กว่า 1 สัปดาห์ที่รัญระวีย์ต้องใช้ชีวิตเป็นคนใหม่ เธอเริ่มจะปรับตัวเป็นลักษณ์นาราได้บ้างแล้ว แต่ก็เป็นลักษณ์นาราคนใหม่ด้วยเช่นกัน วันนี้เป็นวันแรกที่เธอจะได้เริ่มทำงานบ้านเองทั้งหมด ตามที่คุยกับสามีเอาไว้ เขาค่อนข้างกังวลกลัวว่าเธอจะทำไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากขัดความตั้งใจ อีกอย่างตอนนี้เอก็ยังจำอะไรไม่ได้ คงเบื่อที่ต้องอยู่บ้านเฉยๆ
“คุณแม่ไม่กลัวมือไม่สวยเหรอคะ” หนูขวัญเดินเข้ามาถามแม่ของตัวเอง หลังจากช่วยแม่เก็บจานอาหารเช้าเสร็จแล้ว
“มือที่สวยที่สุด ก็คือมือที่ใช้ทำงานได้นี่แหละค่ะ วันนี้หนูขวัญเก่งมากเลยค่ะ ที่ช่วยคุณแม่ทำงานบ้าน” เธอเอ่ยปากชมลูกสาว ทำให้เด็กหญิงตัวน้อยยิ้มกว้าง เจตนิพัทธ์แบบได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งรู้สึกว่าภรรยาของตัวเอง เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนจริงๆ ถึงจะเปลี่ยนไปในทางที่ดี แต่เขาก็กลัวว่าถ้าวันหนึ่งเธอเกิดจำทุกอย่างได้ขึ้นมา แล้วทุกอย่างมันจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า
“เดี๋ยวผมพาลูกไปส่งโรงเรียนก่อนนะ แล้วตอนบ่ายจะมารับ” หญิงสาวทำหน้างุนงง เธอจำไม่ได้ว่าเขาจะรับเธอไปไหน
“คะ?”
“ก็ที่เราคุยกันไว้ ว่าจะพาคุณไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ แล้วก็เสื้อผ้าใหม่ไง ลืมไปแล้วเหรอ” ชายหนุ่มทวนความจำให้กับเธอ
“อ๋อ...จริงด้วย”
“งานบ้านก็ทำเท่าที่ทำได้ก็พอนะ ไม่ต้องหักโหมหรอก หมอบอกว่ายังไม่อยากให้คุณทำงานหนัก” ลักษณ์นาราพยักหน้ารับ เรื่องนี้เธอก็รู้อยู่แล้ว เพราะหมอบอกกับเธอเอง
ตลอดเวลาที่กลับมาบ้าน มีเรื่องให้เธอแปลกใจเต็มไปหมด ลักษณ์นาราและสามีของเธอแยกกันนอนคนละห้อง ส่วนขวัญวิวาห์ก็มีห้องส่วนตัวด้วยเหมือนกัน
เธอพอจะเข้าใจว่าเป็นเพราะคนทั้งสองคนไม่ได้รักกันแล้ว แต่ทำไมกัน ทำไมถึงไม่เลิกกันไปเสีย สำหรับลักษณ์นารานั้นถ้าจะไม่เลิกก็คงไม่แปลก เพราะเจตนิพัทธ์ให้เงินใช้ต่อเดือนจำนวนมากจริงๆ งานการอะไรก็ไม่ต้องทำ เที่ยวเล่นไปวันๆ เท่านั้นเอง
อีกเรื่องที่เธอรู้สึกว่าแปลกมากก็คือ จนถึงตอนนี้แล้วพ่อกับแม่ของลักษณ์นารา ยังไม่เคยมาเยี่ยมลูกสาวเลย ทั้งที่ข่าวอุบัติเหตุก็ออกจะดัง แถมจะว่ารุนแรงมันก็รุนแรงอยู่หรอก ขับรถชนราวสะพานแล้วตกลงแม่น้ำ รอดมาอย่างหวุดหวิด แต่ไม่มีแม้แต่เงาของพ่อหรือแม่ ที่จะมาเยี่ยมมาถามไถ่อาการของเธอ
เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขณะที่หญิงสาวกำลังตากผ้าอยู่ เธอคิดว่าเป็นเจตนิพัทธ์ที่นัดกันเอาไว้ แต่ก็ยังไม่ถึงเวลาเลยทำไมเขาถึงมาเร็วนัก
แต่เมื่อเธอวิ่งออกมาที่หน้าบ้าน ตั้งใจจะเปิดประตูรั้ว ก็ได้พบกับรถที่ไม่คุ้นตาแล่นเข้ามาจอด เมื่อประตูรถเปิดออก ก็เห็นว่าเป็นแม่ของเจตนิพัทธ์
“ท่าทางดูจะแข็งแรงดีแล้วใช่มั้ย”
“สวัสดีค่ะคุณแม่”
“กองไว้ตรงนั้นแหละ แล้วก็ไม่ต้องเรียกฉันว่าแม่ด้วย ตาเจตไม่อยู่อยู่แล้วนี่ เรียกฉันว่าอีแก่ แบบที่เคยเรียกเถอะ” ลักษณ์นาราสัมผัสได้เลยว่า ต้องเกิดการปะทะแน่ๆ เจตนิพัทธ์ก็ไม่อยู่แบบนี้ด้วย
“เชิญข้างในก่อนดีกว่าไหมคะ”
“ก็ดี เรื่องที่ฉันจะคุยกับเธอ รายละเอียดมันค่อนข้างจะเยอะ” จารุณีพูดก่อนจะเดินเชิดเข้าบ้านไปพร้อมกับคนใช้คนสนิทที่เธอพามาด้วย เพราะกลัวลักษณ์นาราจะทำร้ายเอาเหมือนครั้งก่อน
“ฉันตั้งใจมาคุยกับเธอเรื่องหย่า เธอรับเงินจากฉันไปแล้ว จะมาทำเป็นความจำเสื่อมแบบนี้ไม่ได้ ฉันรู้นะว่าทั้งหมดนี่มันเป็นแผนของเธอ ต้องยอมรับเลยนะว่าลงทุนมาก ที่กล้าขับรถลงแม่น้ำแบบนั้น” ลักษณ์นาราแสดงสีหน้าประหลาดใจ เธอไม่รู้ว่าลักษณ์นาราจะบ้าบิ่นขนาดนั้นเชียวหรือ ส่วนเรื่องจ่ายเงินให้หย่าอะไรนั่น เธอยิ่งไม่รู้เลย
“ต้องขอโทษคุณแม่จริงๆ นะคะ แต่หนูจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุด
“โกหก แกมันพลิกลิ้นเก่งอยู่แล้ว ฉันถึงได้วางแผนทุกอย่างให้มันรอบคอบไง แหกตาอ่านสัญญาพวกนี้ดู เผื่อว่าแกจะจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง” จารุณีพูดก่อนจะโยนเอกสารลงบนโต๊ะ มือบางค่อยๆ หยิบเอกสารทั้งหมดขึ้นมาอ่าน และเธอก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นจำนวนเงินที่ระบุเอาไว้ในสัญญา
“20 ล้าน!!!” เธอเผลอตะโกนออกมาเพราะตกใจ คนบ้านนี้เขารวยขนาดไหนกัน ถึงได้เอาเงิน 20 ล้านมาจ่ายเพื่อจ้างให้ผู้หญิงคนหนึ่งเลิกกับลูกชาย
“ก็ใช่น่ะสิ ป่านนี้ก็คงผลาญไปหมดแล้วใช่ไหม พ่อแม่แกถึงไม่โผล่หัวมาเลย คงจะถลุงเงินเล่นอยู่ในบ่อนกันล่ะสิ” ลักษณ์นาราเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเอาเงินไปไว้ที่ไหน แต่ก็อาจจะจริงอย่างที่แม่สามีของเธอว่า พ่อแม่ของเธอถึงได้ไม่โผล่มาเยี่ยมลูกกันเลย
“หนู...”
“จัดการหย่ากับลูกฉันซะ อย่าให้ฉันต้องพูดมาก ฉันเข้าใจว่าผู้หญิงอย่างเธอมันคงหาผัวใหม่ดีๆ ยาก แต่จะมาเกาะลูกชายฉันอยู่แบบนี้ ฉันก็ทนดูไม่ไหวเหมือนกัน” หญิงสาวรู้สึกลำบากใจ ถ้าเอกสารสัญญาทั้งหมดเป็นของจริง เธอคงต้องยอมหย่ากับเจตนิพัทธ์ เพราะลักษณ์นารารับเงินมาแล้ว แม้จะไม่รู้ว่าเธอเอาเงินไปไว้ที่ไหนแล้วก็ตาม
“ยังไงหนูก็คงต้องขอปรึกษาคุณเจตก่อน คุณแม่ต้องเข้าใจนะคะว่าหนูจำอะไรไม่ได้”
“นี่แก!!! อย่ามาเล่นลิ้นกับฉันนะ เราตกลงกันแล้วไง ว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับตาเจต” จารุณีโวยขึ้น เธอรู้ว่าถ้าเจตนิพัทธ์รู้เรื่องนี้ เขาไม่มีทางยอมแน่นอน เธอก็อยากจะรู้เหลือเกินว่าลูกชาย หลงอะไรผู้หญิงคนนี้นักหนา
"เห็นทีว่าจะไม่ได้ค่ะ ตอนนี้คุณเจตเป็นคนดูแลทุกอย่าง เพราะหนูจำอะไรไม่ได้ อีกอย่างคนเป็นผัวเมียกัน จะมีความลับต่อกันได้ยังไง"
“ตกลงว่าแกจะไม่ยอมใช่ไหม!!!”
“ค่ะ ถ้าเรื่องนี้ไม่ได้ปรึกษาคุณเจตก่อน หนูคงให้คำตอบอะไรไม่ได้” ลักษณ์นารายืนยันเสียงแข็ง
“บอกแล้วไงคะคุณหญิง ผู้หญิงคนนี้มันสารพัดมารยา พอมันได้เงินแล้ว เดี๋ยวมันก็หาเรื่องไม่ทำตามสัญญา” คนใช้คนสนิทของจารุณีแทรกขึ้น
“ถ้างั้นฉันก็คงต้องฟ้องเรียกเงินคืน อยากจะรู้เหมือนกันว่าน้ำหน้าอย่างแก จะหาเงินมาคืนไหวหรือเปล่า”
“ก็คงจะเป็นเงินคุณเจตนั่นแหละค่ะที่เอาไปคืน ถ้าคุณแม่รู้จักลูกชายตัวเองดี ก็น่าจะรู้นะคะ ว่าเขาไม่ปล่อยให้เมียลำบากหรอก” ลักษณ์นาราเถียงอย่างไม่ยอม
บทเรียนจากชีวิตเก่าของเธอ สอนให้เธอรู้ว่าต้องลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องตัวเองบ้าง เอาแต่ก้มหน้ายอมก็มีแต่จะถูกกดขี่ ถ้าไม่ทำเธอก่อนก็ต่างคนต่างอยู่ แต่ถ้าระรานกันไม่จบไม่สิ้น ก็คงต้องสู้เท่านั้นเหมือนกัน