Chapter 9
หนึ่งเดียวในหัวใจ (2)
"ลาออก! ถ้าลาออกตอนนี้แล้วพี่จะไปทำอะไรกิน"
ภารดีใจหายวาบเมื่ออุไรเดินเข้ามาแจ้งความประสงค์ อยู่มานานจนเหมือนเป็นญาติกัน เมื่ออุไรจะลา ออกก็ทำให้ภารดีไม่ทันได้เตรียมใจ
"กลับไปทำสวนเรื่อยเปื่อย เบื่อแล้วค่ะ อยากกลับไปอยู่บ้านนอก"
"คิดให้ดีนะพี่ อยู่ที่นี่มีเงินเข้าทุกเดือน แล้วพี่ก็ไม่มีลูกเต้าคอยดูแลหรือคอยส่งเงินให้ใช้ ถ้าเดือนไหนไม่มีราย ได้แล้วจะทำยังไง"
ภารดีพยายามโน้มน้าว หล่อนเสียดาย เพราะจะหาแม่บ้านที่ซื่อสัตย์และทำงานคุ้มค่าเช่นอุไรไม่มีอีกแล้ว
หล่อนไม่อยากจ้างคนที่มาจากบริษัท พวกนี้มักหัวหมอ ดุด่าว่ากล่าวอะไรไม่ได้ ซ้ำยังห้ามใช้งานสุ่มสี่สุ่มห้า คอยแต่จะอ้างข้อกฎหมายมาคุยท่าเดียว
หากแต่ไม่มีอะไรมาหยุดอุไรได้ หล่อนตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ถอย ทนไม่ได้หากบุษบากรต้องตกอยู่ในสภาพเมียน้อย ถูกสังคมประณามว่าแย่งสามีพี่สาวตัวเอง
และทุกคนเลือกจะเชื่อตามที่ตาเห็นมากกว่าความเป็นจริงลึก ๆ การที่บุษบากรจะทำตัวหายไปจากโลกใบนี้ หล่อนคิดว่าคือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนแล้ว
ในยามสามทุ่มเศษ แอสตันคันเดิมแล่นผ่านรั้วบ้านพงษ์สวัสดิ์เข้ามาอีกครั้ง หลังจากที่หายหน้าไปหลายวัน จอมทัพตัดสินใจแล้วว่าเขาจะต้องคุยเรื่องที่ค้างคากับคคนางค์ให้รู้เรื่อง...วิธีของเขามันออกจะดูเหมือนเห็นแก่ตัว แต่จะให้ทอดทิ้งใครคนหนึ่งไว้ข้างหลัง เขาทำไม่ได้จริง ๆ
หลังเทียบรถให้โรงจอดและดับเครื่องยนต์ ชายหนุ่มซุกหน้ากับพวงมาลัยรถพลางถอนหายใจยาว..คิดอย่างเสียใจกับการตัดสินใจที่ผิดพลาดในอดีต หากเขาใช้สติในการดำเนินชีวิตสักนิด ก็คงไม่ต้องมานั่งทนทุกข์ทรมานอย่างเช่นในตอนนี้
ครอบครัวที่วาดฝันไว้ มันไม่เฟอร์เพคอย่างที่เขาเคยให้คำมั่นสัญญา เมื่อความจริงในวันนี้เขาให้บุษบากรได้แค่ตำแหน่งเมียน้อยเท่านั้น
และลูกของเขาที่เกิดกับเธอก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นลูกเมียน้อย เหมือนเช่นเขา...เขาและจอมขวัญต้องทนอยู่ในสังคมที่มองมาด้วยสายตาแปลก ๆ เพราะต่อให้มีที่มาที่ไปอย่างไร คนทั่วไปก็มองว่ามารดาของเขาไปแย่งเขามาอยู่ดี
เขาไม่อยากเดินตามรอยนั้น...นี่แหละ...สิ่งที่เขาได้ทำลงไป มันกำลังย้อนมาเล่นงานเขาแล้ว
ที่ชั้นล่าง...ไฟในบ้านนั้นปิดสนิท คงเพราะอุไรไม่คิดว่าเขาจะมา ก็เลยไม่เปิดไฟเอาไว้รอเช่นที่ผ่านมา คิดยามเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน...บานประตูห้องนอนที่อยู่ถัดไป เขาอดที่จะหยุดมองไม่ได้ อยากรู้ว่าคนในนั้นทำอะไรอยู่ หลับแล้วหรือนอนคิดถึงเขา หล่อนจะฝันถึงเขาบ้างหรือไม่ หรือยังโกรธกับเรื่องในวันนั้น ยามนี้เขาว้าวุ่นใจไปหมดจนอยาก จะเดินไปเคาะประตูเรียกแล้วคุยปรับความเข้าใจกับเธอ
เขาเกือบทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ ในขณะที่พาตัวเองไปหยุดยืนที่หน้าห้องบุษบากรแล้วกำลังจะเคาะประตูเรียก...เสียงกระซิบร้องบอก เขาควรจัดการทุกอย่างให้จบ เพราะอีกไม่กี่วันเขาก็จะเดินทางไปประเทศจีน ไปอยู่นานนับเดือนกว่าจะกลับมา
เขาเดินกลับมาที่หน้าห้องนอนของตัว สแกนมือแล้วผลักบานประตูเข้าไป...ในห้องกว้าง คคนางค์ยังคงไม่หลับ หล่อนนั่งเอนหลังพิงหมอนอยู่บนเตียง ในมือคือโทรศัพท์ มือถือ หล่อนมีท่าทีตกใจเล็กน้อยที่เห็นเขากลับมา
แววตาสองคู่สบประสาน ต่างสัมผัสได้ถึงความบาด หมางจนดูห่างเหิน ท่ามกลางความเงียบงัน คคนางค์ก็เป็นฝ่ายทำลายมัน
"จำทางกลับบ้านได้แล้วเหรอคะ"
ภายใต้ถ้อยคำกระแนะกระแหน หล่อนก็อดดีใจอยู่ลึก ๆ ไม่ได้ เมื่อท้ายที่สุดเขาก็เป็นฝ่ายกลับมาง้องอน
จอมทัพปล่อยผ่านถ้อยคำนั้น เขาเดินไปหย่อนกายนั่งลงบนเตียง เคียงข้างคนที่ยังฝังร่างอยู่ที่เดิม
"เพียงรัก เรามีเรื่องต้องคุยกัน"
น้ำเสียงนั้นจังจริง คำว่ามีเรื่องต้องคุยกัน ทำให้ใจคคนางค์เต้นเร่า หล่อนยันกายนั่งหลังตรง คิดเอาเองว่าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
เขาอาจจะรู้เรื่องของหล่อนกับภวินทร์ อาจรู้ไปถึงเรื่องที่หล่อนกับฝ่ายนั้นร่วมกันก่อ คิดไปสารพัดจนแววตาคู่สวยฉายความหลุกหลิกออกมา
ไม่กล้าสบตาเขา ได้ยินแต่เขาถอนหายใจหน่วงหนัก
"มีใครบอกเธอหรือยัง เรื่องนั้น"
"ระ เรื่องอะไรคะ!"
หล่อนทำเป็นตีสีหน้าราบเรียบ ทั้งที่ภายในนั้นเต้นเร่าจนอุ้งมือชื้นไปด้วยเหงื่อ ในขณะที่จอมทัพคว้ามือชื้นเหงื่อมากุมเอาไว้ บีบเบา ๆ ก่อนสารภาพความจริง
"พี่ทำเพียงดาวท้อง เราต้องคุยกันเรื่องนี้!"
".....!"
เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจจนแก้วหูลั่นเปรี๊ยะ คคนางค์หูอื้อตาลายใจเต้นแรง แววตาสั่นระริกมองหน้าสามีด้วยอาการช็อก...หล่อนช็อก เมื่ออยู่ดี ๆ เขาก็เดินมาบอกว่าทำผู้หญิงท้อง ไม่ได้เตรียมใจไว้จริง ๆ กับเรื่องนี้ แค่รู้ว่าเขายังไม่เลิกกันหล่อนก็เจ็บเจียนตาย ยังต้องมาเจ็บซ้ำสองจากคำสารภาพแบบตรงไปตรงมา
เหมือนถูกเขาตวัดมีดลงบนใจจนขาดวิ่น แล้วเขาก็ใช้เท้ากระทืบซ้ำลงบนใจที่ยังไม่หายดี เจ็บเจียนตายนั้นเป็นเช่นไร หล่อนซาบซึ้งกับมันก็เมื่อพานพบ
"พะ พูดจริงเหรอคะ!"
กลั้นใจถามเสียงสั่น ภาวนาว่าขอให้เขาพูดใหม่ เมื่อสักครู่เขาแค่หยอกกันเล่น ๆ เท่านั้น
"จริง เธอท้องได้เกือบสี่เดือนแล้ว"
"อะไรนะ!"
หล่อนนับนิ้วเป็นพัลวัน ใจเต้นแรงหนักขึ้น เมื่อได้รู้ว่าเขาแอบมีอะไรกันก่อนแต่งงานกับเธอ
แววตาคู่สวยสั่นระริก จ้องหน้าเขาพลางขบกรามแน่น หยาดน้ำตาไหลรินผ่านร่องแก้มจนคนมองสงสาร...ใช่แล้ว...เขาสงสารหล่อนไม่น้อย ที่จริงหล่อนไม่ผิดอะไร เพียงแต่วิธีการที่ได้เขามานั้นทำให้เขาคาใจ แต่ถ้าเขาไม่โดดลงไปเล่นด้วย ไม่ดึงหล่อนเข้ามาในวังวนของความคลั่งแค้น ก็คงไม่ต้องมีใครต้องเสียใจเพราะเขาเช่นวันนี้
"พี่ขอโทษ ที่ทำให้เธอเสียใจ"
สองแขนรั้งหล่อนเข้ามากอดเพราะความรู้สึกผิดที่ตีตื้นมาสุมอก ไม่มีถ้อยคำใด ๆ ที่จะกลั่นออกมา...เขารู้สึกผิดที่ใช้ความรักของหล่อนเป็นเครื่องมือ
ในอ้อมกอดอบอุ่น คคนางค์สะอื้นอยู่ในอ้อมกอดนั้น เหน็บหนาวหัวใจเหลือเกิน เมื่อคิดไปว่าในขณะที่เขากอดเธอ ใจของเขาอาจล่องลอยไปไกล ไปหาอีกคนที่เขารักไม่มีวันลืม
เมื่อเหน็บหนาวจึงผลักไส ยันกายออกจากอ้อมกอดนั้น สบตาเขาด้วยน้ำตานองหน้า
"แล้วพี่จอมจะทำอย่างไรคะ ช่วยบอกรักให้ชื่นใจที"
"เด็กไม่รู้เรื่องอะไรด้วย และพี่ก็ทำไม่ได้ หากจะให้ทอดทิ้งเพียงดาว!"
".....!"
เหมือนถูกเขาตบจนหน้าชาอีกครั้ง...ทุกอย่างชัดเจน
ในถ้อยคำ เขาขอหล่อนเลี้ยงดูเมียอีกคนและลูก มันไม่ต่างไปจากเขาเดินเข้ามาขอกันตรง ๆ ว่าขอมีเมียน้อย แม้จะไม่ได้พูดมันออกมาก็ตาม
มินาล่ะถึงกลับมาบ้าน...ที่แท้ก็มีจุดประสงค์ในการมา เขาต้องการเจรจากับหล่อนในเรื่องนี้
"แล้วถ้ารักไม่ยอมล่ะคะ พี่จอมจะทำยังไง"
เขานิ่งเงียบ...หากแต่แววตาแปลกไป แววตาที่เขามองมานั้นสื่อถึงความเอาแต่ใจ
“เธอต้องยอมเพียงรัก พี่จะพาเพียงดาวไปอยู่ที่อื่น ต่างคนต่างแยกกันอยู่ ไม่ต้องมาวุ่นวายกัน!"
"พี่จอม!"
ความโกรธแล่นพล่านผสมปนเปกับอารมณ์เสียใจ หล่อนไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้ จึงโพล่งออกมา
"พี่จอมจะให้คนมาเรียกเด็กคนนั้นว่าลูกเมียน้อยเหรอคะ เหมือน…เหมือนที่มีคนเรียกพี่จอมว่าลูกเมียน้อย!"
"เพียงรัก!"
เขาตะคอกด้วยแววตาขุ่นขวางจนคคนางค์สะดุ้ง เมื่อปมถูกสะกิดความโกรธก็พุ่งพล่าน เขาเกลียดคำนี้ และเกลียดคนที่ใช้คำนี้กับเขาด้วย เมื่อไม่อาจควบคุมอารมณ์
กรงอุ้งมือจึงขยุ้มลงบนปลายคางเรียวแล้วออกแรงบีบ
"ลูกที่เกิดจากเพียงดาวไม่ใช่ลูกเมียน้อย หากจะพูดกันตามตรง เธอมาทีหลังเพียงรัก แต่เธอแค่โชคดีที่ผู้ใหญ่มาเห็น หึ อยากรู้อะไรมั้ย พี่จะบอกอะไรให้ เรามีอะไรกันมานานแต่ไม่มีใครรู้มันไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เพียงดาวเป็นเมียพี่มานานหลายปีแล้ว!"
"ฮึก...พะ พี่จอม!"
คคนางค์นิ่งอึ้ง นั่งนิ่งตัวชากับคำสารภาพนั้น เอ่ยถามเขาเสียงสั่นเครือ
"ตะ ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ!"
“ตั้งแต่เพียงดาวเรียนอยู่ปีสาม ไม่นับก่อนหน้า ที่เรามีสัมพันธ์ที่มากกว่าคนรู้จักกัน!"
คนนั่งช็อกกลอกตาไปมา ใจมันคิดตามถ้อยคำ...สัมพันธ์ที่มากกว่าคนรู้จักกันนั้นคืออะไร สัมพันธ์ที่ยังไม่ถึงขั้นล่วงล้ำลึกซึ้ง
"พี่ถึงได้บอก เธอโชคดีที่ผู้ใหญ่รับรู้ก็เลยได้แต่งงาน ในขณะที่เพียงดาวต้องเสียตัวฟรี!"
เขาสะบัดมือออกจากปลายคางเรียว ผลุนผลันลุกขึ้นจากเตียงด้วยความโกรธที่ยังกรุ่นอยู่ในใจ...เพราะคำว่าลูกเมียน้อยแท้ ๆ เลยทำให้บรรยากาศนั้นคุกรุ่นและปะทุขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อเห็นว่าคุยกันไม่รู้เรื่อง เขาจึงเป็นฝ่ายยอมเดินออกไปจากห้อง
ปัง!
เสียงปิดประตูใส่หน้าดังปังตามแรงอารมณ์...เขาไปแล้ว...เพียงเท่านั้น คคนางค์ก็ปล่อยโฮออกมาปิดหน้าสะอื้นร่ำไห้ ปวดใจเหลือเกินกับถ้อยคำตรงไปตรงมา...เขาแต่งงานกับหล่อนเพราะความรับผิดชอบ หาใช่ความรักเช่นที่เขามีให้ใครอีกคน
พิษรักบาดลึกจนเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งร่าง หล่อนทิ้งตัวฟูมฟายเกลือกกลิ้งไปบนที่นอน ซุกหน้ากับหมอนร่ำร้องตะโกนก้องอยู่ในห้องกว้าง...ท่ามกลางความเสียใจเจียนจะขาดใจตาย เสียงกระซิบส่วนลึกร้องบอก นี่คงเป็นผลแห่งการทำทุกอย่างเพื่อแย่งเขามา ผลของมันกำลังย้อนกลับมาเล่นงานให้หล่อนได้สัมผัส ให้ได้รู้รสชาติของการดื่มด่ำกับความเจ็บจากการถูกแย่งของรักนั้นเป็นเช่นไร