Chapter 4
คนที่ใช่กับคนที่ไว้คลายเหงา
"ก้าบๆ ก้าบๆ ก้าบๆ"
เสียงเรียกเข้าดังมาจากโทรศัพท์ที่ซุกอยู่ข้างหมอนรบกวนช่วงเวลานอนแสนสุข สุดที่รักงัวเงียตื่นขึ้นมาแต่ยังคงหลับตาควานหาโทรศัพท์ คิดอย่างไม่สบอารมณ์ว่าใครที่โทร.มารบกวนกันแต่เช้ามืดก่อนเสียงนาฬิกาปลุกจะดังเตือนด้วยซ้ำ
'พี่ภาม! ไม่มีอะไรทำรึไงนะ’
คิดพลางกดรับ ใจอยากตะบันหน้าหล่อๆ ให้หายซ่า โทษฐานที่โทร.มาป่วนรบกวนการนอนของตน
"ตื่นได้แล้วยายแว่น ไปทำงานเฉียดฉิวทุกวันเลยนะ หัดเผื่อเวลาเสียบ้าง"
เสียงเขาสวนมาเพียงแค่จับได้ถึงความงัวเงียยามรับสาย สุดที่รักทำจมูกย่นใส่โทรศัพท์ รู้ทันว่าเขาจงใจที่จะแกล้งจึงโทร.มาก่อกวนในเวลาตีสี่เช่นนี้
"ถ้าวันไหนไม่ได้แกล้งกัน วันนั้นจะกินข้าวไม่ได้เหรอคะ คนกำลังฝันดี ปลุกทำไมเนี่ยยย"
"นอนตื่นสายตูดโด่ง ไปเป็นลูกสะใภ้บ้านใครแม่ผัวคงกลุ้มใจมือก่ายขมับทุกวันแน่ๆ"
"ใครจะเหมือนพี่ภาม ตื่นมาทำอะไรตีสามตีสี่ไม่ยอมหลับยอมนอน"
"ตื่นมาหาอะไรสนุกๆ ทำไงครับ ตามประสาคนโสดที่ไม่มีใครให้นอนกอด อากาศยามเช้ามันหนาวตัวเองว่ามั้ย"
เสียงของเขาทำไมฟังดูสั่นพร่าแปลกๆ ยังมาพร้อมลมหายใจถี่ๆ ที่ดังแทรกเข้ามาในสาย เพียงความคิดหื่นๆ แวบเข้ามา ใบหน้าจึงร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
"ละ...แล้ว...ทำไมเสียงพี่ภามฟังดูแปลกๆ คะ"
"แปลกยังไง ไหนบอกสิครับ"
"พี่ภามทำอะไรอยู่ ทำไมต้องเสียงสั่นๆ หายใจฟืดฟาดด้วย"
"หืมม...ทำอะไรน่ะเหรอ ก็...ก็...ทำแบบนั้นไง ไม่มีเมียก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง ทำตอนเช้ามืดแล้วมันได้อารมณ์เป็นบ้า…แฮ่กๆๆ"
เสียงหัวเราะอยู่ในลำคอลอดผ่าน คราวนี้เขายิ่งเร่งเสียงหายใจดังขึ้น สลับเสียงบางอย่างที่ทำเอาคนฟังแทบเลือดกำเดาพุ่ง เพราะมโนไกลว่าต้องเป็นอย่างที่คิดชัวร์
"โอ้ววว สุดที่รักของพี่ อย่าเพิ่งวางนะ รอก่อน แฮ่กๆๆ"
"ไอ้พี่ภามบ้า คนโรคจิต หื่นกาม เล่นเซ็กส์โฟนประจำเลยใช่มั้ย ทุเรศที่สุด!"
เสียงรัวเป็นชุดกรอกมาตามสายกระแทกหูคนปลายทาง ตามมาด้วยสายที่ถูกตัดทิ้งอย่างไม่ร่ำลาพิรี้พิไร...กลางสวนสวยรอบบ้านในเวลาที่ฟ้ายังไม่สาง ภัทรนนท์หยุดวิ่งเพราะเขาต้องใช้แรงหัวเราะเมื่อนึกถึงใบหน้าง้ำๆ งอๆ เหมือนม้าหมากรุก กับการที่แกล้งให้อีกฝ่ายโกรธจนเขาคิดว่าป่านนี้ไฟคงลุกพรึบท่วมตัว รีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปดับแทบไม่ทัน
'ยายแว่นหื่นเอ๊ย เชื่อจริงๆ เรอะเนี่ย ไม่หื่นจริงคิดไม่ได้นะ’
ชายหนุ่มออกวิ่งต่อทั้งที่ยังหัวเราะไม่หยุด ด้วยต้องการทำเป้าให้ได้ตามที่ตั้งเอาไว้ เขาตื่นมาวิ่งตอนเช้ามืดจนติดเป็นนิสัย ก่อนที่จะเข้าไปอาบน้ำเพื่อแต่งตัวออกไปทำงานให้ทันเวลาเริ่มงานเช่นพนักงานทั่วไป
นับตั้งแต่เข้ามาฝึกงานที่เดอะเรด นอกเหนือจากการต้องช่วยงานในแผนกของรุ้งลาวัลย์แล้ว หน้าที่ประจำของสุดที่รักคือต้อง ดริปกาแฟให้ภัทรนนท์ทุกวัน...และวันนี้ก็เช่นเดียวกัน หล่อนเดินหน้าตูมเข้ามาในห้องของจอมบัญชาเมื่อได้เวลาทำงาน เหตุเพราะยังเคืองไม่หายจากเหตุการณ์เมื่อตอนเช้ามืด ไม่คิดจะมองด้วยซ้ำยามเดินผ่านหน้าเขาไปเพื่อดริปกาแฟ
'ให้ตายสิ ไม่อยากเจอหน้าคนหื่นกามเลย อัยย์นะอัยย์ แกไม่น่าขอให้พี่ภีมพาฉันมาฝึกงานที่นี่เลย เขาจะรู้มั้ยฉันเจออะไรบ้าง’
สุดที่รักถอนหายใจเพราะไม่รู้เขาจะมาไม้ไหนอีก ด้านภัทรนนท์เหลือบมองแล้วซ่อนยิ้มให้กับท่าทีนั่น…ทำเป็นไม่พูดด้วยออกอาการแง่งอน เขาจะลองดูสิว่าหล่อนจะทนไปได้สักกี่น้ำ จะทนไม่คุยกันข้ามวันข้ามคืนก็ให้รู้กันไป
"คุณรุ้งไม่ได้สอนเรื่องมารยาทให้เธอเหรอปลากริม ถึงได้เข้ามาแล้วไม่คิดจะทักทายผู้หลักผู้ใหญ่สักคำ"
เสียงเข้มดังไล่หลัง สุดที่รักแกล้งไม่ได้ยิน คิดเถียงอยู่ในใจไม่
กล้าคิดดัง
'ก็ผู้ใหญ่อยากทำตัวไม่น่าเคารพ ชิ!’
"อย่าลืมนะว่ามีคะแนนเรื่องมารยาทและความประพฤติด้วย
ใครจะตัดเกรดเธอเท่าไหร่ก็แล้วแต่ ถึงอย่างไรพี่ก็เป็นคนตัดสินใจคนสุดท้ายอยู่ดี อย่าคิดว่าพี่ภีมฝากเธอมาแล้วพี่จะไม่กล้านะปลากริม"
'ขู่ดีใช่มั้ย คิดว่าแคร์รึไง ชิ!’
หล่อนทำเป็นไม่ยี่หระกับคำขู่ฟ่อแฝงการงอนง้ออยู่ในที เปิดฝาขวดโหลใส่เมล็ดกาแฟสดเพื่อนำมาบดให้เป็นผง...พลันความคิดชั่วร้ายก็แวบเข้ามาในสมอง หล่อนยิ้มกับตัวเองเมื่อได้ช่องเอาคืน
"แกล้งดีนักใช่มั้ย ขอให้ตาค้างไม่ต้องหลับต้องนอนยันสว่าง นี่แน่ะๆ เอาให้สำลักความขมตายไปเลย หุ หุ"
หล่อนพึมพึมกับตัวเองขณะชั่งตวงกาแฟที่บดแล้วเพิ่มมาอีกเท่าตัว ใส่ถ้วยกรองที่ปริมาณน้ำเท่าเดิมไม่เพิ่มตามผงกาแฟ จงใจจะให้เขาดื่มกาแฟแบบขมดับเบิ้ลจนติดโคนลิ้น ใส่น้ำตาลจนเกินขนาดที่เคยชง เติมเกลืออีกนิดเพื่อความอร่อยกลมกล่อม ให้เข็ดขยาดไม่กล้าให้หล่อนชงให้กินไปอีกนาน
"ปลากริมสำนึกผิดแล้ว ขอโทษด้วยค่ะที่แสดงมารยาทไม่ดีใส่พี่ภาม อย่าตัดเกรดติดลบเลยนะคะ มันคืออนาคตของปลากริม"
เสียงหวานออดอ้อนเปลี่ยนท่าทีจนสุดขั้วขณะเดินถือแก้วกาแฟส่วนตัวของเขาตรงเข้าไปหา…ชายหนุ่มเหลือบมองแล้วยกยิ้มยากจะคาดเดาว่าซ่อนอะไรไว้ หล่อนโปรยยิ้มหวานมาให้สุดพลัง
"ก็แค่นั้น ไม่เห็นจะมีคนลงไปดิ้นตายเลยนี่นะ ทำตัวให้ว่านอนสอนง่ายแบบนี้ไปตลอด ผู้ใหญ่จะได้เอ็นดู"
"ค่ะ ปลากริมจะจำไว้นะคะ"
"ถ้าเธอน่ารักแบบนี้ มีหรือพี่จะไม่เอ็นดู"
'หัวงูสิไม่ว่า’
"ค่ะ ปลากริมจะไม่ทำให้พี่ภามต้องขุ่นเคืองใจอีกเลย"
หล่อนกัดฟันยิ้มให้คนที่กำลังมองมาด้วยแววตาซ่อนเล่ห์...ยังไม่ทันที่จะวางกาแฟลงบนโต๊ะ เขาก็ชิงยื่นมือมารับแก้วกาแฟที่หล่อนถือไว้ เจ้าตัวยืนนับหนึ่งถึงสิบในใจเมื่อฝ่ามืออุ่นจงใจสัมผัสทาบทับลงบนหลังมือตน เป็นอีกครั้งที่เขาหลอกแต๊ะอั๋งกันแบบเนียนๆ ตีหน้ามึน และเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยแสดงกิริยาแบบนี้ต่อหน้ามารดาของเธอ จนเชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีใครที่จะสร้างภาพได้เก่งเท่าเขาอีกแล้ว
"ถ้าอย่างนั้นปลากริมขออนุญาตไปทำงานก่อนนะคะ"
"แล้วก็อย่าดื้ออย่าซน อย่าไปทำอะไรพังนะ พี่ขี้เกียจเสียเวลาซ่อม"
"พี่ภามก็พูดเหมือนปลากริมอายุเท่าน้องบัตเตอร์ไปได้ โตแล้วนะคะ ไม่ใช่เด็กสามขวบ"
เขาหัวเราะอยู่ในลำคอแต่ไม่พูดอะไร...ในจังหวะที่สุดที่รักกำลังจะเปิดประตูเพื่อออกไป เสียงเขาก็ดังขัดขึ้นมา
"เดี๋ยว!"
"อะ อะไรคะ!"
คนมีชนักติดหลังทำหน้าเลิ่กลั่ก มองไปบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เห็นเขาเลื่อนแก้วกาแฟมาด้านหน้าแล้วเผยยิ้มเย็น รอยยิ้มของคนมีแผนร้ายในใจ คนมองสัมผัสได้จนรู้สึกเสียววาบไปถึงปลายเท้าขึ้นมาทันที
"เพื่อพิสูจน์ว่าเราน่ะไม่ได้คิดจะเอาคืน ลองชิมกาแฟให้พี่ดูหน่อยได้ไหม"
'ซวยแล้ว!’
จะกินลงไปได้ยังไงทั้งขมทั้งหวานและเค็มขนาดนั้น คิดพลางแค่นยิ้มฝาดเฝื่อนละล้าละลัง
"แหม…ปลากริมจะทำแบบนั้นได้ไงคะ ใครจะกล้าลองดีกับพี่ภามผู้มีอิทธิพล"
"พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ลองชิมให้ดูจะได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจไงล่ะครับ"
"เอ่อ..."
"ยึกยักแบบนี้ แสดงว่าต้องมีอะไรแน่ๆ"
"กะ ก็ได้ค่ะ แค่อึกเดียวนะคะ จะได้รู้กันไปว่าพี่ภามน่ะมองปลากริมในแง่ร้ายเกินไป"
หล่อนปราดเข้ามายืนหน้าโต๊ะทำงาน มือหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจดจ่ออยู่ที่ริมฝีปาก กลั้นใจเฮือกสุดท้ายก่อนจิบน้ำขมๆ ผสมความเค็มเข้าปาก เพียงมันสัมผัสเข้ากับปุ่มรับรสที่โคนลิ้น ใบหน้าของหล่อนก็เหยเกหลับตาปี๋เพราะมันขมไม่ต่างไปจากการอมบอระเพ็ดตอนรับน้อง แต่คราวนี้มันขมแปลกๆ ผสานรสเปรี้ยวเค็มหวาน ยิ่งตอนกลืนลงคอยิ่งรู้สึกทรมานจนอยากวิ่งไปอาเจียน….ให้ทุกข์แก่ท่านทุกนั้นถึงตัว สุภาษิตนี้แวบขึ้นมาในใจโดยพลัน
ภัทรนนท์ยกมือปิดปากซ่อนยิ้มเมื่อเห็นคนกำลังพยายามเก็บอาการทุรนทุราย ด้านสุดที่รักกัดฟันแค่นยิ้มหลังวินาทีเลวร้ายผ่านไป
"เห็นมั้ยคะ ไม่มีอะไรเสียหน่อย"
"โอเค งั้นก็ไปได้แล้ว เชื่อก็ได้ว่าไม่มีอะไรจริงๆ"
'ฝากไว้ก่อนเถอะ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ คนเจ้าเล่ห์’
หล่อนคิดคาดโทษเอาไว้ที่ทำอะไรเขาไม่ได้ ขณะที่หันหลังเดินหนีออกไปนั้น เสียงหัวเราะเบาๆ ก็ดังอยู่ในลำคอ...ไม่เนียนไปเรียนมาใหม่ เขาอยากจะพูดแบบนั้นใส่เธอ
"คิดจะรบกับพี่ สกิลเธอยังห่างไกลอีกหมื่นปีแสงปลากริม ไปฝึกมาใหม่นะเด็กน้อย หุ หุ"
เขาหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาแล้วลุกเดินไปหลังจากกั้น มองน้ำสีน้ำตาลเข้มในแก้วก่อนเททิ้งลงอ่างล้างมือ อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้กับการที่อีกฝ่ายต้องการเอาคืน แต่เขามองปราดเดียวก็รู้ถึงโทนสีที่แปลกไป เขาดื่มเป็นประจำทำไมจะจำไม่ได้ถึงความแตกต่าง จึงรู้ทันว่าหล่อนคิดอะไรอยู่ภายในใจ
"เดี๋ยวถ้าเสร็จจากงานนี้ รบกวนช่วยถ่ายเอกสารทั้งหมดนี้ให้ด้วยนะจ๊ะ ถ่ายให้เสร็จก่อนเลิกงานนะ จะได้ไม่คั่งค้างไปวันพรุ่งนี้"
สุดที่รักเงยหน้ามองเจ้าของคำพูด ก่อนหลุบตามองกองเอกสารเป็นตั้งๆ ที่วางลงตรงหน้า...เยอะขนาดนี้ใครจะไปถ่ายทันอาจต้องใช้เวลาช่วงบ่ายที่เหลืออีกสามชั่วโมงไปทำงานนั้น คิดพลางเหลือบมองคนที่ไหว้วานอีกครั้ง...พิมพ์วรา ลูกน้องคนสนิทลูกรักรุ้งลาวัลย์ ใครๆ ก็ต่างรู้กันดีว่าชอบเลียแข้งขาเจ้านายมากเพียงใด
"ทั้งหมดนี่เลยเหรอพี่ตุ้ม"
"ใช่จ้ะ ถ่ายทั้งหมด"
พิมพ์วราโปรยยิ้มหวานเพื่อที่จะใช้งานเด็กใหม่...ที่จริงมัน
เป็นงานของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ แต่เพราะตนเข้ามาเจ้าตัวจึงถือโอกาสเรียกใช้ สุดที่รักคิดอย่างรู้เท่าทัน หล่อนไม่อยากมีปัญหาจึงไม่อยากบ่ายเบี่ยงเลี่ยงหลบ เพราะการทำตัวมีปัญหาจะทำให้คนที่ฝากเข้ามาฝึกงานเกิดความไม่สบายใจ
'อดทนไว้ปลากริม ใครจะมาไม้ไหนเราต้องผ่านไปให้ได้ โลกทำงานจริงอาจจะโหดร้ายกว่านี้หลายเท่า ถึงเวลานั้นคนที่จะคอยคุ้มกะลาหัวคงไม่มี เราต้องอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง’
หล่อนพยายามให้กำลังใจตัวเอง คิดอย่างเจียมตัวว่าไม่ใช่เด็กฝากเด็กเส้นใครทั้งนั้น จะไม่วิ่งโร่ไปฟ้องใครให้เขาต้องเดือดร้อนใจ หล่อนไม่อยากให้ทั้งภัทรนันท์และภัทรนนท์รวมทั้งคุณพ่อคุณแม่ของเขามารับรู้ปัญหา คิดว่ามันคือเรื่องเล็กเท่าขี้ผง ซึ่งเดี๋ยวไม่นานมันก็จะผ่านพ้นไป
การที่สุดที่รักยืนถ่ายเอกสารโดยยังไม่ได้นั่งพักตลอดช่วงบ่าย รุ้งลาวัลย์เห็นแล้วกับภาพนั้น แทนที่หล่อนจะเห็นใจแล้วเรียกคนที่ใช้งานไปตำหนิ แต่เปล่าเลย หล่อนไม่คิดเช่นนั้น เพราะนั่นคือคำสั่งที่บอกพิมพ์วราเอาไว้ ให้อีกฝ่ายถ่ายเทงานหนักๆ ไปให้สุดที่รักช่วยทำ และทำยังไงก็ได้เพื่อให้เด็กฝากของเจ้านายไม่ทำงานสบายกว่าคนอื่น ทุกคนต้องเท่าเทียมกัน นี่คือสิ่งที่หล่อนย้ำกับคนในทีม
'เด็กฝากเด็กเส้นใช่มั้ย หึ ฉันไม่สนหรอกนะว่าเธอจะใหญ่มาจากไหน เพราะถึงยังไงช่วงฝึกงานนี้ฉันก็เป็นเจ้านายเธออยู่ดี’
รุ้งลาวัลย์บดกรามเข้าหากันเมื่อนึกไปถึงความสนิทสนมที่ภัทรนนท์แสดงออกมากับสุดที่รัก มันหลายครั้งแล้วที่เขาแสดงต่อหน้าเธออย่างไม่เกรงใจ...หลายครั้งเสียจนคิดว่าเขามีใจให้เด็กคนนั้น คนที่ใช่กับคนที่ไว้คลายเหงา อยากรู้เหลือเกินว่าเขาคิดกับตนแบบไหน หล่อนไม่อยากเป็นแค่เพื่อนคลายเหงา มีค่าเฉพาะยามอยู่บนเตียงหลังจากนั้นทุกอย่างก็จบ อยากเป็นมากกว่านั้นหากแต่ว่าท่าทีของเขาก็ไม่อาจทำให้คาดเดาอนาคตได้ ท่าทียึกยักกั๊กสัมพันธ์ไม่เผยใจ นี่คือเหตุผลที่ยังคงเก็บศรัณย์เอาไว้ แม้ใจจะแอบแบ่งมาให้อีกคนเกินครึ่งแล้วก็ตาม
ภัทรนันท์เห็นแล้วกับภาพนั้น การที่สุดที่รักยืนถ่ายเอกสาร โดยยังไม่ได้นั่งพักตลอดช่วงบ่าย เขาผ่านมาทีไรก็เห็นหล่อนยังคงวุ่นอยู่กับงานเดิมโดยไม่ปริปากบ่น นั่นคือสิ่งที่เขาแสร้งทำเป็นหูหนวกตาบอดตามไม่ทันเกมรุ้งลาวัลย์...กลับมาเมืองไทยคราวนี้จึงได้รู้ว่าสุดที่รักตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของฝูงหมาป่ากระหายหิว คิดเอาไว้แล้วว่าก่อนกลับไปมัณฑะเลย์จะเรียกเจ้าตัวมาถามหยั่งเชิง จะดูสิว่าหล่อนจะให้คำตอบในเรื่องนี้ว่าอย่างไร เขาจะได้จัดการน้องชายในเรื่องนี้ เพราะรู้สึกไม่พอใจเหตุใดจึงส่งสุดที่รักไปอยู่กับรุ้งลาวัลย์…