Chapter 9
หนึ่งเดียวในหัวใจ (1)
Liquor สำนักงานกรุงเทพฯ…
ยามสายก่อนที่การประชุมจะเริ่มขึ้น รสรินยืนอยู่ตรงเครื่องถ่ายเอกสารที่ค่อนข้างเป็นมุมอับ หล่อนกำลังเตรียมเอกสารให้จอมทัพ เป็นวาระเกี่ยวกับการบินไปดูงานที่ประเทศจีน แน่นอน...หล่อนไปกับเขา ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ได้แต่นับวันรอให้วันเดินทางมาถึงโดยเร็ว
"อุ๊ย!"
ต้องสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ ก็มีคนมายืนเบียดอยู่ด้านหลัง หล่อนแทบกรี๊ดออกมา เมื่ออุ้งมือแกร่งตะปบลงบนบั้นท้ายเต่งตึงที่ซ่อนอยู่ในกระโปรงสั้นโชว์เรียวขาขาว ๆ เขายังออกแรงบีบเคล้นทำราวกับว่าอยู่ในห้องมิดชิดที่ไม่ต้องกลัวใครจะผ่านมาเห็น
"พี่คิงส์!"
"ทำอะไรอยู่เหรอ ว่างมาช่วยงานฉันสักชั่วโมงมั้ย"
หล่อนหันไปเผชิญหน้า ทำตาขวางใส่เขาซ้ำยังไม่ยิ้มให้ โกรธที่เขาลวนลามโดยที่หล่อนไม่ยินยอม สาบานได้ เรื่องนี้จะต้องถึงหูแชร์แมน นั่นก็คือบิดาของเขาเอง
ภวินทร์กระตุกยิ้มเยาะ ทำไมเขาจะไม่รู้ เลขาคนสวยนั้นจ้องจะตะครุบเจ้านายสายตรง คนที่เขาเกลียดยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือ
"ถูกนิดถูกหน่อยทำเป็นสะดิ้ง ฉันถามหน่อย กับบอส ของเธอน่ะ เข้าไปเท่าไหร่แล้วล่ะ!"
"พี่คิงส์! อย่าดูถูกเนยแบบนี้นะคะ!"
"หมอนั่นมีเมียแล้ว เหนื่อยเปล่าที่จะไขว่คว้า มาหาฉันสิ ฉันมีให้เธอได้ทุกอย่าง จะเอาอะไรล่ะ บ้าน รถ พร็อพเสริมบารมีเอาไว้อัพไอจี เธอต้องการอะไรฉันจะหามาให้ทุกอย่าง ขอแค่เธอยอม..."
"เป็นเมียเก็บพี่คิงส์!"
หล่อนกระตุกยิ้มคล้ายเยาะ คนเจ้าชู้แบบเขา ยากที่จะลงเอยกับใครง่าย ๆ หล่อนไม่อยากเป็นของเล่นของใคร แต่ถ้าจะมี...หล่อนขอเป็นตัวจริงที่อยู่เหนือผู้หญิงคนอื่นทั้งหมดทั้งปวง
แม้คนที่คลั่งไคล้จะมีพันธะ แต่ถ้าหากอยากได้
หล่อนจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เป็นตัวจริงแค่เพียงหนึ่งเดียว
"แล้วมันต่างกันตรงไหน ตอนนี้มันก็ไม่ต่างกัน ที่เธอแอบกินกันลับ ๆ นั้นเรียกว่าอะไร ถ้าไม่เรียกว่าเมียเก็บน่ะ!"
"พี่คิงส์! พี่จอมกับเนยยังไม่มีอะไรกัน!"
คล้ายเขาจะไม่เชื่อ ริมฝีปากได้รูปกระตุกยิ้มคล้ายหยัน
"เรียกเมียบำเรอน่าจะเหมาะ เพราะเธอก็เป็นได้แค่ของเล่นบนเตียงเท่านั้นแหละ ฉันจะบอกให้นะ คนที่ควรจะกำจัดไม่ใช่เมียแต่งออกหน้าออกหน้าออกตา แต่คนที่เธอควรกลัวก็คือเมียที่เขาซ่อนเอาไว้ ไปสืบหาเอาเองนะว่าฉันหมายถึงใคร!"
"อะไรคะ พี่คิงส์พูดถึงเรื่องอะไร!"
ภวินทร์หัวเราะอยู่ในลำคอแล้วเดินจากไป ปล่อยให้รสรินยืนคิดกับถ้อยคำกำกวม เขาทำให้หล่อนอยากรู้ ใคร...ที่จอมทัพซ่อนเอาไว้ และซ่อนเอาไว้กี่คนกันแน่ น่าแปลกกับถ้อยคำแค่ไม่กี่คำ ใจหล่อนกับสั่นไหวกับการได้รู้ว่าผู้ชายที่แอบมีใจให้นั้นคบใครหลายคน
ในห้องทำงานโอ่โถง จอมทัพยังคงมาทำงานทุก ๆ
วัน ต่อให้ปัญหาทางใจรุมเร้าแค่ไหนเขาก็จะวางมันไว้ที่บ้านชั่วคราว ในเมื่องานยังต้องเดินหน้า ธุรกิจคือการแข่งขัน หากเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงานเมื่อไหร่ มันจะส่งผลกระทบกับทุกฝ่ายอย่างแน่นอน
ชายหนุ่มยืนหันหน้ามองผ่านกระจกใสสูงจรดเพดานออกไปด้านนอก เสียงสนทนาเบา ๆ ดังผ่านโทรศัพท์ที่แนบหู และเสียงคนเปิดประตูทำให้เขาหันหน้ากลับมาจากวิวด้านนอก เห็นรสรินวิ่งพรวดเข้ามาด้วยน้ำตานองหน้า...เขาตกใจ...เมื่อหล่อนโผเข้ากอดเขาเอาไว้แล้วสะอึกสะอื้นออกมา
เขาตัดสายทิ้งไปก่อน ไม่อยากให้คนทางนั้นได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องนี้
"เนย เป็นอะไร!"
"ฮึก ๆ พี่คิงส์ค่ะ พี่คิงส์เขาลวนลามเนย ฮือ ๆ"
".....!"
“เขาจับก้นเนยต่อหน้าพนักงาน เนยอาย เขาดูถูกเนยสารพัด ฮือ ๆ"
"เอาละ ๆ ถ้างั้นก็ปล่อยฉันก่อน น้ำตาเธอเปียกเสื้อฉันหมดแล้ว"
เขาพยายามแกะแขนที่คล้องเกี่ยวเอาไว้จนแน่น สัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่นที่บดเบียดแนบชิด แววตาหวาดระแวงมองไปยังบานประตูที่ปิดสนิท เขากลัวว่าจะมีใครทะเล่อทะล่าเข้ามาแล้วเห็นจนเอาไปพูดต่อ แล้วอาจตามมาด้วยการที่เขาถูกเรียกไปสอบ ถ้าร้ายแรงก็อาจถูกปลดออกจากการเป็นผู้บริหารได้
"ฮึก ๆ ฮือ ๆ พี่จอมต้องจัดการให้เนยนะคะ เนยไม่ยอมจริง ๆ ด้วย"
เขามองแววตายาวรีที่หยาดน้ำตาคลอขัง...แน่นอน...หากหล่อนเอาไปฟ้องทางบ้าน พ่อแม่ของเธอก็จะต้องถามหาความรับผิดชอบ และอาจตามมาด้วยชื่อเสียงของ Liquor ที่เสียไป
"โอเค เดี๋ยวฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้เธอนะ สบายใจได้หรือยัง"
เขาแกะท่อนแขนเรียวที่เริ่มจะคลายออกด้วยความนุ่มนวล เดินไปดึงกระดาษเช็ดหน้ามายื่นให้ เพราะกลัวว่าหน้าของหล่อนจะเลอะไปด้วยคราบเครื่องสำอาง และไม่อยากให้เลขาต้องหอบหน้าหมอง ๆ ไปเข้าประชุม
"เช็ดน้ำตาซะสิ เดี๋ยวหน้าสวย ๆ ของเธอหมองหมด ใกล้จะได้เวลาประชุมแล้วนะ"
รอยยิ้มของเขา ถ้อยคำของเขา มันทำให้หัวใจคนฟังสั่นไหว...หล่อนคลี่ยิ้มแล้วรับกระดาษจากมือของเขามาถือไว้ นำมาแตะ ๆ ไปรอบขอบตาที่ชื้นฉ่ำไปด้วยคราบน้ำตา
เขาทำให้หัวใจพองโต กับการที่วิ่งมาฟ้องเขาแล้วเขาให้ความสำคัญด้วยการรับเรื่องไว้ ไม่ดุด่าว่ากล่าวแล้วไล่ตะเพิดออกไป...เหมือนเป็นคนพิเศษ...รสรินคิดเข้าข้างตัวเอง
"ช่วยดูให้เนยหน่อยสิคะ กระโปรงของเนยยับมั้ย พี่คิงส์เขาจับตรงนี้"
หล่อนหันหลังให้เขาแล้วใช้มือลูบไปตามบั้นท้ายเด้งๆ เต่งตึง ต่ำลงไปจากขอบกระโปรงสั้น ๆ นั้นคือเรียวขาขาว ๆ น่าจับพาดบ่า…เขาเป็นผู้ชายไม่ใช่พระอฺิฐพระปูน ไม่ใช่คนมุ่งสู่นิพพาน และก็รู้อยู่เต็มอก...หล่อนกำลังยั่วเขาแบบเนียน ๆ
"ไม่ยับ ปกติดี"
"เหรอคะ"
เขาเบนสายตาไม่มอง เปลี่ยนเรื่องเพื่อไล่หล่อนแบบเนียน ๆ
"เตรียมเอกสารเสร็จหรือยัง อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะได้เวลาประชุมแล้ว"
"เสร็จแล้วค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปรอที่ห้องประชุม เอาตามไปด้วยก็แล้วกัน"
เขาหยิบของที่จำเป็นแล้วเดินหนีออกไปจากห้อง มันคือการตัดบทแบบมีมารยาท บอกเป็นนัย ๆ ว่ามันจะไม่มีวันได้ผล...ปล่อยให้รสรินยืนคว้างอยู่กลางห้อง กระทืบเท้าเบา ๆ ราวเด็กถูกขัดใจ
ตลอดทางเดินที่พาไปสู่ห้องประชุม...ในหัวของจอมทัพก็คิดเรื่องเดิม ๆ อีกครั้ง เขาคิดถึงบุษบากร อยากรู้ว่าหล่อนเป็นเช่นไรในตอนนี้ มันมีบางเรื่องที่อยากคุยให้เข้าใจ เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับคคนางค์ก่อนแต่งงาน มันไม่ ได้เกิดขึ้นเพราะความรัก มันคือเหตุบังเอิญที่เกิดขึ้นเพราะความเมา แต่...อธิบายตอนนี้หล่อนคงไม่ฟังคำแก้ตัว
คิดถึงทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวกับเธอ...คิดถึงโซ่สวาทรั้งใจ เขาเพิ่งพานพบ ความคิดถึงมันช่างทรมานหัวใจเหลือเกิน...
หลังการประชุมจบลง...ในช่วงบ่าย ภวินทร์เดินมาที่ ห้องทำงานของคนที่ใหญ่สุดใน Liquor เขามาเพราะถูกเรียกมาพบด่วน...จอมพล...บิดาของเขาที่มีอำนาจมากมายในมือ
ชายหนุ่มผลักบานประตูเข้าไปอย่างเซ็ง ๆ และเมื่อภาพในห้องปรากฎแก่สายตา เขาต้องชะงักฝีเท้า เพราะไม่ได้มีเพียงบิดาเสียแล้ว
จอมทัพ...อีกฝ่ายมาทำอะไร คิดพลางเดินเข้าไปหาบิดาที่เงยหน้าขึ้นมองพอดี
"มาแล้วเหรอ นั่งก่อนสิ"
จอมพลพยักพเยิดให้ลูกชายคนโตไปลากเก้าอี้มานั่ง หากแต่ภวินทร์เลือกที่จะปฏิเสธ..มีเหตุผลเดียว เขาไม่อยากนั่งใกล้จอมทัพที่จับจองพื้นที่ตรงหน้าบิดาอยู่ก่อนแล้ว
"คุยนานมั้ยครับ ถ้าไม่นานผมยืนได้"
จอมพลถอนหายใจ รู้จักในนิสัยเอาแต่ใจนั้นดี
"ตามใจนายก็แล้วกันถ้าจะยืนค้ำหัวฉันอยู่อย่างนี้ เอาเป็นว่า ฉันจะพูดตรง ๆ เลยนะ"
".....?"
"เมื่อเช้านายลวนลามหนูเนยจริงมั้ย!"
สิ้นสุดคำถาม แววตาของคนที่ตกเป็นจำเลยก็ตวัดมองน้องชายต่างมารดาทันควัน
"ใครคาบมาฟ้องคุณพ่อครับ ยัยเนยเหรอที่วิ่งโร่มาฟ้องเป็นเด็ก"
"ไม่ต้องถามหาใครทั้งนั้น แค่บอกมาว่าทำจริงมั้ย"
ภวินทร์ไม่ตอบ เขาสบตากับคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามบิดา ก่อนกระตุกยิ้มคล้ายหยัน
“นายใช่มั้ยที่มาออกหน้าแทนเลขาคนสวย หึ มันก็ไม่แปลกหรอกนะที่จะเป็นเดือดเป็นร้อน ทำไมเหรอ ไม่พอใจ โกรธที่ฉันลวนลามเมียน้อยนายอย่างนั้นสิ!"
"ไอ้คิงส์ พูดบ้าอะไร!"
จอมพลกระแทกแฟ้มลงกับโต๊ะ ในขณะที่จอมทัพเลือกจะเงียบ เขาไม่อยากให้เรื่องบานปลายมากไปกว่านี้
"ที่ตาจอมเอามาบอกฉันนั่นก็ถูกแล้ว คิดบ้างมั้ยว่าถ้าเธอร้องเรียนขึ้นมาแล้วนายจะถูกเรียกไปสอบ และถ้าฉันปกป้องนายให้พ้นผิดเพราะเป็นลูก พวกกรรมการจะมองว่ายังไง ยิ่งถ้าผู้ถือหุ้นคนอื่น ๆ รู้ เขาจะต้องยกประเด็นเรื่องอุ้มเครือญาติมาเล่นงานฉันแน่!"
"แค่ลวนลามก็ถือว่าผิด แล้วแอบลากขึ้นเตียงแบบหมอนี่ ก็ต้องไม่รอดเหมือนกัน!"
"นายจะกล่าวหาอะไรก็ให้มันมีหลักฐานด้วย ไม่ใช่มโนเอาแบบนี้"
จอมทัพโต้กลับ เขาชักจะเหลืออดกับข้อกล่าวหาที่อีกฝ่ายยัดเยียดมาให้
"คราวนี้ฉันจะทำไม่รู้ไม่เห็น แต่นายควรระวังตัวเอาไว้แล้วก็เลิกไปวุ่นวายกับหนูเนย รู้ใช่ไหมว่าคนในบริษัทเป็นร้อย ๆ ไม่มีใครชอบหน้าเรากันทุกคน"
ภวินทร์เบนสายตาไปทางบิดา เขาสูดลมหายใจให้ลึกเพื่อข่มอารมณ์กราดเกรี้ยว ลึก ๆ แล้วคือความน้อยใจ ไม่มีใครเข้าใจในมุมนี้
"ผมถามคุณพ่อหน่อยสิครับ ระหว่างลูกเมียแต่ง กับลูกเมียน้อย คุณพ่อรักใครมากกว่ากัน!"
"ไอ้คิงส์! ผิดแล้วพาลเรอะ!"
จอมพลโกรธจนหน้าชา จากประเด็นเรื่องชู้สาวที่เป็นเรื่องภายนอก ภวินทร์ก็ลากเข้ามาจนกลายเป็นเรื่องในครอบครัวเข้าจนได้
และการที่บิดาไม่ตอบ ยิ่งตอกย้ำปมในของภวินทร์...เขาเป็นลูกที่ถูกลืม จริงของคำมารดาที่พูดกรอกหูเรื่อยมา
"เคยสงสารคุณแม่บ้างมั้ยครับ ที่คุณพ่อเอาแต่ขลุกอยู่บ้านเมียน้อย!"
"เพราะแม่นายสอนลูกแบบผิด ๆ เอาแต่ขยะยัดใส่สมองลูกมาตั้งแต่เล็ก นายก็เลยโตมาเป็นคนแบบนี้...ฉันผิดเอง...ไม่โทษใคร..."
"คุณแม่ผมคือผู้หญิงที่ดี เธอเป็นคนเดียวที่รักผมมากที่สุด หยุด...ให้ร้ายเธอ อย่าให้ผมต้องเพิ่มความเกลียดชังในตัวพ่อของตัวเองมากไปกว่านี้"
เสียงเข่นรอดไรฟัน แววตาซ่อนความเจ็บปวดมองหน้าบิดาเขม็ง และก่อนเขาจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้มากไปกว่านี้ ชายหนุ่มจึงคิดว่าการเดินออกไปจากห้องนี้คือทางเลือกที่ดีที่สุด
"จำเอาไว้ อะไรที่เป็นของนาย ฉันจะแย่งมาให้หมด!"
ภวินทร์ยังคงทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยคำขู่ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป โดยไม่สนใจบิดาที่นั่งส่ายหัวอยู่ตรงโต๊ะทำงาน
"เห็นแล้วใช่ไหม ผลของการกระทำในอดีต"
"ครับ" จอมทัพตอบรับสั้น ๆ เขารู้ดี...บิดาหมายถึงเรื่องอะไร
"แล้วทำไมยังทำ ตัวอย่างก็มีให้เห็น อนาคตนายอยากเป็นแบบฉันใช่มั้ย"
คนฟังถอนหายใจด้วยความเครียดที่สุมอก ยอมรับอย่างยอมจำนน เรื่องยุ่ง ๆ ที่เกิดขึ้นก็เพราะการกระทำของเขาเอง
"ความรัก...มันเป็นเรื่องเหนือการควบคุมครับคุณพ่อ และในเมื่อมันพลาดไปแล้ว ผมก็อยากทำในสิ่งที่คิดว่าดีสำหรับทุกฝ่าย"
"แล้วคิดว่าเมียนายจะยอมมั้ย หากเดินเข้าไปบอกว่าขอมีเมียน้อยเพิ่มอีกสักคน"
"อย่างที่ผมเคยบอกคุณพ่อ เรื่องของผมกับเพียงรัก มันเหมือนการจัดฉาก แต่ก็อย่างว่า ผมเมาจนจำอะไรไม่ได้ จะให้ปฏิเสธก็ใช่ที่"
"นั่นแหละที่นายพลาด ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราล้วน ๆ เราต้องระวังตัวเอง อย่าอ้างความเมา และก็อย่าอ้างความรับผิดชอบเพียงอย่างเดียว ที่จริงนายต้องการประชดใครบางคนด้วย ทำลงไปทั้งที่ความจริงยังรักเธอ ผลสุดท้ายก็ตัดเขาไม่ได้ แล้วเป็นไงล่ะ ตามตอแยจนเกิดเรื่องเข้าจนได้"
"....."
"แล้วจะจัดการยังไง นอกจากพ่อตาแม่ยายนายที่รู้ เมียนายรู้หรือยัง"
จอมทัพส่ายหัว เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องเขาก็ยังไม่ได้กลับไปเหยียบบ้านพ่อตาแม่ยาย ส่วนคคนางค์ หล่อนไม่ยอมรับสายของเขา และเขาก็ไม่ได้ว่างมาตลอดทั้งสัปดาห์
"ไม่รู้มีใครบอกหรือยัง แต่ผมยังไม่ได้คุยกับเธอเลยตั้งแต่วันนั้น" จอมพลเครียดตาม เขายอมรับ...ไม่อาจสั่งสอนใครได้ในเรื่องนี้ ก็เพราะการกระทำของตัวเองนั้นไม่ต่างกัน เขาได้แต่พร่ำบอกลูก ๆ หากเป็นไปได้ อย่าทำตัวแบบเขา มันจะเกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย
เช่นภวินทร์ ความที่ถูกเลี้ยงดูมาแบบผิด ๆ ทำให้ชายหนุ่มเกลียดพี่น้องต่างมารดาแบบฝังรากลึก มารดาของเขามักพร่ำบอก หล่อนและลูกถูกแย่งความรักไปจากฝีมือของบ้านน้อย เมื่อเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความเกลียดชังจากข้อมูลที่มารดายัดเยียด เพื่อทดแทนสิ่งที่สูญเสียไป และเพื่อลบล้างปมในใจ เขาจึงทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้จอมทัพมีความสุข พยายามแย่งทุก ๆ อย่างของอีกฝ่ายมาเป็นของตน