บทที่ 11

1130 คำ
“ผิดพลาด?” ชีคอัลซาทวนคำสุรเสียงสูง ก่อนจะตะโกนถามต่อ “เป็นไปได้ยังไงที่ผู้พันจะทำงานผิดพลาด คำๆ นี้พี่ไม่เคยได้ยิน และเท่าที่จำได้ พี่รู้ว่าผู้พันไม่เคยทำงานพลาดแม้แต่ครั้งเดียว” ผู้พันฟาเรลล์กัดฟันแน่น ยืนกรานคำตอบเดิม “แต่น้องก็ทำผิดพลาดไปแล้ว” “พี่ไม่เชื่อ” ชีคอัลซาตรัสสวนกลับในทันที “ลูกน้องของพี่รายงานว่าผู้พันอุ้มผู้หญิงออกมาจากโรงแรมด้วย เป็นเธอใช่ไหม ทำไมไม่เอาตัวเธอมาให้พี่!” สุรเสียงในตอนท้ายห้วนจัด ตามอารมณ์ของผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งตะคอกถามดังลั่นจนสุรเสียงเล็ดลอดออกมานอกโทรศัพท์ ทั้งผู้หมวดอาดีลและผู้หมวดซารุสต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจน ต่างก็ตีสีหน้าเป็นกังวลไปกับคำพูดของชีคอัลซา “ใช่ น้องอุ้มผู้หญิงออกมาจากโรงแรมด้วย ตามที่ลูกน้องของท่านพี่บอก แต่ไม่ได้หมาย ความว่าน้องไม่ได้ทำงานผิดพลาด เพราะน้องจับผู้หญิงมาผิดคน เป็นคนละคนกันกับที่ท่านพี่ต้องการ” ผู้พันฟาเรลล์ได้แต่หวังว่าเชษฐาจะเชื่อในคำโกหกของเขาบ้าง “พี่ไม่อยากเชื่อว่าผู้พันจะจับผิดตัว พี่ให้รูปของผู้หญิงแพศยาคนนั้นไปเกือบยี่สิบภาพ ทำไมผู้พันถึงพลาด จับผิดตัวอีก” ใบหน้าคมเข้มแดงก่ำ ดวงตาสีนิลทั้งคู่โชนแสงวาวโรจน์ด้วยไฟโทสะ กับถ้อยคำที่ได้ยินเชษฐาเรียกชายิกาเช่นนั้น “ผู้หญิงเอเชีย มีใบหน้าไม่ต่างกันสักเท่าไร และตอนลงมือทำงาน น้องตัดไฟในห้องแต่งตัวของพวกเธอ ซึ่งนั่นทำให้น้องเห็นหน้าเธอไม่ชัด” “ถ้ายังงั้นเอาผู้หญิงที่ผู้พันจับผิดตัวมาส่งให้พี่ ให้พี่มั่นใจว่าผู้พันทำงาน ‘พลาด’ จริงๆ” ไม่มีวี่แววว่าชีคอัลซาจะเชื่อในคำพูดของอนุชา ส่วนผู้ที่ได้ยินคำสั่งลอบกัดฟันแน่น แทบจะโยนโทรศัพท์ทิ้งในทันที “น้องรู้ว่าตัวเองทำงานผิดพลาด และน้องได้ปล่อยผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว” “ผู้พัน!” ชีคอัลซาเค้นเรียกสุรเสียงเย็นยะเยือก ก่อนจะตรัสถามต่อแกมขู่ไปในตัวด้วย “รู้ใช่ไหม ว่าอย่าเล่นตลกกับพี่” “เปล่าเลยพ่ะย่ะค่ะ น้องไม่ได้เล่นตลก ที่น้องพูดมานั้นล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น” “ถ้าผู้พันทำพลาด พี่ก็ไม่จำเป็นต้องยกแคว้นมารีนให้กับน้อง” ‘แน่นอน เพราะท่านพี่ไม่ต้องการมอบให้กับน้องอยู่แล้ว’ ผู้พันฟาเรลล์เอ่ยตอบต่อท้ายอยู่ในใจ “น้องนึกว่าท่านพี่จะ ‘ใจดี’ ยกแคว้นมารีนให้กับน้องฟรีๆ” ผู้พันฟาเรลล์เน้นคำประชดเชษฐา และหากเดาไม่ผิด ตอนนี้เชษฐาของเขาคงกำลังกริ้วจัด “ก็ในเมื่อผู้พันทำงานผิดพลาด ก็ไม่จำเป็นต้องได้รับอามิสสินจ้างตอบแทนจากพี่...พี่จะเผาเอกสารฉบับนั้นทิ้งเดี๋ยวนี้” “แน่ใจหรือพ่ะย่ะค่ะ ว่าเพิ่งเผาทิ้งเดี๋ยวนี้ น้องเดาว่าท่านพี่คงเผาเอกสารในทันทีที่น้องเดินออกมาจากห้องทำงานของท่านพี่แล้ว” สัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดขาดแทบจะทันที หลังจากผู้พันฟาเรลล์เอ่ยดักคออย่างรู้เท่านั้น ร่างใหญ่ล่ำสันของผู้พันหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ยกมือลูบใบหน้าของตัวเอง พลางถอนหายใจยาวด้วยความหนักใจ “ถ้าเราเดาไม่ผิด ท่านพี่คงมาที่นี่ทันทีที่ฟ้าสาง” “พวกเราทุกคนพร้อมรับมือกับท่านชีคตลอดเวลาครับ” ผู้หมวดอาดีลเอ่ยบอกเสียงหนักแน่น ไม่ต่างจากการให้คำสัญญา ส่วนผู้หมวดซารุสก็พยักหน้ารับในคำเพื่อนของเพื่อนร่วมรบ “ผู้พันไม่ต้องกังวลนะครับ พวกเราจะไม่ยอมให้ท่านชีคเอาตัวผู้หญิงคนนี้ไปได้” “ขอบใจพวกนายทั้งสองคนมาก” ผู้พันฟาเรลล์ผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเอ่ยบอกลูกน้องทั้งสองต่อ “พวกนายไปพักผ่อนกันได้แล้ว เราจะเข้าไปดูชายิกาสักหน่อยว่าเธอฟื้นหรือยัง” “เชิญผู้พันตามสบายเลยครับ เดี๋ยวผมขอดวลบรั่นดีกับเจ้าซารุสก่อน นานๆ ทีต้องไปวิ่งออกกำลังกายแข่งกับลูกกระสุนที่ปลิวเฉียดหัว ทำเอาขวัญหนีดีฟ่อ ต้องดวลบรั่นดีเรียกขวัญซะหน่อย” ผู้พันฟาเรลล์หัวเราะร่วนอยู่ในลำคอกับคำพูดของผู้หมวดอาดีล ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงาน ก็ไม่ลืมเอ่ยเตือนผู้หมวดทั้งสอง “อย่าให้เมามากก็แล้วกัน” “อาดีลมันเคยเมาซะที่ไหนล่ะครับผู้พัน เล่นดื่มบรั่นดีไม่ต่างจากดื่มน้ำ บรั่นดีหมดไปสองขวดแล้วยังไม่รู้สึกอะไรเลย” “เขาเรียกว่าดื่มเพื่อฆ่าเชื้อโรคในร่างกายต่างหากล่ะ ไอ้ซารุส” “เชื้อโรคมันกระเด็นออกจากตัวผู้หมวดตั้งแต่ดื่มหมดขวดแรกแล้วครับ” ผู้พันฟาเรลล์ส่ายหน้าราวกับระอาลูกน้องใต้อาณัติ จากนั้นก็เดินออกจากห้องทำงาน ปล่อยให้ทั้งสองผู้หมวดมีเวลางัดข้อกันอย่างเต็มที่ เมื่อกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง ผู้พันฟาเรลล์ก็เกิดอาการลังเล หยุดยืนอยู่แค่ตรงช่องประตู ไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้เตียงใหญ่ ด้วยกลัวว่าเลือดในกายจะวิ่งพล่านอีกครั้ง แค่เพียงได้เห็นผิวกายผ่องพรรณของชายิกา “บ้าชะมัด! ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีอาการแบบนี้เลย” ผู้พันฟาเรลล์ยกมือเสยผมด้วยความหงุดหงิดใจ เดินเลี่ยงเข้าไปในห้องน้ำ พยายามสั่งตัวเองไม่ให้เหลือบสายตามองชายิกาแม้วินาทีเดียว สายน้ำอันเย็นชุ่มฉ่ำที่รินรดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่ได้ช่วยดับความร้อนรุ่ม ซึ่งก่อตัวขึ้นในเรือนกายของผู้พันฟาเรลล์ได้ ร่างใหญ่กำยำเปล่าเปลือยเดินเฉียดเข้ามาใกล้เตียงใหญ่ แสงไฟสีนวลตรงหัวเตียง ที่สาดส่องลงมาบนผิวกายงามสล้างโผล่พ้นจากขอบชุดราตรี ทำเอาเขาใจสั่น ปวดหนึบไปทั่วทั้งแก่นกาย แทบควบคุมอารมณ์ดำกฤษณาเอาไว้ไม่อยู่ “นอนทั้งชุดราตรีแบบนี้คงอึดอัดมากใช่ไหม ชายิกา” ผู้พันฟาเรลล์พึมพำเอ่ยถามทั้งๆ ที่ชายิกายังคงนอนหมดสติอยู่ และมือใหญ่ร้อนรุ่มก็ไวเท่ากับความคิด ใช้เวลาแค่เพียงไม่กี่นาที ก็สามารถปลดชุดราตรีสีแดง รวมทั้งบราเซียร์ผ้าลูก ไม้บางเบาทั้งสองชิ้น ออกจากเรือนร่างอรชรได้อย่างรวดเร็ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม