ลักษณ์นารา
แผนกฉุกเฉินชุลมุนวุ่นวายไปด้วยผู้คนและเสียงไซเรน ประตูอัตโนมัติเปิดออกขณะที่เจ้าหน้าที่พยาบาลเข็นรถเข็นซึ่งลำเลียงร่างของหญิงสาวที่นอนหมดสติส่งเข้าไปยังแผนกฉุกเฉิน หญิงสาวสวมเสื้อผ้าเปียกโชก ผิวของเธอขาวซีดอย่างน่าสยดสยอง ผมของเธอพันกันเป็นก้อนเพราะเปียกน้ำ ร่างของเธอถูกกู้ขึ้นมาจากซากรถที่ประสบอุบัติเหตุชนราวสะพาน ก่อนจะตกลงสู่แม่น้ำ
พยาบาลและแพทย์มาตรวจดูอาการและดำเนินการรักษาเธออย่างรวดเร็ว ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ประสานกันด้วยความเร่งด่วน เจ้าหน้าที่กู้ภัยสรุปเหตุการณ์อย่างรวดเร็วว่า
"ผู้หญิง อายุ 30 ต้นๆ ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ รถชนราวสะพาน ก่อนจะตกลงแม่น้ำ ก่อนจะกู้ร่างขึ้นมาได้ เธอจมอยู่ใต้น้ำประมาณ 5 นาที" ตอนที่กู้ภัยนำร่างของเธอออกมาจากซากรถ ลักษณ์นารา หยุดหายใจไปชั่วขณะ แต่กู้ภัยได้ทำการกู้ชีพของเธอ หัวใจกลับมาเต้นได้อีกครั้ง จึงได้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยเร่งด่วนที่สุด
“ญาติของคนเจ็บมาถึงหรือยังครับ”
“ผมเป็นสามีของเธอครับ” เจตนิพัทธ์รีบวิ่งไปแสดงตัว หลังจากที่เขาได้รับการติดต่อจากทางกู้ภัย ก็รีบมาที่โรงพยาบาลทันที ก่อนหน้าที่ลักษณ์นาราภรรยาของเขาจะประสบอุบัติเหตุ เธอเพิ่งจะทะเลาะกับเขาและขับรถแยกออกมาได้เพียงไม่ถึง 10 นาทีเท่านั้น
“เดี๋ยวติดต่อเรื่องเอกสารด้านโน้นเลยครับ แล้วกลับมารอตรงนี้ได้เลย” ชายวัยกลางคนบอกกับเจตนิพัทธ์ ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนที่จะเดินทางไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย แล้วกลับมารอที่หน้าห้องฉุกเฉิน
“มันตายหรือยัง บอกหมอเลยนะว่าไม่ต้องรักษามัน” เสียงจารุณีแม่ของเจตนิพัทธ์ที่เพิ่งจะเดินทางมาถึง บอกกับลูกชายของเธอ ความเกลียดชังที่มีต่อลักษณ์นารา แสดงออกมาอย่างชัดเจนอย่างไม่ปิดบัง
“แม่...”
“เห็นเขาบอกกันว่ามันจมไปพร้อมกับรถตั้ง 5 นาที ยังไงก็คงไม่รอดหรอก แม่ตั้งใจมาดูให้เห็นกับตาว่ามันตายแล้วจริงๆ” เจตนิพัทธ์ได้แต่ถอนหายใจ เขาเข้าใจดีว่าทำไมแม่ของตัวเอง ถึงได้จงเกลียดจงชังภรรยาของเขานักหนา แต่เขาก็เลือกที่จะเงียบไม่พูดอะไรตอบ
สำหรับเขาแล้วต่อให้ลักษณ์นาราจะร้ายกาจแค่ไหน แต่เธอก็เป็นแม่ของลูกเขาอยู่ดี และก็ไม่ได้คาดหวังว่าให้เธอตาย ตรงกันข้ามเขาภาวนาให้เธอปลอดภัยเสียด้วยซ้ำ
ย้อนไปเมื่อ 8 ปีก่อนเขาได้เจอกับลักษณ์นาราเป็นครั้งแรก หญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาสวยดุจเทพบรรจงสร้าง เขาและเธอมีโอกาสได้พูดคุยทำความรู้จักกันเพียงแค่เดือนเดียว ก็แต่งงานกันทันทีตามความต้องการของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย
เจตนิพัทธ์เป็นหนุ่มนักธุรกิจที่ไม่ชำนาญเรื่องความรักเท่าไหร่นัก ตลอดชีวิตของเขาก็สนใจแต่เรื่องเรียน จนกระทั่งเรียนจบก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ซึ่งเป็นธุรกิจที่รับช่วงต่อจากครอบครัว เขาเอาแต่ทำงานจนไม่มีเวลาเข้าสังคม ครอบครัวของเขาจึงได้จับคู่เขากับลักษณ์นารา
“คุณแม่จะไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ” เสียงใสเอ่ยถามคนเป็นพ่ออย่างมีความหวัง ขวัญวิวาห์ ลูกสาววัย 7 ขวบของเจตนิพัทธ์กับลักษณ์นารา เด็กหญิงตัวน้อยที่เติบโตมาด้วยความรัก และความเอาใจใส่ของผู้เป็นพ่อ ขวัญวิวาห์ทำให้ชีวิตของเจตนิพัทธ์ถูกแยกออกจากงานได้ ตั้งแต่มีลูกเขาก็แบ่งเวลาจากงานมาสนใจดูแลลูก เพราะคนเป็นแม่ละเลยหน้าที่ตรงนี้ ตั้งแต่วันที่ออกจากโรงพยาบาล
“คุณแม่จะไม่เป็นอะไรแน่นอนค่ะ ตอนนี้คุณหมอกำลังช่วยกันรักษาคุณแม่อยู่” ชายหนุ่มบอกกับลูกสาวของเขาอย่างอ่อนโยน ดวงตาไร้เดียงสามองไปที่ประตูห้องฉุกเฉินอย่างมีความหวัง เธอโตพอที่จะวิเคราะห์อะไรๆ เองได้บ้างแล้ว ขวัญวิวาห์ได้ยินย่าของเธอ พูดกับปู่ว่าแม่ของเธอไม่มีทางรอดแน่ เพราะจมน้ำไปพร้อมกับรถตั้ง 5 นาที
“คนเจ็บปลอดภัยแล้วนะครับ” หมอออกมาแจ้งผลการรักษาลักษณ์นารา หลังจากที่เธอหยุดหายใจไปอีกครั้งหนึ่ง ตอนมาถึงโรงพยาบาล ทีมแพทย์ได้ทำการรักษาเธอจนสุดความสามารถ และเธอก็กลับมาหายใจอีกครั้งในที่สุด
“แม่อุตส่าห์บนหมูหันตั้ง 1 ตัว สงสัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะไม่ชอบกินหมู” จารุณีเอ่ยขึ้น เมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเธอแสดงออกอย่างชัดเจน ว่าผิดหวังมากๆ
“ถ้างั้นแม่กลับก่อนละนะ ไม่อยากจะอยู่เห็นหน้า มารอฟังว่าตายแล้ว ก็ดันไม่ตายซะอีก นรกคงไม่ต้อนรับคนที่มันเลวขนาดนี้” จารุณีพูดพร้อมกับจับแขนหลานสาว ตั้งใจว่าจะพากลับไปพร้อมกัน
“ขวัญขออยู่เจอคุณแม่ก่อนได้ไหมคะ” เสียงเด็กหญิงตัวน้อยอ้อนวอนผู้เป็นย่า เธออยากจะอยู่รอเจอกับแม่ตอนที่แม่ของเธอฟื้นขึ้นมา
“นี่ก็รักมันเหลือเกิน ตามใจก็แล้วกัน” หญิงมีอายุยอมปล่อยแขนหลานของตัวเองแต่โดยดี เธอไม่ได้ชอบบังคับใจหลานอยู่แล้ว และอดเวทนาไม่ได้สักที เวลาที่หลานสาวแสดงออกว่ารักแม่ของตัวเองเหลือเกิน แต่คนเป็นแม่นั้นกลับไม่เคยแสดงออกว่ารักลูกบ้างเลย
จารุณีกลับไปทันที ส่วนเจตนิพัทธ์และลูกสาวของเขา ก็ตามไปดูแลลักษณ์นาราที่ห้องพักฟื้นของผู้ป่วยใน เธอยังคงต้องนอนดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาลไปก่อน จนกว่าจะแน่ใจได้ว่าเธอปลอดภัยแล้วจริงๆ
“ถ้าคนไข้ฟื้นแล้ว รบกวนแจ้งด้วยนะคะ” พยาบาลบอกกับเจตนิพัทธ์ ก่อนจะออกจากห้องไป
“คุณแม่ปลอดภัยแล้วจริงๆ เหรอคะ” ขวัญวิวาห์เอ่ยถามอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าแม่ของตัวเองยังคงนอนนิ่ง อยู่บนเตียงผู้ป่วย ผิวยังขาวซีดเหมือนไม่มีโลหิตไหลเวียนรอบตัว
“หมอบอกว่าปลอดภัยแล้ว ก็ต้องปลอดภัยแน่นอนค่ะ” เจตนิพัทธ์บอกกับลูกสาวของเขา แต่ในใจก็ยังแอบกังวลอยู่เหมือนกัน แต่หมอแจ้งว่าเธอฟื้นขึ้นมาแล้วรอบหนึ่ง ในห้องฉุกเฉินแต่ก็สลบไปอีกครั้ง
เฮือกกก!!!
เสียงหายใจเฮือกใหญ่ของคนบนเตียงผู้ป่วย ทำให้ทั้งเด็กหญิงตัวน้อย และชายหนุ่มที่กำลังนั่งกันอยู่ที่โซฟา ต่างก็ตกใจและหันมองไปที่ต้นเสียงเป็นตาเดียว
“ฉันอยู่ที่ไหน?” เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้น ร่างซีดเซียวบนเตียงค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง และมองไปรอบๆ เธอเดาว่าที่นี่คือโรงพยาบาล ด้วยบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่เห็น หญิงสาวมองไปที่ชายหนุ่มซึ่งกำลังค่อยๆ เดินเข้ามาหาเธอ ใบหน้าของเขามันดูไม่คุ้นตาเอาเสียเลย
“รัก...คุณเป็นยังไงบ้าง?” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เธอมองหน้าเขาด้วยสายตาประหลาดใจ ก่อนจะเหลือบมองไปที่เด็กหญิงตัวน้อย ที่เดินตามหลังชายหนุ่มเข้ามาติดๆ
“คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ”
“แม่เหรอ? แล้วเมื่อกี้คุณเรียกฉันว่าอะไรนะ” เธอค่อยๆ ประมวลผลทุกอย่าง และเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ เธอมั่นใจมากๆ ว่าตัวเองไม่ได้มีลูกสาว และเธอก็ไม่รู้จักคนทั้งสองคนนี้มาก่อนด้วย
“เดี๋ยวผมเรียกหมอให้นะ” เจตนิพัทธ์หันไปกดปุ่มสัญญาณ เพื่อเรียกหมอเข้ามาตรวจดูอาการให้กับลักษณ์นารา เขารู้สึกว่าเธอดูแปลกๆ แววตาของเธอที่มองมามันดูว่างเปล่า ราวกับคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? หรือว่า...”