Chapter 5
หนามรัก (1)
หลังจอมทัพออกไปทำงาน มารดาออกไปบริษัท คคนางค์ก็เดินหาบุษบากรขึ้นมาทันที มันมีเรื่องบางอย่างที่จำเป็นต้องเคลียร์ ไม่อย่างนั้นหล่อนคงนอนไม่หลับ ไม่อยากจมอยู่กับมันอีกต่อไปแล้ว
หล่อนรู้...วันนี้บุษบากรไม่ได้ออกไปไหน เหตุเพราะเป็นห่วงบิดาที่อาการเครียดเริ่มจะกลับมา และบิดาของหล่อนก็ชอบที่จะให้ลูกสาวคนโปรดคอยดูแล...ส่วนหล่อนนั้นเลิกพูด หล่อนไม่ฉอเลาะอ่อนหวานแบบนั้น ออดอ้อนเอาใจใครไม่เป็นดังเช่นที่บุษบากรทำ
และน่าแปลก...ผู้หญิงที่ดูเหมือนตามคนไม่ทันกลับหลอกล่อผู้ชายให้เข้าหา ร้อยทั้งร้อยมักตายเพราะเล่ห์ร้อยมารยากันทุกคน
เดินมาจนถึงหลังบ้าน...เห็นอีกฝ่ายกำลังนั่งดูอะไรบางอย่างในโทรศัพท์อยู่ใต้ซุ้มพวงชมพู...หล่อนกระตุกยิ้มหยัน ก็ไม่เห็นอีกฝ่ายจะทุกข์ร้อนอะไรสักเท่าไหร่นัก กับการที่บริษัทกำลังจะถูกธนาคารยึดทรัพย์จนไม่เหลืออะไร
เสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามา...บุษบากรเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครจึงกดปุ่มหยุดเล่นเอาไว้ก่อน...คลิปทำคุ้กกี้ธัญพืชที่กำลังอยู่ในกระแส หล่อนกำลังคิดว่าจะลองทำตามแล้วเปิดขายออนไลน์
ไม่ต้องมีหน้าร้านไม่ต้องเสียค่าเช่า จะลองอาศัยขายให้คนรู้จัก เพื่อจะได้ปากต่อปากกันไป หล่อนกำลังนั่งฝันหวานถึงรายได้ที่จะเพิ่มเข้ามา แม้ไม่มากแต่ได้เป็นค่ากับ ข้าวให้แม่บ้านก็ยังดี
"ทำอะไรอยู่ ขอคุยด้วยหน่อยสิ"
บุษบากรคลี่ยิ้ม ในขณะที่คคนางค์เลือกนั่งลงฝั่งตรงกันข้าม
"เห็นว่าไปหางานทำ แล้วสรุปได้งานหรือยัง"
"ได้แล้ว สิ้นเดือนก็ไปเริ่มงาน"
เหมือนเข้าหน้ากันไม่ติดเพราะความบาดหมางอยู่ลึก ๆ บรรยากาศเลยอึดอัดไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก จนคคนางค์เป็นฝ่ายถอนหายใจออกมา
"เอาตรง ๆ เลยนะ ไม่อ้อมค้อม"
มีอะไรก็พูดมา...แววตาของบุษบากรบอกอีกฝ่ายแบบนั้น
"พี่ไม่สบายใจ ที่เธอยังอยู่ที่นี่!"
".....!"
"ในเมื่อได้งานแล้วก็ดี เธอควรออกไปอยู่ที่อื่น คงไม่ต้องบอกเหตุผลนะว่าเพราะอะไร แต่ไม่อยากให้เธออยู่ใกล้พี่จอม"
ไม่คิดว่ามันจะออกมาจากปากของคนที่อยู่ร่วมบ้านกันมา...แต่ก็อย่างว่า สามีใคร ๆ ก็หวง หล่อนเข้าใจถึงอารมณ์นี้ดี เพราะหล่อนเองก็เคยเป็น!
"บ้านของเขาก็มี ถ้ากลัวแล้วทำไมไม่พากันไปอยู่บ้านเขาล่ะ ทำไมต้องเป็นดาวที่ต้องระเห็จออกไป"
บุษบากรคิดว่ามันไม่ยุติธรรม เหยียบย่ำน้ำใจกันแล้วก็ยังจะขับไล่ไสส่ง...อดคิดไม่ได้ สรุปแล้วหล่อนกับพี่สาวใช่ฝาแฝดกันจริง ๆ หรือไม่ มันเหมือนไร้ซึ่งความรักในแบบพี่น้องอย่างที่ควรจะเป็น
คิดไปถึงภัคภัสสรและนันท์ภัสสร สองคนนั้นรักใคร่กลมเกลียวไร้ซึ่งความคิดริษยา อยากเป็นแบบนั้นบ้างแต่ก็คงหมดหวัง เมื่อสัมพันธ์นั้นร้าวฉานไปเสียแล้วเพียงเพราะผู้ชายเพียงคนเดียว
และการที่บุษบากรต่อปากต่อคำ ทำท่าอิดออดไม่ยอมอ่อนข้อ ยิ่งเข้าทางความคิดติดลบของคคนางค์ หล่อนกำลังคิดว่าอีกฝ่ายต้องการให้ท่าพี่เขยตัวเอง
"จริง ๆ แล้วเธอต้องการอยู่ใกล้ ๆ พี่จอมใช่ไหม ถ้าคนจะไปจริง ๆ ก็คงไปนานแล้ว คงไม่รอให้เมียของเขาเดินเข้ามาขอร้อง หากไม่อยากเป็นมือที่สามทำลายครอบครัวใคร ก็ไปซะเพียงดาว เพื่อความสบายใจของทุกคน"
ถ้อยคำตอกย้ำใจเจ็บลึก มันจริง... หล่อนต้องกลายเป็นมือที่สามหากจอมทัพยังตามตอแย เขาแต่งงานกันแล้ว จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ถึงอย่างไรคคนางค์ก็เป็นฝ่ายถูกอยู่ดี
"และที่พี่ยังอยู่ที่นี่ก็เพราะเป็นห่วงคุณพ่อคุณแม่ ไม่ต้องกลัวนะเพียงดาว คุณพ่อพี่จะเป็นคนดูแลเอง ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน พี่จอมเขาจัดการให้หมดแล้ว เธอไม่ต้องมายุ่ง"
"ถึงเขาจัดการ ก็ไม่ได้หมายความว่าคนในบ้านจะงอมืองอเท้าไม่ช่วยอะไร"
"เธอจะได้เลิกอ้าง ที่ยังอยู่ที่นี่ก็เพราะต้องจัดการทุกอย่างภายในบ้าน"
ขอบตาคนฟังร้อนผ่าวปวดหนึบ พี่สาวหล่อนช่างไม่รู้เลยว่า ที่ออกไปไม่ได้เพราะไม่มีทางไป ปัญหาใหญ่คือเรื่องเงินที่จะหมดไปกับค่าเช่าเดือนละหลายพัน
ไหนจะค่ากินค่าอยู่สำหรับการดำรงชีพในเมืองใหญ่ ลำพังเงินเดือนอันน้อยนิดนั้นคงต้องชักหน้าไม่ถึงหลังอย่างแน่นอน
คนที่ต้องไปคือจอมทัพกับคนตรงหน้า เขามีบ้านอยู่หลายหลัง ไม่จำเป็นต้องมาเบียดเบียนกันที่นี่ บางทีก็ไม่เข้าใจคนสองคน เหมือนรวมหัวกันรังแกคนอับจนหนทาง กระทืบซ้ำชนิดไม่ให้หล่อนได้ลุกขึ้นมา
สีหน้าลำบากใจของน้องสาว ทำให้คคนางค์หรี่ตามอง หล่อนชักเริ่มไม่พอใจ ที่อีกฝ่ายพูดยากพูดเย็น
"งั้นถามจริง ๆ ห้ามโกหก...ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอกับเขามีอะไรกันหรือยัง!"
".....!"
"ตอบมาสิเพียงดาว เธอมีอะไรกับพี่จอมหรือยัง!"
ท่ามกลางลมหายใจร้อนผ่าว คคนางค์นั่งรอฟังด้วยใจลุ้นระทึก อยากรู้ว่าคำตอบจะออกมารูปแบบไหน...อยากฟังว่าไม่มีอะไร จะได้รู้สึกผิดน้อยลง
หล่อนกำลังฟอกตัวเองให้ขาวสะอาด หากยังไม่มีสัมพันธ์รักลึกซึ้งมาข้องเกี่ยว หล่อนจะถือว่าไม่ผิดที่คิดแย่งมา หล่อนจะโทษว่าเป็นเพราะความผิดของบุษบากร ที่ไม่อาจรั้งหัวใจของเขาเอาไว้ได้
บุษบากรนับหนึ่งถึงร้อยในใจ สูดลมหายใจให้ลึกเพื่อตั้งสติ ก่อนจะกลั้นใจข่มเสียงไม่ให้สั่น
"ยังไม่มี เป็นแค่คนรู้จักกัน เขาไม่เคยคิดเกินเลยแบบนั้น คราวนี้ก็สบายใจได้แล้วนะ"
คนพูดลุกพรวดขึ้น มือคว้าโทรศัพท์แล้วปลีกตัวเดินหนี กลัวว่าหากอยู่ต่อจะปล่อยน้ำตาให้รินไหล ยอมเดินจากมาอย่างคนแพ้พ่าย ความรู้สึกยามนี้เหมือนไม่มีใคร ไร้ญาติขาดมิตรอย่างแท้จริง