หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เจตนิพัทธ์ก็พาลักษณ์นาราไปทำธุระที่ธนาคารต่อ เธอค่อนข้างจะตื่นเต้น เพราะจะได้เห็นเงินในบัญชีของลักษณ์นาราเป็นครั้งแรก
“โห!!!” เมื่อกดดูยอดเงินในบัญชี ลักษณ์นาราก็เผลออุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะเธอไม่เคยเห็นจำนวนเงินที่เยอะขนาดนี้มาก่อน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้มีจำนวนถึง 20 ล้าน ตามที่แม่สามีเอาเอกสารสัญญาให้เธอดู
“ตกใจอะไรเหรอ?”
“ตกใจยอดเงินในบัญชีค่ะ เกิดมาไม่เคยเห็นเงินเยอะขนาดนี้มาก่อนเลย” เธอตอบโดยที่ไม่รู้ตัว เจตนิพัทธ์ก็ได้แต่งมอง และคิดอีกครั้งว่าเธอช่างดูไม่เหมือนลักษณ์นาราคนเดิมเลยจริงๆ จนบางครั้งก็เผลอคิดว่า อยากให้เธอความจำเสื่อมแบบนี้ไปตลอด เพราะกลัวว่าถ้าเธอความทรงจำกลับมา แล้วลักษณ์นาราจะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน
“อุ๊ย! คือฉันหมายถึง ฉัน...คิดว่าตัวเองใช้เงินหมดบัญชีไปแล้ว ถึงได้กล้าขับรถตกสะพานแบบนั้น” แต่ดูเหมือนว่ายิ่งแก้ตัว ก็มีแต่ยิ่งจะแย่เข้าไปใหญ่
“เงินไม่ได้หายไปไหนก็ดีแล้ว ว่าแต่จำได้หรือเปล่าว่าเงินในบัญชีมีเท่าไหร่” เจตนิพัทธ์ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดเพี้ยนๆ ของภรรยา ในเมื่อเธอกำลังไม่สบายอยู่ ก็คงไม่แปลกถ้าเธอจะพูดอะไรที่มันฟังดูแปลกๆ ไปบ้าง
“จำไม่ได้ค่ะ แต่ว่า...” ลักษณ์นาราชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง เธอไม่มั่นใจว่าควรจะพูดตรงนี้เลยดีหรือเปล่า เรื่องที่แม่สามีของเธอเข้ามาหาและพูดเรื่องจ้างให้เธอหย่า
“ว่า...?” เขารอฟังว่าเธอจะพูดอะไร แต่ลักษณ์นารากลับเปล่งเสียงออกมาไม่ได้สักทีเสียอย่างนั้น
“คุณจะเอาค่าโทรศัพท์มือถือ ที่จ่ายให้ฉันคืนไหม ฉันจะได้โอนคืนให้เลย” หญิงสาวอยากจะพูดออกมาแต่ปากมันดันไม่ขยับเสียอย่างนั้น
“เรื่องนี้เองหรอกเหรอ ไม่เป็นไรหรอก ปกติผมก็ซื้อของให้รักอยู่แล้ว ครั้งนี้ก็ถือว่าผมซื้อให้ก็แล้วกัน” เขาตอบมาอย่างไม่คิดอะไรมาก
“เอ่อ...แต่ว่า”
“ไม่ต้องแต่เที่ยงกว่าแล้วเนี่ย ไปหาอะไรกินกันดีกว่า เดี๋ยวผมจะพารักไปดูร้านทำเล็บ เคยบอกว่าอยากไปไม่ใช่เหรอ” หญิงสาวพยักหน้ารับ เรื่องที่แม่สามีจ้างให้หย่า คงต้องหาโอกาสที่เหมาะกว่านี้ อีกอย่างสถานที่ก็ไม่ค่อยเป็นส่วนตัวสักเท่าไหร่ คงไม่ดีถ้าจะพูดเรื่องนี้กัน
เมื่อคุยกันรู้เรื่องแล้วทั้งคู่ก็พากันไปทานมื้อกลางวัน ซึ่งเจตนิพัทธ์ก็ได้เป็นคนเลือกร้านให้ เพราะลักษณ์นาราไม่รู้ว่าจะกินอะไร จิตใจของเธอยังวนเวียนอยู่กับเรื่องยอดคงเหลือในบัญชี ที่แม้มีจำนวนมาก แต่ก็ไม่ใช่ 20 ล้านเธอตั้งใจว่าจะเอาคืนให้แม่สามีไป แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเหลืออยู่แล้ว? เท่าที่ฟังเรื่องของลักษณ์นาราคนเดิม เธอไม่ใช่คนที่จะเก็บเงินอยู่แล้ว
เมื่อรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ เจตนิพัทธ์ก็พาลักษณ์นาราไปที่ร้านทำเล็บ ซึ่งเธอได้หุ้นกันกับเพื่อนอีก 2 คนร่วมทำร้านนี้ด้วยกัน
“ไม่ไกลจากห้างเท่าไหร่เลยนะคะ” เธอเอ่ยขึ้นขณะก้าวเข้าไปในร้าน แต่เหมือนว่าคนในร้านจะไม่ได้ยินดีต้อนรับเธอสักเท่าไหร่
“ต๊ายตาย ดูสิว่าใครมา” หญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้น จากน้ำเสียงของเธอแสดงออกค่อนข้างชัดเจนว่าไม่พอใจกับการปรากฏตัวของเธอ
“อย่ามาพูดคำว่าตายแถวนี้นะยะ อัปมงคล” ผู้หญิงอีกคนพูดบ้างพร้อมกับเดินตรงเข้ามาหาลักษณ์นารา
“พวกเธอสองคน...”
“เธอ? โถๆ ไอ้ที่ว่าขับรถตกแม่น้ำเนี่ย สมงสมองไปหมดแล้วหรือยังไง” หญิงสาวขมวดคิ้ว แต่ก็แอบคิดว่า ลักษณ์นาราจะต้องก่อเรื่องอะไรเอาไว้แน่ คนสองคนนี้ที่น่าจะเป็นเพื่อนของเธอ ถึงได้แสดงท่าทางแบบนั้น
“คือว่ารักเขา...ความจำเสื่อมหลังจากที่ประสบอุบัติเหตุ ผมก็เลยอยากจะพาเขาไปที่ที่เขาเคยไป เผื่อว่าจะช่วยให้ความทรงจำของรักกลับมาบ้าง” เจตนิพัทธ์เห็นท่าไม่ดีจึงได้ช่วยอธิบาย
“แหม...พามันมาที่นี่คงไม่ได้อะไรหรอกค่ะคุณเจต มันเคยโผล่หัวมาดูร้านที่ไหน จะมาก็แค่วันที่เงินส่วนแบ่งเข้าบัญชีช้าเท่านั้นแหละมาก็มาชี้นิ้วจิกหัวสั่งคนนั้นคนนี้เหมือนตัวเองเป็นเจ้านาย ทั้งที่ลงเงินเท่ากัน แต่มันไม่เคยลงแรง” ลักษณ์นาราเริ่มเข้าใจมากขึ้น ว่าทำไมทั้งสองคนถึงได้มีท่าทางแบบนั้น เพราะถ้าพูดตามตรง เท่าที่ฟังก็คือลักษณ์นาราเอาเปรียบหุ้นส่วนคนอื่นที่ลงทั้งเงินและแรง
“โอเคๆ ถึงฉันจะจำอะไรไม่ได้ แต่ฉันก็เข้าใจพวกเธอสองคน ฉันมาที่นี่ก็แค่หวังว่าจะจำอะไรได้บ้าง แต่ถ้ามันมาทำให้พวกเธอสองคนไม่สบายใจ ฉันจะกลับก็แล้วกัน” ลักษณ์นาราเอ่ยขึ้นเธอเริ่มรู้สึกว่าตรงนี้ไม่น่าอยู่เสียแล้ว
“เดี๋ยวสิ...มาก็ดีแล้ว จะได้คุยเรื่องถอนหุ้น คุณเจตอยู่ด้วยพอดี จะได้ช่วยเป็นพยานให้” เหมือนว่าลักษณ์นาราคนนี้ก้าวไปตรงไหนก็ต้องเจอแต่เรื่อง แถมเป็นเรื่องที่เจ้าตัวสร้างขึ้นมาเองเสียด้วย และแม้ว่ารัญระวีย์จะไม่ค่อยชอบชีวิตใหม่นี้เลย แต่มันก็ยังดีว่าชีวิตเก่าของเธอมาก เพราะแบบนั้นเธอจึงคิดที่จะเป็นลักษณ์นาราเวอร์ชันใหม่ ที่ใช้ชีวิตได้ง่ายกว่าเดิม
แต่ก่อนที่มันจะเป็นแบบนั้น เธอคงต้องตามเช็ดตามล้าง ปัญหาที่แม่ลักษณ์นาราตัวดีสร้างเอาไว้ให้มันหมดเสียก่อน และการเคลียร์ปัญหาเรื่องหุ้นร้านคงจะง่ายที่สุดในตอนนี้
“แต่...”
“ไม่เป็นไรค่ะ เคลียร์ให้มันจบๆ ไปก็ดี เพราะฉันคงไม่มีปัญญามาช่วยงานพวกเขาอยู่แล้ว” ลักษณ์นาราแทรกขึ้น เมื่อเห็นว่าสามีทำท่าจะช่วยเจรจา
“แน่ใจแล้วเหรอ” เขากระซิบถาม
“ค่ะ คุณไม่ได้ยินที่สองคนนั้นพูดหรือไง” เจตนิพัทธ์เงียบไป เมื่อได้คำยืนยันจากปากของภรรยา เขาเคารพการตัดสินใจของเธอเสมอครั้งนี้ก็เช่นกัน
“เรื่องเอกสารฉันจะให้ทีมทนายจัดการ วันนี้เรามาตกลงกัน แล้วก็หวังว่าแกจะไม่เบี้ยวเหมือนคราวก่อน เงินส่วนแบ่งงวดนี้จะเป็นงวดสุดท้าย ถือว่าแกสิ้นสุดการถือหุ้นของร้านนับตั้งแต่เดือนนี้” เมื่อพูดคุยรายละเอียดทุกอย่างแล้ว หญิงสาวที่ดูจะเป็นตัวหลักในการดูแลร้าน จึงได้กล่าวสรุปอีกครั้ง
“แน่นอน ฉันจะรักษาสัญญา” ลักษณ์นาราเอ่ยรับปาก
ท่าทางของเธอในตอนนี้ทำให้เพื่อนทั้งสองคนเริ่มจะคล้อยตาม คำพูดที่เจตนิพัทธ์บอกในตอนแรก ไม่มีเงาความเป็นลักษณ์นาราในตัวของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ถึงอย่างนั้นพวกเธอก็ไม่อยากร่วมงานกับเพื่อคนนี้อีกแล้ว เพราะที่ผ่านมาลักษณ์นาราสร้างเรื่องเอาไว้เยอะเหลือเกิน
“ฉันยังเป็นเพื่อนกับแกเหมือนเดิมนะรัก ถ้าจะมาทำเล็บที่นี่ฉันก็ยินดีคิดราคาพิเศษให้”
“ขอบคุณนะ” ลักษณ์นาราเอ่ยตอบ พลางยิ้มให้กับคนพูด ทุกอย่างจบลงด้วยดี ถือว่าปิดปัญหาได้อีกเรื่อง ตอนนี้ก็เหลือปัญหาใหญ่อยู่ 2 อย่างคือเรื่องสัญญาจ้างหย่า และเงินที่หายไปจากจำนวน 20 ล้าน ซึ่งถ้าเธอจะสวมรอยเป็นลักษณ์นาราต่อไป ก็ควรจะเคลียร์เรื่องนี้ให้ได้ด้วยเหมือนกัน