงกระดิ่งที่หน้าร้านดังขึ้นอีกครั้ง...เขาไปแล้ว...บุษบากรมองตามแผ่นหลังกว้างพลางลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก หากแต่ก็คงจะสงบได้อีกไม่นาน เชื่อว่าเขาจะต้องแวะมาตอแยอีกแน่นอน
หล่อนอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว คงจะต้องรีบติดต่ออุไรเพื่อหนีไปให้เร็วที่สุด คนที่หล่อนควรจะกลัวมากที่สุดตอนนี้ไม่ใช่จอมทัพ แต่เป็นภวินทร์ ผู้ชายที่เกลียดยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือ
เมื่อคิดไปถึงพ่อของลูกแววตาคู่สวยก็สลดลง ใจหายไม่น้อยเมื่อนับจากนี้คงไม่ได้เจอกันอีก ต้องเข้มแข็งสักแค่ไหนถึงจะผ่านไปได้ หล่อนรู้ดี..ใจตอนนี้ไม่แข็งแรงพอ ยังคงนอนร้องไห้ทุกคืนเพราะความอาลัยอาวรณ์
แต่เขาคงไม่มีเวลามาวิ่งตาม รู้มาก่อนหน้าว่าเขาจะไปประเทศจีนและอยู่ที่นั่นเป็นเดือน ๆ มันคือโอกาสเหมาะที่จะอาศัยช่วงเวลานี้ หนีไปให้ไกลเพื่อยุติทุกอย่างลง
เจ็บเหลือเกิน...กับการก้าวเดินไปบนเส้นทางแสนเหน็บหนาวเพียงลำพัง
ย่างเข้าสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ในห้องนอนคุมโทนพาสเทลที่ไฟยังคงส่องสว่าง บนเตียงกว้าง กระเป๋าเดินทางใบใหญ่วางอยู่บนนั้น มันยังคงเปิดอ้าเพราะเจ้าของยังจัดเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็นไม่เสร็จ จัดมาตั้งแต่หัวค่ำ…ไม่เคยพิถีพิถันคิดเยอะเท่านี้ รสรินบอกตัวเอง
ไปจีนมาก็หลายครั้ง หากแต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่จะตื่นเต้นเท่าครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่ได้ไปต่างประเทศกับจอมทัพ และเป็นการไปที่ยาวนานถึงหนึ่งเดือนเต็ม
นึกขอบคุณมารดาที่บังคับให้เรียนภาษาจีน หล่อนจึงได้มาทำงานใน Liquor จนได้พบกับจอมทัพ เปิดโลกกว้างได้รู้จักคนมากมายหลายระดับ และทำงานเข้าตาจนได้เป็นเลขาของจอมทัพ...หล่อนมาไกล หากแต่ยังไกลไม่พอ ใจยังฝันสูงกว่านั้น เมื่อเป้าหมายสูงสุดไม่ได้หยุดอยู่แค่ลูกจ้าง...เมียท่านประธาน หล่อนจะก้าวไปให้ถึง
เครื่องสำอางมากมายทั้งน้ำหอมที่ชอบถูกกองรวมกันไว้รอยัดใส่กระเป๋า หล่อนวิ่งวุ่นจนหัวหมุนเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ลืมของสำคัญ...มองชุดชั้นในที่เรียงราย มีทั้งแบบเรียบง่ายและแบบเซ็กซี่เผ็ดแซบชนิดยกพริกมาทั้งสวน แค่ชุดนอนไม่ได้นอน เฉพาะบราและแพนตี้หล่อนก็ใช้พื้นที่ในกระเป๋าเกือบเต็ม
และดูเหมือนหล่อนจะหลงลืมอะไรไป เมื่อนึกได้ก็วิ่งไปหยิบออกมาจากถุง...กล่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ หลายกล่องถูกโยนใส่กระเป๋า หล่อนไม่รู้หรอกว่าเขาชอบแบบไหนไซส์เท่าไหร่ จึงเหมาเอามาเสียทุกแบบทุกไซส์...เมื่อของสำคัญไม่ถูกหลงลืม หล่อนก็รูดซิปปิดกระเป๋าด้วยความสบายใจ
หลังจากนี้ก็นอนเอาแรง จะได้ตื่นแต่เช้าลุกขึ้นมาเตรียมตัว แต่งตัวสวย ๆ ไปรอเขาที่สนามบิน...ให้อารมณ์ชวนฝันประหนึ่งบินไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ หล่อนนอนหลับตาพริ้มเคลิ้มฝัน หวังว่าหลังจากกลับมาจะได้สานต่อความสัมพันธ์ที่ข้ามไปอีกขั้น...คือฝันที่ทุกคนมีสิทธิ์จะฝัน หากเขาเล่นด้วยก็ไม่ถือว่าแย่งใครมา หล่อนคิดในมุมตัวเอง
"ไปเป็นเดือนแบบนี้ รักขอไปด้วยไม่ได้เหรอคะ"
"พี่ไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยว ถ้าเธอไปก็จะไปนอนเหงาเปล่า ๆ เพราะคงไม่มีเวลาพาเธอไปไหน"
คคนางค์เดินตามมาส่งที่หน้าบ้าน วันนี้คนขับรถมารับถึงที่เพราะมีกระเป๋าหลายใบ หล่อนใจหาย คงคิดถึงเขาไม่น้อยเพราะไปนานนับเดือน
พยายามจะไม่พูดถึงเรื่องที่ยังค้างคา อีกใจหนึ่งหล่อนก็คิดว่าดีเหมือนกันที่เขาไป เผื่อความห่างไกลจะทำให้เขาทบทวนตัวเองเสียใหม่...ใคร...คือหนึ่งเดียวในหัวใจที่ควรจะรักษาไว้ให้นาน
"แล้วแชทมาคุยกันบ้างนะคะ"
วางความมึนตึงในใจเอาไว้ ไม่ว่าอย่างไรหล่อนจะต้องยึดขาเก้าอี้เอาไว้ให้มั่น ไม่ให้ใครมาเลื่อยมันออกไปอย่างง่ายดาย
เขามีทางเลือกให้หล่อนสองทาง ยอมเลิกราหรือยอมให้มีบ้านน้อย แน่นอน...หล่อนขอไม่เลือกสักทาง
สองแขนคล้องเกี่ยวลำคอแกร่งแล้วเขย่งปลายเท้าเพื่อจูบลา กลีบปากนุ่มฝากรักลงบนปลายคางสากระคาย คล้ายต้องการย้ำเตือน...เขาเป็นของหล่อนแต่เพียงผู้เดียว
“เพียงดาวไม่อยู่ เธอก็ดูแลคุณพ่อบ้างนะเพียงรัก"
การที่เขาพูดมาแบบนั้น ทำให้อารมณ์คนฟังคุกรุ่น เหมือนเปรียบเทียบกลาย ๆ ว่าหล่อนไม่เคยทำเหมือนเช่นที่บุษบากรเคยทำ
ยืนมองเขาขึ้นรถจนกระทั่งรถขับออกไป หล่อนยังคงยืนคว้างอยู่หน้าบ้าน...เขาไปแล้ว...ไปพร้อมกับการทิ้งความขุ่นมัวไว้ในอารมณ์ มาพร้อมความเหงาที่มาห่มคลุม บ้านทั้งบ้านดูเงียบขึ้นมาทันที