บทที่5

1185 คำ
“ท่านแม่มาเมื่อไร ทำไมไม่ให้เสียงเลยครับ” “แหม! ขืนมาแบบอึกทึกครึกโครมก็ไม่ได้รู้กันพอดีว่าพี่ชายสุดหล่อของติยา กำลังบ่นหาเนื้อคู่ผู้เคราะห์ร้าย” ถ้อยคำที่ตอบกลับมา หาใช่น้ำเสียงของพระมารดาไม่! แต่เป็นน้ำเสียงของขนิษฐาคนสวยของมกุฎราชกุมารฟารีสต์นั่นเอง ในขณะที่ภูริชมีน้องสาวสุดรักสุดหวงอย่างจิลลาภัทร ทางด้านของว่าที่เจ้าผู้ปกครองแผ่นดินทะเลทรายอย่างชีคฟารีสต์ก็มีน้องสาวสุดหวงไม่แพ้กันคือ ‘เจ้าหญิงฟาติยา ซัลฮาบินด์ อัลวาสต์’ เจ้าหญิงฟาติยาในวัย 25 ปี เรียนจบปริญญาจากสหรัฐอเมริกาไม่ต่างจากเชษฐา พอกลับมายังแผ่นดินทะเลทรายแล้วก็ช่วยงานเชษฐาบริหารประเทศอัสดารานส์ให้เจริญรุ่งเรือง “ยายติยาตัวแสบ เข้าใจแซวพี่นักนะ มานี้เลย มาให้พี่ลงโทษซะดีๆ” มกุฎราชกุมารฟารีสต์แสร้งตีสีหน้าถมึงทึง ก้าวเท้ายาวๆ เข้าหาเจ้าหญิงฟาติยา นางฟ้าแสนสวยของราชวงศ์ซัลฮาบินด์ อัลวาสต์ ที่นอกจะมีใบหน้างดงามไม่แพ้พระมารดาแล้ว ยังดื้อรั้น แสบซนสุดๆ และเมื่อขนิษฐาร้องกรี๊ดวิ่งเข้าไปหลบอยู่ข้างหลังพระบิดา ใช้เรือนกายใหญ่โตของพระบิดาเป็นที่หลบกำบัง ก็รีบวิ่งเข้าไปหาพร้อมกับเอื้อมมือคว้าต้นแขนขาวเนียนของขนิษฐาคนสวย “กรี๊ด!!! ท่านพี่ฟารีสต์ ติยาไม่เล่นแล้วนะ” เจ้าหญิงฟาติยาร้องบอกรัวเร็ว ก่อนจะวิ่งหนีเชษฐาอยู่รอบๆ ตัวพระบิดากับพระมารดา พอเห็นว่าจวนตัวกำลังจะถูกเชษฐาจับได้ก็รีบเอ่ยบอกเสียงร้อนรนอีกครั้ง “ท่านพี่...ติยายอมแพ้แล้ว เลิกไล่เถอะ ติยาเหนื่อยค่ะ” เจ้าหญิงคนสวยยังหลบอยู่ข้างหลังพระบิดาเหมือนเดิม โผล่เฉพาะใบหน้างดงามคมเข้มแบบลูกครึ่งอาหรับมามองเชษฐาตอนที่เอ่ยขอร้องเสียงสั่นเพราะความเหนื่อยหอบ “ทำไมเหนื่อยเร็วนักล่ะติยา ตะกี้พี่ยังเห็นเธอร้องกรี๊ดๆ วิ่งรอบท่านพ่ออยู่เลย” มกุฎราชกุมารฟารีสต์ไม่มีทีท่าว่าจะเชื่อมารยาของขนิษฐาคนสวย เพราะเจ้าหญิงฟาติยานอกจากจะสวยน่ารักชาญฉลาดแล้ว ยังมารยาไม่มีใครเกิน เจ้าหญิงฟาติยาหันไปมองท่านพ่อท่านแม่ ก่อนจะทำตาปริบๆ ดูน่าสงสาร พร้อมกับร้องขอเสียงอ่อย เรียกรอยยิ้มได้จากผู้เป็นเชษฐา “ท่านพ่อ ท่านแม่คะ บอกให้พี่ฟารีสต์หยุดไล่ติยาหน่อยสิคะ ติยาเหนื่อยและเมื่อยขาไปหมดแล้วค่ะ” พระชายาปิณฑิรากับชีคฟาซิซต์ พระมารดา พระบิดาของมกุฎราชกุมารหนุ่มและเจ้าหญิงฟาติยา ต่างก็มองหน้ากันแล้วยิ้มกว้างและส่ายหน้ากับการเล่นหยอกล้อของโอรสธิดาของพวกตน ที่มักจะเล่นกันราวกับเด็กตัวเล็กๆ ทั้งๆ ที่จะขึ้นครองราชย์อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว “ฟารีสต์เลิกแกล้งน้องเถอะ เดี๋ยวติยาหายใจไม่ทัน จะเป็นลมเอาได้” ชีคฟาซิซต์ ผู้เป็นบิดาได้ตรัสห้ามโอรส ที่ยังคงแกล้งตีหน้ายักษ์ใส่ขนิษฐาอยู่ และหากให้เดา...พระองค์รู้ว่าเจ้าหญิงแสนสวย ซึ่งหลบอยู่ข้างหลังพระองค์ คงกำลังตีหน้าทะเล้นใส่ผู้เป็นเชษฐาอยู่เช่นเดียวกัน “จริงด้วยค่ะ เลิกแกล้งติยาได้แล้ว ติยาแสนจะบอบบางและอ่อนหวาน ขืนให้วิ่งมากๆ เดี๋ยวเป็นลมไปกองอยู่กับพื้นได้นะท่านพี่” เจ้าหญิงฟาติยารีบพยักหน้าเออออห่อหมกตามที่พระบิดาได้ตรัสออกมา แต่แทนที่จะทำสีหน้าให้ดูน่าสงสารตามน้ำเสียงที่เปล่งออกมาอย่างแผ่วเบา เจ้าหญิงกลับตีหน้าทะเล้น แลบลิ้นใส่เชษฐาพร้อมกับหัวเราะคิกอยู่ตลอดเวลา มกุฎราชกุมารฟารีสต์กลอกตาขึ้นบนอย่างเซ็งๆ เมื่อรู้ว่าพระองค์ต้องพ่ายแพ้ ให้กับความแก่นแก้วของขนิษฐาอีกแล้ว “ท่านพ่อถือท้ายแบบนี้ เดี๋ยวยายตัวเปี๊ยกก็เหลิงได้ใจหรอกครับ” น้ำเสียงที่ตรัสออกมานั้นอาจจะฟังดูเป็นการตำหนิ แต่จริงๆ แล้วมกุฎราชกุมารหนุ่ม ตรัสออกมาเพราะความรักในตัวขนิษฐาต่างหาก แม้ขนิษฐามีอายุถึง 25 ปีแล้ว แต่พระองค์ก็คิดเสมอว่าเจ้าหญิงฟาติยายังเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยที่พระองค์เคยให้ขี่คอเล่นในยามเยาว์วัย “ท่านพี่...ทำไมชอบเรียกติยาว่ายายตัวเปี๊ยก ติยาไม่ใช่เด็กแล้วนะ” ขณะเอ่ยถามแกมตัดพ้อ เจ้าหญิงฟาติยก็ก้าวออกมาจากหลังพระบิดา แล้วยกมือเท้าสะเอวจ้องมองเชษฐาอย่างหาเรื่อง มกุฎราชกุมารฟารีสต์ทรงหัวเราะร่วน ไม่ได้นึกหวาดกลัวกับท่าทางจ้องมองตาเขียวและกัดฟันดังกรอดของขนิษฐา พระองค์ก้าวเท้าเข้าใกล้เจ้าหญิงแสนสวย ที่พระองค์รักและทะนุถนอมยิ่งกว่าตุ๊กตาเจียระไนเปราะบาง จากนั้นก็จิ้มนิ้วไปบนหน้า ผากมนของขนิษฐา แล้วตรัสแซวกลั้วเสียงหัวเราะ “แม้ติยาจะเติบโตเป็นสาวแล้ว แต่ติยาก็ยังคงเป็นยายตัวเปี๊ยกของพี่อยู่เสมอ” “แล้วเมื่อไรท่านพี่จะเลิกเรียกติยาว่ายายตัวเปี๊ยก” เจ้าหญิงฟาติยาย่นจมูกใส่ เอื้อมมือไปข้างหน้าหมายจะคว้าปลายนิ้วของ เชษฐามากัดให้จมเขี้ยว ทว่าผู้ที่เป็นเชษฐารู้เท่าทัน รีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตอบกลั้วเสียงหัวเราะให้ขนิษฐาได้กระทืบเท้าด้วยความโมโห “พี่จะเลิกเรียกติยาว่ายายตัวเปี๊ยก ก็ต่อเมื่อติยาได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสแล้ว” “ฮึ! ถ้างั้นท่านพี่คงได้เรียกติยาว่ายายตัวเปี๊ยกไปตลอดทั้งชีวิตนั่นแหละ” เจ้าหญิงฟาติยาตอบกลับด้วยน้ำเสียงขุ่น จนผู้ที่เป็นพระมารดาอดถามออกมาไม่ได้ หลังจากฟังโอรสธิดาโต้เถียงกันอยู่นาน “ติยา...พูดแบบนี้แสดงว่าหนูไม่คิดจะแต่งงานเลยใช่ไหมลูก” ผู้ที่เป็นพระมารดาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล อายุล่วงเข้า 25 ปีแล้ว แต่ธิดายังไม่คิดถึงเรื่องการมีคู่ครอง เจ้าหญิงฟาติยาตีหน้ามุ่ยขณะหันมามองพระมารดา จากนั้นก็เอ่ยตอบเสียงอ่อยว่า “ติยายังไม่เห็นมีบุรุษหนุ่มจากชาติใดที่กล้าเสี่ยงลูกปืนเข้ามาจีบติยา พอทุกคนรู้ว่าติยาเป็นเจ้าหญิง เป็นขนิษฐาของท่านพี่ฟารีสต์ พวกผู้ชายเหล่านั้นก็พากันกลัวจนหัวหด ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ติยาสักคน” “ดีแล้วที่ติยาไม่เจอพวกผู้ชายขี้ขลาดเหล่านั้น เพราะหากพวกเขาปกป้องน้องสาวของพี่ไม่ได้ พี่ก็ไม่ยอมปล่อยให้นางฟ้าของพี่แต่งงานกับพวกเขาเช่นกัน” แน่นอนว่ามกุฎราชกุมารฟารีสต์ไม่มีทางปล่อยให้ขนิษฐาได้อภิเษกกับผู้ชายที่อ่อนแอไม่สามารถดูแลเจ้าหญิงแห่งแผ่นดินทะเลทรายได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม