Chapter 4
กรงสวาท (2)
มุมพักผ่อนที่อยู่ชั้นสองของตัวบ้าน เป็นมุมหนังสือที่ภารดีชอบพาตัวเองมาหลบอยู่ตรงนี้เมื่อยามเคร่งเครียด...และเช่นเคย วิสกี้เหลือก้นแก้วถูกกรอกลงคอ ก่อนที่มันจะ
ถูกเติมลงไปในแก้วใบเดิมอีกครั้ง
คคนางค์ยืนมองอยู่นานแล้ว หล่อนเดินเข้าไปอย่างเงียบ ๆ ไปหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ มารดา
"ดื่มอีกแล้วนะคะคุณแม่ รักเห็นนั่งดื่มมานานแล้ว"
"เรื่องของฉัน ก็คนมันเครียดจะให้นั่งจิบกาแฟรึไง"
ภารดีไม่สนใจ ยกแก้วใบเดิมมาจิบน้ำสีอำพันลงคออีกครั้ง
"พอเถอะค่ะ ไปนอนได้แล้ว"
คคนางค์ยื่นมือไปคว้าแก้วเหล้า หากแต่กลับถูกอีกฝ่ายกระชากกลับ ตวัดมองด้วยแววตาขุ่นขวาง
"ไม่ให้ฉันดื่มแล้วแกจะช่วยยังไงฮึ! ทำอะไรเข้าสิเพื่อไม่ให้บริษัทต้องเจ๊ง หรือว่าคิดจะหายใจทิ้งไปวัน ๆ โดยไม่ช่วยอะไร"
"คุณแม่..."
"แกลอยตัวแล้วนี่ ได้ผัวรวย ในขณะที่แกมีเงินใช้อย่างสุขสบาย แต่คนทางบ้านกำลังจะอดตาย!"
คคนางค์นิ่งอึ้งเถียงไม่ออก เพราะตั้งแต่แต่งงานกับจอมทัพหล่อนก็ยังไม่คิดถึงเรื่องทำงาน...ได้เงินจากเขาแล้วเหตุใดต้องไปทำงานให้เหนื่อย ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าสถานะการเงินทางบ้านกำลังรอมร่อ จวนเจียนจะถูกยึดทรัพย์จากธนาคาร ลืมตระหนักไปว่าที่อาการป่วยของบิดาเป็น ๆ หาย ๆ ก็เพราะความเครียดที่ประเดประดัง
"แล้วคุณแม่จะให้รักช่วยยังไงคะ"
ภารดีเหลือบตามองลูกสาว ถอนหายใจหน่วงหนัก หล่อนกำลังกลุ้มใจ มีลูกสาวสองคนแต่ก็ไม่มีใครได้เรื่องเลยสักคน
"เป็นผัวเมียกัน จะไม่ลองคุยกับเขาเลยเหรอ เคยมั้ยที่จะพูดกับเขาว่าจะไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเลยหรือไง"
"แต่มันก็เป็นสิทธิ์ของเขา เงินของเขา รักไม่มีสิทธิ์ขนาดนั้น"
"เวรกรรมของฉัน มีลูกแต่ก็ไม่ได้เรื่อง ทั้งแก แล้วก็ยายดาว!"
"หยุดเลยนะคะ อย่าเอารักไปเปรียบกับยายดาว!"
อยู่ดี ๆ ก็อารมณ์เสีย คคนางค์เดินหนีไปเสียดื้อ ๆ หล่อนเก็บคำมารดามาคิด แต่ยอมรับว่าไม่กล้าที่จะเอ่ยปาก ขนาดเจ้าตัวยังไม่ยอมเอ่ยปากเรื่องนี้ มีหรือที่จะกล้าออดอ้อนให้เขาเอาเงินมาใช้หนี้ธนาคารแทนทางบ้านพ่อตาแม่ยาย
ยังมีความจริงอีกเรื่องที่มารดาไม่รู้ หล่อนต้องอยู่อย่างขื่นขม เมื่อสัมพันธ์ทางกายที่ควรจะเกิดขึ้น ที่ผ่านมามันก็แค่การนอนร่วมเตียงกันเท่านั้น
มันคือสาเหตุที่ทำให้ยิ่งเกลียดชังบุษบากร จุดเริ่มต้นนั้นมาจากความอิจฉาในวัยเด็ก อิจฉาที่จอมทัพมักพาอีกฝ่ายไปเที่ยวอยู่เสมอ นั่นทำให้เกิดความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ และหล่อนจะต้องชนะ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ถือว่าเป็นชัยชนะแบบขาดลอย เชื่อว่าหากมีโซ่สวาทคล้องใจสักคน ลูกจะช่วยรั้งใจให้เขาอยู่กับหล่อนตลอดไป หมดโอกาสที่ใครจะมาแทรกกลางได้
+++++
ที่ชั้นล่างตรงบาร์เครื่องดื่ม...จอมทัพฝังตัวเองอยู่ตรงนี้มานานแล้วตั้งแต่กลับมาถึง เขาช่างทำตัวเป็นผัวที่แปลกประหลาด แทนที่จะรีบกลับขึ้นห้องไปนอนกอดเมีย แต่กลับมานั่งดื่มอย่างเอาเป็นเอาตายเพียงเพื่อให้ลืมใครบางคน
'เพียงดาว เกลียดเธอจริง ๆ'
เกลียดยิ่งนัก...เขาระบายความเกลียดชังด้วยการกลืนน้ำขม ๆ ลงคอราวมันเป็นน้ำเปล่า อึกแล้วอึกเล่าที่ดื่ม
ลงไป จนร่างกายเริ่มฟ้อง เขาดื่มหนักเกินไปแล้ว
คคนางค์เห็นแล้วกับภาพนั้น หล่อนเดินลงมาข้าง ล่างหวังจะมานั่งรอเมื่อเห็นว่าเขายังไม่กลับบ้าน ไม่คิดเลยว่าเขาจะกลับนานแล้ว เดาเอาจากวิสกี้ในขวดที่พร่องลงไปไม่น้อย
โทร.ไปไม่รับ โทร.กลับไม่เคย ที่แท้ก็แอบมานั่งดื่มราวกับกลุ้มใจจนต้องใช้น้ำเมาช่วยบรรเทา
หล่อนเดินไปหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ คนที่ทำราวกับกลุ้ม ใจนักหนา มือนุ่มแตะลงบนบ่ากว้าง อยากให้เขาเลิกดื่มเพราะอากาศกลางคืนนั้นหนาวเข้ากระดูก ดื่มเหล้าหน้าหนาวให้ระวังหลับไม่ตื่น ไม่อยากให้เขากลายเป็นคนในข่าว ยังไม่อยากเป็นม่ายก่อนวัยอันควร
"พอเถอะค่ะ พรุ่งนี้ต้องทำงานไม่ใช่เหรอคะ"
หล่อนถือวิสาสะ หยิบขวดเหล้าไปเก็บใส่ตู้...ท่ามกลางแววตาปรือฉ่ำที่มองตาม
"อะ...อะไรคะ?"
หล่อนก้มลงมองตัวเอง...แววตาของเขาแปลก ๆ เมื่อยามถูกจับจ้อง มันทำให้หล่อนร้อนวูบวาบอย่างประหลาด
"ทำไม...เธอยังไม่นอน"
"รอพี่จอมค่ะ นึกว่ายังไม่กลับก็เลยลงมา"
เหล้าที่เหลือถูกกรอกลงคอ เขามองคนตรงหน้าที่ไม่เคยเหลียวแล...ไม่อาจปฏิเสธ คือความเหมือนที่แทบแยกไม่ออก หากแต่เป็นความเหมือนที่แตกต่าง ทำให้คน ๆ หนึ่งเลือกที่จะรัก มันมีบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน บุษบากรมีแต่คคนางค์ไม่มี
สติที่ไม่เต็มร้อยทำให้เกิดภาพซ้อน เหมือนเงาสะท้อนใครบางคนซ่อนอยู่ในนั้น...คคนางค์ตกใจ เมื่อจู่ ๆ เขาก็ลุกพรวดขึ้นแล้วดันร่างของหล่อนจนชนเข้ากับเคาน์เตอร์บาร์ อุ้งมือแกร่งขยุ้มลงบนปลายคางเรียว
"จองหอง อวดดี!"
ไม่รู้เขาหมายถึงใคร แววตาคู่สวยกรอกไปมากับท่า ทีดุดันกราดเกรี้ยว หากแต่ผู้ชายตรงหน้าคือคนที่นอนร่วมเตียงกันทุกวัน หล่อนจึงรู้สึกตื่นเต้นมากกว่ากลัวจนต้องหนีอย่างลนลาน
"ถามอีกครั้ง...เธอรักพี่หรือเปล่า"
ฝ่ามือร้อนทาบลงบนสองข้างแก้ม สัมผัสลูบไล้นั้นมาพร้อมแววตากรุ่นกระแสปรารถนา...เขาจะถามใครได้นอกจากตัวเธอ นั่นคือความคิดของคคนางค์
"ระ รักค่ะ รักมานานแล้วด้วย"
"พี่ก็รักเธอ..."
“พี่จอม..."
ความร้อนรุ่มบดขยี้ลงบนกลีบปากนุ่มราวโหยหา แรงบดเคล้ายั่วเย้าดุดัน สัมผัสร้อนเร่าหวามหวานพาให้สองแขนเรียวเคลื่อนคล้องเกี่ยวลำคอแกร่ง เขย่งปลายเท้าแหงนเงยหน้ารอรับสัมผัสที่ใจปรารถนา...จูบ...ที่พาโลดแล่นไปบนเส้นทางแห่งรักที่ถวิลหาทุกลมหายใจ
เขาทำเหมือนตรงนี้คือห้องนอนแสนอบอุ่น...ร่างอิ่มถูกโยนลงบนเดย์เบดราวกับมันคือเตียงนอนในห้องกว้าง...หัวใจสาวเต้นเร่าเมื่อร่างหนักโถมกายทาบทับ กระแสปรารถนาแรงกล้า ยามสองมือร้อนฟอนเฟ้นเคล้นคลึงสองเต้าอวบอิ่มเต่งตึงสู้มือ
อา...มันคือสัมผัสหวามหวานที่ทำให้หล่อนทอดกายอย่างยอมจำนน ลิ้นร้อนที่รุกรานลากไล้เนื้อนุ่ม หล่อนไม่อาจทานไหว เสียงหวานครางฮืออยู่ในลำคอ ปล่อยกายและใจดำดิ่ง ให้เขาพาโลดแล่นไปบนเส้นทางสายพิศวาสที่พร่างพรมด้วยกลีบดอกไม้หอมละมุน
ตื่นเต้นเหลือเกินกับทุกวินาทีที่เคลื่อนผ่าน...เมื่อยามหลอมรวมเป็นหนึ่ง ท่ามกลางความสุขล้ำกับสัมผัสแนบเนื้อลึกซึ้ง คล้ายกับได้ยินเสียงครางเบา ๆ อยู่ในลำคอ เขาพร่ำเพ้อหาใครบางคน
"โอววว...เพียงดาว..."
กรงอุ้งมือขยุ้มลงบนแผ่นหลังกว้าง กดปลายเล็บฝังลงหนัก ๆ หวังดึงสติคนที่กำลังดื่มด่ำกับความสุขล้ำจากกายสาว หากแต่นั่นไม่อาจหยุดเขาได้ แรงขยับหน่วงหนักที่สร้างสัมผัสรัญจวนใจ ในห้วงอารมณ์แห่งรัก ใจของหล่อนกลับเจ็บปวดไปพร้อมกัน
เหมือนที่ระบาย...เขาเห็นหล่อนเป็นแค่ตัวแทนของใครอีกคน เป็นดังเงา...ตอกย้ำความจริงที่ว่าเขายังไม่ลืม...
++++++
ในห้องพักผ่อนที่อยู่ติดกับสวนเขียวรื่นข้างบ้าน... วรพลมักพาตัวเองมานอนอยู่ในนี้ เมื่อยามที่อาการป่วยกำเริบขึ้นมา เขาเชื่อว่าสีเขียวรื่นของเหล่าพรรณไม้จะช่วยบำบัดอาการเครียดให้ทุเลาลง
ยามเช้าที่อากาศหนาวเย็น บุษบากรตื่นแต่เช้าตรู่เมื่อรู้ข่าวจากแม่บ้านว่าบิดาไม่สบาย หล่อนเข้าไปช่วยแม่บ้านในครัว ด้วยสภาพเศรษฐกิจในบ้านเลยเหลืออุไรไว้แค่คนเดียว ส่วนงานทำความสะอาดใหญ่ ๆ นั้นจ้างเป็นรายวัน ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อเซฟค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกทั้งหมด
ข้าวต้มปลาหอมฉุยกรุ่นไอควันลอยวนเหนือปากถ้วยไซส์กลาง น้ำจิ้มเต้าเจี้ยวในถ้วยใบน้อยวางเคียงกันมาในถาด แถมด้วยน้ำผักผลไม้คั้นแบบแยกกากสีแดงอมชมพูในแก้วทรงสูง...บุษบากรถือเดินตรงไปยังมุมโปรดของบิดา และก่อนจะเข้าห้องที่มีแผ่นกระจกใสกางกั้น หล่อนต้องปั้นหน้ายิ้มสดใสเพื่อให้กำลังใจคนป่วย
"ทานข้าวเช้านะคะคุณพ่อ จะได้ทานยา"
"อ้าว ตื่นแล้วเหรอเพียงดาว"
วรพลลดหนังสือพิมพ์ในมือลง เขาอยู่ในท่ากึ่งนอนกึ่งนั่ง มือขยับจับแว่นสายตาให้เข้าที่
"วันนี้มีข้าวต้มปลาค่ะ ขิงมีประโยชน์ช่วยขับลม น้ำผักผลไม้คั้นสด ๆ คุณพ่อควรดื่มให้หมดภายในครึ่งชั่วโมงนะคะ"
หล่อนลากเก้าอี้ไปข้างเดย์เบด สองมือประคองถ้วยข้าวต้มมาถือไว้ ใช้ช้อนคนไปมาเพื่อไล่ความร้อน ก่อนตักเพื่อที่จะป้อนให้คนป่วยอย่างเอาใจ
"ดาวป้อนให้นะคะ"
หญิงสาวคลี่ยิ้มอ่อนแววตาทอประกาย วรพลมองลูกสาวคนเล็กอย่างเอ็นดู คือนิสัยที่ไม่เคยเปลี่ยนกับความอ่อนโยนที่หล่อนมี...หล่อนคือคนที่เขารักและห่วงมากกว่าใคร และบุษบากรก็สนิทกับเขามากกว่าคคนางค์
เช้านี้ดูเหมือนอาหารจะอร่อยเป็นพิเศษ เมื่อวรพลนั้นยอมให้ลูกสาวป้อนข้าวต้มจนหมดถ้วย ตามมาด้วยน้ำผักผลไม้อีกหนึ่งแก้ว...สองพ่อลูกนั่งคุยเรื่องทั่วไปท่ามกลางเสียงหัวเราะ จนกระทั่งวกมาเรื่องงาน
บุษบากรคว้ามือหยาบกร้านจากการผ่านประสบ การณ์อย่างโชกโชนมากุมเอาไว้ ก่อนบีบกระชับเบา ๆ เพื่อสร้างกำลังใจ
"ปล่อยวางนะคะคุณพ่อ ยื้อเอาไว้ไม่ไหวก็ปล่อย ให้ทุกอย่างเป็นไปตามทาง ดาวจะทำงานหาเลี้ยงคุณพ่อเอง"
"พ่ออาจถูกฟ้องล้มละลาย เราจะไม่เหลืออะไรเลย แล้วจะไม่ให้เครียดได้อย่างไร มันหมายถึงว่าพ่อไม่ได้เรื่อง พาครอบครัวมาร่วมลำบากด้วยกัน"
"อย่าคิดแบบนั้นสิคะ คุณพ่อลำบากเพื่อพวกเรามาตั้งเท่าไหร่ เงินทองเป็นของนอกกาย หากยังมีลมหายใจก็ยังไม่หมดหวัง เงินน่ะหาใหม่ได้ แต่ถ้าคุณพ่อเป็นอะไรขึ้น
มา ดาวคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณพ่อ"
"ดาว..."
"ปล่อยวางนะคะ รักษาสุขภาพเอาไว้ก่อน ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายคุณพ่อไม่ต้องห่วงนะคะ ตอนนี้ดาวได้งานทำแล้ว ดาวจะรับผิดชอบตรงส่วนนี้เองค่ะ"
หล่อนฝืนยิ้มทั้งที่ใจแสนทุกข์ระทม...จริงอยู่ที่มารดาของชัยกรให้หล่อนไปทำงานด้วย แต่ทางนั้นก็สามารถจ้างได้แค่ค่าแรงขั้นต่ำเท่านั้น นั่นหมายถึงหล่อนจะมีรายได้เข้ามาไม่ถึงหมื่นบาทต่อเดือน แล้วจะไปพอได้อย่างไร แต่ก็ไม่อยากให้ปัญหาไปสุมอยู่ที่บิดาเพียงคนเดียว
คงจะต้องหารายได้เสริม แล้วจะทำอะไรที่ได้เงินเพิ่ม ยามนี้หล่อนคิดไม่ตก รู้สึกสับสนอับจนหนทางเหลือเกิน
หล่อนนึกไปถึงงานร้านอาหาร ไปเป็นเด็กเสิร์ฟเด็กล้างจาน หรืองานแม่บ้าน บางทีอาจไม่เคร่งเรื่องตรวจสุขภาพ หากมีที่ไหนรับนั่นเท่ากับว่าหล่อนจะมีรายได้เสริมเข้ามาอีกทาง
ยามถือถาดอาหารเดินออกมาจากห้องนั้นหยาดน้ำตาที่เอ่อท้นก็รินไหลอาบร่องแก้ม เมื่อนึกไปถึงอีกหนึ่งชีวิตที่ค่อย ๆ เติบโตอยู่ในกาย เมื่อคิดไปถึงค่าใช้จ่ายที่รออยู่ข้างหน้าความท้อก็เข้ามากัดกินใจ เงินในบัญชีก็มีแต่จะร่อยหรอลงไปทุกวัน
".....!"
หล่อนต้องชะงักปาดน้ำตาทิ้งด้วยหลังมือ เมื่อสองคนที่เดินเคียงคู่กันลงมาจากชั้นบน เดินมาเผชิญหน้ากับหล่อนเข้าพอดี
จอมทัพ...เขากำลังจะออกไปทำงาน ส่วนคคนางค์นั้นมีหน้าที่เพียงแค่ใช้เงิน ดูไม่เดือดร้อนอะไรกับการที่ทางบ้านกำลังจะล้มละลาย ต่างจากหล่อนที่วิ่งวุ่นหางานหัวซุกหัวซุน
แววตาคู่สวยสั่นสะริก กับการที่เห็นคนสองคนเดินหัวร่อต่อกระซิกกันมา ราวกับรักกันนักหนา..อยากจะวิ่งหนีไปให้ไกล เหม็นกลิ่นความรักเหลือเกิน
เขาทำเมินไม่มอง เดินคล้องแขนกันไปยังทางที่พาไปสู่ห้องอาหาร...มันไม่ง่ายเลยกับการตัดใจ แม้ปากจะบอกว่าไม่ แต่แท้จริงหล่อนอ่อนไหวกว่าที่คิด
ความผูกพันฆ่าคนได้...และหล่อนกำลังจะตายเพราะมัน
อยากออกไปจากที่นี่เหลือเกิน แต่เพราะสถานะการ
เงินไม่เอื้ออำนวย จำต้องกล้ำกลืนฝืนทนหน้าด้านให้เขาเหยียบย่ำ ทนมองเขาครองรักกันด้วยใจที่แหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี ไม่รู้ว่าใจจะทานทนได้อีกนานแค่ไหน และก็ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ถึงจะลืมพ่อของลูกได้ลง