“ใช่ค่ะคุณมิ้นท์...ถ้ายังไงทานอาหารมื้อเช้าก่อนซีคะ ดิฉันจัดอาหารแบบฝรั่งให้คุณมิ้นท์ ไม่รู้ว่าจะชอบหรือเปล่า”
“ขอบคุณมากนะคะ...แล้วนี่...เอ้อ...พี่คำหล้าอยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ...พี่พักอยู่ที่นี่กับพี่ปื๊ด”
มัลลิกาสอบถาม หล่อนก็ถามไปอย่างนั้นเพราะรู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่าแม่บ้านสาวรุ่นพี่พักอยู่ที่บ้านใกล้โรงไม้ แต่หล่อนก็ทำเป็นไม่รู้เพราะแค่อยากถามเรื่องผัวของคำหล้ามากกว่า สักครู่หล่อนก็ยิ้มหวานและถามต่อว่า
“พี่คำหล้าแต่งงานกับพี่ปื๊ดนานแล้วเหรอคะ?”
บทที่ 3
“อ๋อ...พึ่งแต่งงานกันไม่ถึงเดือนค่ะ...คือจริง ๆ แล้วพี่ทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่นี่หลายปีแล้ว แต่เพิ่งได้ตกลงปลงใจอยู่กับพี่ปื๊ด ก็ไม่ได้จัดงานแต่งอย่างคุณมิ้นท์กับคุณพิพัฒน์หรอกค่ะ”
มัลลิกาได้ยินดังนั้นหล่อนก็ค่อย ๆ หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่โต๊ะอาหาร แต่ก็ไม่วายถามซอกแซกอีกว่า
“แบบนี้แสดงว่าเพิ่งคบกันไม่นานสินะคะเนี่ย แต่ดูท่าทางพี่ปื๊ดเป็นคนเอางานเอาการนะคะ”
“ค่ะ...พี่ปื๊ดขยันมาก แต่ว่าเมื่อก่อนก็เจ้าชู้มากเหมือนกันค่ะ”
“ก็น่าจะนะคะ...ก็เขาหน้าตาดีนะมิ้นท์ว่า”
พอมัลลิกาชมผัวหล่อนก็ถึงกับทำให้คนฟังหน้าแดงขึ้นมา คำหล้ายิ้มเขินๆ แต่แล้วมัลลิกาก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
“เอ้อ...มัวแต่คุยกับพี่คำหล้าเพลินอ่ะค่ะ นี่มิ้นท์ยังไม่เห็นพ่อกับพี่พัฒน์เลยนะคะเนี่ย”
“อ๋อ...คุณท่านกับคุณพิพัฒน์มีธุระต้องเข้าเมือง ท่านฝากบอกด้วยค่ะว่าอาจจะต้องใช้เวลานานสักหน่อย”
คำหล้าพูดไม่ทันจบประโยคเสียงโทรศัพท์ของมัลลิกาก็ดังขึ้น หล่อนรีบหยิบขึ้นมาดูเห็นชื่อสายเรียกเข้าก็รีบรับสายทันที
“คะ...พี่พัฒน์...เห็นพี่คำหล้าบอกพี่พัฒน์เข้าเมืองไม่เห็นบอกกันเลย...ว่าไงนะคะ...กลับพรุ่งนี้เหรอคะ มีธุระต้องไปต่างจังหวัดต่อ...อืม...ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มิ้นท์อยู่กับพี่คำหล้าได้ แล้วพี่พัฒน์จะกลับมาตอนไหนคะเนี่ย...โอเคค่ะ...ค่ะๆ”
พูดจบก็วางสายและหันมาระบายลมหายใจกับแม่บ้านสาว
“อะไรกันเนี่ย...พี่พัฒน์ไปต่างจังหวัดกับพ่อแต่ไม่เห็นจะบอกอะไรมิ้นท์ล่วงหน้าเลย”
“อ๋อ...คุณท่านก็เป็นอย่างนี้ล่ะค่ะ ท่านมีธุระเยอะและชอบทำอะไร ไปไหนก็ไปแบบปุบปับ คุณมิ้นท์อยู่ที่นี่เดี๋ยวก็จะชินเองล่ะค่ะ”
“นั่นสิคะ เห็นพี่พัฒน์บอกว่าปกติพ่อจะเข้าเมืองกับคนขับรถ แต่วันนี้คนขับรถไม่สบายพี่พัฒน์ก็เลยต้องเข้าไปเป็นเพื่อนท่าน แล้วเห็นว่าท่านต้องไปต่างจังหวัดด่วนอีก”
“คุณพงศักดิ์มีธุรกิจเยอะค่ะ ไม่เฉพาะโรงไม้แต่ยังมีที่ดินอยู่อีกตั้งหลายแห่ง ว่าไปคุณมิ้นท์โชคดีนะคะที่ได้เป็นสะใภ้ของท่านเพราะท่านน่ะสมบัติเยอะ แถมมีลูกชายแค่คนเดียว”
“ขอบคุณค่ะพี่คำหล้า...ถ้าอย่างนั้นมิ้นท์ทานอาหารเช้าก่อนดีกว่านะคะ...อืม...แล้วพี่คำหล้าทานอะไรหรือยังคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะไปทานกับพี่ปื๊ดก่อนพี่ปื๊ดจะไปโรงไม้”
มัลลิกาพยักหน้าแต่ในใจของหล่อนรู้สึกอิจฉาแม่บ้านสาวรุ่นพี่ขึ้นมาตงิด ๆ ก็จะว่าไปแล้วหล่อนอาจโชคดีที่ได้เป็นสะใภ้ของเศรษฐี แต่มัลลิกากลับไม่ค่อยตื่นเต้นสักเท่าไหร่ ตอนแรกหล่อนก็ตื่นเต้นที่ได้เป็นเมียของพิพัฒน์ เพราะเขาก็จัดว่าเป็นผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง แต่พอหล่อนได้เห็นหน้าปื๊ด คนงานของโรงไม้กลับมีความรู้สึกอีกอย่างเกิดขึ้นมาแบบฟ้าแล่บ เพราะก่อนหน้าที่หล่อนจะแต่งงานกับพิพัฒน์ แม้ว่าฐานะทางบ้านจะไม่ขัดสนอะไรแต่มัลลิกาก็เป็นสาวน้อยสุดเปรี้ยวมาแต่ไหนแต่ไร หล่อนชอบนักกับเรื่องผู้ชายและเรื่องนี้มีไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ อย่างน้อยผัวของหล่อนก็ไม่เคยรู้ว่าเมียตัวเองเคยอยู่ในกลุ่มลับ มัลลิกามีกลุ่มเพื่อนที่ชอบมีเซ็กส์แบบสวิงกิ้ง มะรุมมะตุ้มกันทีละหลายคนซึ่งเป็นอะไรที่หล่อนติดใจและแทบขาดไม่ได้
ต่อหน้าทุกคนหล่อนคือสาววัยใส ไม่กล้านอกลู่นอกทางแต่ที่ไหนได้ ชอบแบบอย่างว่าเป็นชีวิตจิตใจ และหล่อนเองจะมีความรู้สึกไวมากกับผู้ชายหน้าโหดร่างล่ำ แต่พอต้องแต่งงานทำให้หล่อนต้องปรับตัวเป็นเมียสาววัยกระเตาะช่างฉอเลาะผัว มิลลิกาทานอาหารมื้อสายเสร็จแล้วคำหล้าก็กลับออกมาจากในครัวพร้อมด้วยผลไม้ตบท้ายมื้ออาหาร พอทานเสร็จแม่บ้านสาวก็กลับออกไป มัลลิกาสังเกตว่าคำหล้าไม่ได้อยู่ประจำที่บ้านทั้งวัน หล่อนคงกลับไปหุงข้าวทำกับข้าวให้ผัวกระมัง แต่ที่นึก ๆ น่ะไม่ได้นึกถึงแม่บ้านสาวเลยสักนิด หล่อนคิดถึงผัวของคำหล้าเสียมากกว่า...เมื่อไหร่จะได้เจอหน้าอีกนะ เพราะท่าทางนายปื๊ดจะทำแต่งานและคงอยู่ที่โรงไม้ทั้งวัน
ตกเย็นมัลลิกาก็นั่งอ่านหนังสืออยู่ในบ้าน หล่อนเหลือบมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้มและนึกในใจว่าฝนทำท่าเหมือนจะตก อากาศก็เริ่มเย็นลง หล่อนวางหนังสือลงและคิดว่าฝนอาจจะยังไม่ตกลองออกไปเดินเล่นเพื่อให้ผ่อนคลายสักหน่อยดีกว่า
“พี่คำหล้า...พี่คำหล้า”
หญิงสาวส่งเสียงเรียกแม่บ้านแต่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับหล่อนก็พึมพำกับตัวเอง
“โอ๊ย...ไปไหนซะนะ สงสัยยังไม่กลับมากระมัง...ว่าจะให้ทำสปาเก็ตตี้ไว้รอเดี๋ยวกลับมากินตอนเย็นเสียหน่อย”
มัลลิกาบุ้ยปาก แต่หล่อนก็ทำท่าเหมือนไม่สนใจและเดินออกไปด้านนอก หญิงสาวเดินลัดเลาะไปตามทางเดินที่มีไม้ดอกไม้ประดับเป็นแนวยาวและลืมไปว่ามันเป็นเส้นทางตรงไปยังโรงไม้ แต่ตอนนั้นเป็นเวลาเย็นมากแล้วและหล่อนไม่เห็นใครเลยเดินดูดอกไม้ไปเพลินๆ กระทั่งรู้สึกว่ามีเม็ดฝนหล่นลงมาเปาะแปะและมันหล่นเผาะลงบนหน้าสวยของหล่อน หญิงสาวปาดน้ำบนหน้าผากพร้อมทั้งเงยหน้ามองท้องฟ้า