ตอนที่ 1
พงศักดิ์ยิ้มกว้างเมื่อเห็นร่างของชายหนุ่มหญิงสาวสองคนเดินกอดเอวพูดคุยกระหนุงกระหนิงกันเข้ามาถึงหน้าระเบียงบ้าน และเมื่อทั้งสองเห็นเขาต่างผละจากกันแต่ก็ยังยืนไม่ยอมห่าลังจับมือกัน ชายหนุ่มวัยยี่สิบแปดยกมือไหว้และเอ่ยขึ้นว่า
“สวัสดีครับพ่อ...ขอโทษทีครับที่กลับมาช้า”
“ไม่เป็นไรหรอกพัฒน์...ว่าไงล่ะ วันนี้พาเมียไปเที่ยวถึงไหน ดูสิ ยิ้มแย้มแจ่มใสแบบนี้ท่าทางจะชอบบรรยากาศที่นี่ซะแล้วกระมัง”
พงศักดิ์ เถ้าแก่ใหญ่เจ้าของโรงไม้ซึ่งมีบ้านและโรงทำไม้ติดภูเขาและเขตป่าใหญ่ของจังหวัดน่านพูดกับพิพัฒน์ ลูกชายคนเดียวของเขาที่เพิ่งแต่งงานกับ มัลลิกา เด็กสาววัยสิบแปดหน้าตาสะสวยซึ่งเป็นสาวเมืองกรุงแต่มาเจอะเจอและชอบพอกับลูกชายเจ้าของโรงไม้และตกลงปลงใจแต่งงานกับเขาอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึงสามเดือน หล่อนเป็นสาวชาวกรุงขนานแท้ หน้าสวยหยด ผิวขาวและทรวดทรงอวบอัด แม้ว่าหล่อนอายุห่างจากพิพัฒน์นับสิบปีแต่ดูเหมือนทั้งสองตกหลุมรักกันเข้าอย่างจัง พิพัฒน์ร้องขอให้พ่อของเขาไปสู่ขอสาวเจ้า แม้ว่าตอนแรกพงศักดิ์ซึ่งเป็นม่ายเมียตายไปหลายปีแล้วจะเห็นว่าหล่อนยังเด็กแต่ก็ถือว่าบรรลุนิติภาวะเพราะอายุตอนนี้ก็สิบแปดหยกๆ ที่สำคัญสะใภ้ของเขาเป็นผู้หญิงเรียบร้อยและช่างเอาอกเอาใจ เมื่อเห็นดังนั้นจึงไม่ขัดลูกชายที่อยากมีเมียเต็มแก่ จัดการสู่ขอและให้หล่อนมาอยู่ที่บ้านซึ่งมัลลิกาก็เพิ่งมาใช้ชีวิตอย่างสาวชาวบ้านเป็นครั้งแรก แต่โดยรวมหล่อนก็รับได้กับวิถีชีวิตที่แม้จะเปลี่ยนไปก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะที่นี่มีเครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่าง ทั้งน้ำ ไฟฟ้าสะดวกจนทำให้หล่อนไม่รู้สึกว่าชีวิตต้องลำบากแต่อย่างใด ขณะนั้นเองหญิงสาวก็ยกมือไหว้พ่อผัวและยิ้มให้
“บรรยากาศที่นี่ดีมากจริง ๆ ค่ะ ดีมากจนมิ้นท์ชักไม่อยากกลับไปอยู่ในเมืองเลยอ่ะค่ะพ่อ”
“ก็ดีแล้ว” พงศักดิ์ตอบอย่างชอบใจ “บอกแล้วยังไงว่าบรรยากาศบ้านป่าที่ไม่ใช่เมืองเถื่อนมันก็จะสบาย ๆ พ่อดีใจที่มิ้นท์ชอบ...อืม...ว่าแต่ไปเที่ยวไหนกันมาน่ะ”
“ผมพามิ้นท์ไปเที่ยวน้ำตกชายป่าด้านโน้นครับพ่อ พาไปซื้อเสื้อผ้าในหมู่บ้าน มิ้นท์บอกว่ามันถูกมากเลยซื้อแบบยกโหลกันมาเลยทีเดียว”
พอลูกชายตอบอย่างนั้นพงศักดิ์ก็หัวเราะร่วน
“ฮ่าๆๆๆ....ว่าแล้วไงว่าต้องชอบ มันก็แบบนี้ล่ะน้า คนจากเมืองใหญ่พอมาอยู่เมืองเล็กก็จะตื่นเต้น ของกินของใช้ที่นี่ราคาถูก ขายกันแบบชาวบ้านไม่เหมือนในเมืองหรอก ถ้าชอบวันหลังก็พาเมียแกไปซื้ออีกบ่อยๆ จะได้รู้สึกเหมือนอยู่ในเมืองเพราะได้ชอปปิ้งเหมือนกัน”
“ครับ...อืม...ว่าแต่วันนี้พ่อไม่ออกไปโรงไม้หรอกเหรอครับ”
“ก็ว่ากำลังจะไปแล้วพอดีแกกับเมียกลับมานี่ล่ะ”
“ตอนนี้ผมกลับมาอยู่บ้านจะได้ช่วยกิจการของพ่อเต็มที่ซะที ยุ่งอยู่กับเรื่องแต่งงานและจัดการเรื่องที่บ้านของมิ้นท์เขาอยู่หลายวันเลย พ่อคงจะเหนื่อยนะครับ”
พงศักดิ์ส่ายหน้า “เหนื่อยอาไร้...ไม่เหนื่อยหรอกเพราะตอนนี้พ่อได้คนงานเข้ามาช่วยเพิ่มอีกสองสามคน จากเดิมที่มีอยู่สี่คนเพราะพ่อกะว่าจะให้คนงานช่วยปลูกต้นไม้ใหญ่เอาไว้ทดแทนต้นไม้ที่เราตัดไป แล้วว่าจะให้ช่วยทำสวนที่ไร่ด้านโน้น ใกล้ ๆ กับโรงไม้ของเรานี่ล่ะ พ่ออยากทำเกษตรแบบหลากหลายเอาไว้กินผักแบบเกษตรอินทรี แกว่าดีมั้ยล่ะ”
“ครับพ่อ...อืม...ถ้าอย่างนั้นผมขอพามิ้นท์ไปดูโรงไม้ของเราหน่อยซีครับพ่อ ให้มิ้นท์ได้เห็นว่าเราทำอะไรบ้าง เผื่อว่ามีอะไรที่เมียผมจะช่วยได้”
“เออ...ดีเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเถอะ ให้เมียแกรู้จักกับคนงานเอาไว้เผื่อว่าจะได้ช่วยเหลืองานของแก ยังไงซะมาอยู่ที่นี่แล้วก็ต้องเรียนรู้เอาไว้ล่ะนะว่างานของครอบครัวต้องทำอะไรบ้าง”
“ค่ะพ่อ”
มัลลิการับคำก่อนจะเดินตามสามีและพ่อสามีไปยังโรงไม้ซึ่งอยู่ห่างจากตัวบ้านไปไม่ไกลแต่ก็เดินจนเมื่อยเหมือนกัน หญิงสาวมองไปรอบ ๆ ก็เห็นท่อนซุงขนาดใหญ่กองอยู่เรียงรายใต้ต้นไม้ แต่ทางเดินไปยังที่ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวกลับประดับตกแต่งด้วยพันธ์ไม้ดอกไม้ประดับหลากชนิดและมันช่วยทำให้บรรยากาศน่าอยู่มากยิ่งขึ้น มัลลิการู้สึกสดชื่นและโล่งใจมากกว่าเก่า
บทที่ 2
เพราะตอนแรกหล่อนคิดว่ามาอยู่ในเขตอำเภอห่างจากตัวเมืองแล้วจะต้องใช้ชีวิตที่ค่อนข้างโดดเดี่ยวและคงไม่สุขสบาย ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพราะพิพัฒน์สามีของหล่อนบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าครอบครัวของเขาทำกิจการเกี่ยวกับการตัดไม้และบ้านก็อยู่ห่างจากตัวเมืองมาก เพราะต้องคอยดูแลการทำงานของคนงาน หล่อนนึกเป็นกังวลเพราะชีวิตเคยสุขสบายมาก่อน พ่อแม่ไม่ได้ให้ลำบาก แต่พอได้มาเห็นสถานที่ที่หล่อนต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จริง ๆ กลับตรงข้ามกับสิ่งที่คิดเอาไว้แต่แรกทุกอย่าง อะไร ๆ ที่นี่ไม่ได้เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน บ้านของสามีหล่อนก็หลังใหญ่และอยู่สบายมาก มีสิ่งอำนวยความสะดวกและไม่น่าเชื่อว่าที่นี่มีสัญญาณโทรศัพท์กับอินเตอร์เน็ตชัดเจนยิ่งกว่าในเมืองเสียด้วยซ้ำ บรรยากาศรอบ ๆ ก็เป็นธรรมชาติ ไม่มีฝุ่นควันจากรถและสภาวะอากาศที่จะเป็นมลพิษ มันทำให้หล่อนรู้สึกเหมือนได้มาเที่ยวผ่อนคลายในชนบทยังไงยังงั้น และเมื่อเดินไปจนถึงโรงไม้ขนาดใหญ่พงศักดิ์จึงเอ่ยขึ้นว่า
“เข้ามาดูข้างในซีหนูมิ้นท์ แต่ว่าในนี้จะมีฝุ่นกับขี้เลื่อยเยอะหน่อยนะ”