ผู้เป็นพระบิดาได้เดินมาโอบกอดธิดา ก่อนจะตรัสบอกความคิดของพระองค์บ้าง “ฟารีสต์พูดได้ถูกต้อง หากคนที่จะมาเป็นคู่ครองของติยา ไม่แกร่งมากพอที่จะปกป้องติยาได้ พ่อก็ไม่ยอมปล่อยให้มันได้เข้าใกล้ติยาเช่นเดียวกัน บุรุษหนุ่มไม่ว่าจากชาติใด ภาษาใด ที่คิดจะมาเป็นคนรักของติยา พวกเขาต้องผ่านด่านของพ่อกับพี่ชายหนูให้ได้”
เจ้าหญิงแสนสวย ผู้ถูกพระบิดาและเชษฐาปกป้องเสียยิ่งกว่าไข่ในหิน ตีสีหน้าราวกับเซ็งจัด ก่อนจะเอ่ยตอบออกมา
“ติยาคิดว่าท่านพ่อกับท่านแม่ ต้องเตรียมคานทองไว้รอติยาแล้วค่ะ เพราะป่านนี้แล้วติยายังไม่เจออัศวินขี้ม้าขาวสักราย และคิดว่าอีก 20 ปีข้างหน้าก็คงไม่เจอเช่นกันค่ะ”
“เดี๋ยวก็เจอแล้วลูก” พระมารดาเอ่ยพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะบอกต่อว่า “พักเรื่องคู่ครองของติยาไว้ก่อนนะ ตอนนี้แม่อยากคุยเรื่องคู่ครองของฟารีสต์ก่อน”
เจ้าของนัยน์ตาสีนิลได้หันมามองพระมารดา สีหน้าบ่งบอกให้รู้ว่าไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว แต่ก็อดเอ่ยถามออกมาไม่ได้ว่า
“ทำไมหรือท่านแม่...ท่านพ่อ ท่านแม่อยากให้ผมแต่งงานแล้วหรือครับ”
“เราไปคุยกันในห้องทำงานดีไหม”
ผู้เป็นพระบิดาเสนอความเห็น เพราะไม่ต้องการให้ธิดาได้รับรู้เรื่องนี้ เพราะเจ้าหญิงฟาติยาคงขัดค้านและโวยวายไม่เลิกแน่ ถ้าหากรู้ว่าเจ้าหญิงจากชาติใดกำลังจะมาเป็นชายาของเชษฐา
“ถ้ายังงั้นเชิญท่านพ่อกับท่านแม่ที่ห้องทำงานครับ”
มกุฎราชกุมารฟารีสต์ผายมือเชิญพระบิดาพระมารดา พอขนิษฐาคนสวยทำท่าจะก้าวตามไปด้วย ก็รีบขวางทางไว้ ก่อนจะส่งสัญญาณให้องครักษ์อัสรัสส์ได้เข้ามาจับตัวเจ้าหญิงไว้
“ติยา” ผู้เป็นเชษฐาเรียกเสียงทุ้มลึก ดวงตาสีนิลขึงมองคนตรงหน้าเขม็ง ก่อนจะสั่งห้ามเสียงเข้ม “งานนี้น้องไม่เกี่ยว ห้ามเข้าไปในห้องทำงานของพี่และห้ามแอบฟังด้วย”
เจ้าหญิงฟาติยาถึงกับตีหน้ามุ่ยด้วยความขัดใจเมื่อถูกเชษฐาดักคออย่างรู้เท่าทัน “ฮึ! ไม่เห็นจะอยากรู้เลย ติยาไปขี่ม้าเล่นก็ได้ค่ะ”
ว่าแล้วเจ้าหญิงแสนสวยก็สะบัดหน้าหนี ก่อนจะกระแทกเท้าเดินออกจาก
ตำหนักของผู้เป็นเชษฐา และเมื่อเดินพ้นจากตำหนักแล้ว เจ้าหญิงฟาติยาก็บ่นอุบถึงเรื่องที่คุยกับพระบิดาพระมารดาในก่อนหน้านี้กับหญิงรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ว่า
“เฮ้อ...ไม่มีใครกล้าจีบติยาหรอก พวกผู้ชายกลัวจนหัวหดเมื่อได้ยินชื่อของชีคฟารีสต์”
คำบ่นของเจ้าหญิงฟาติยาทำให้ ‘ไลลา’ หญิงรับใช้ของเจ้าหญิงต้องลอบอมยิ้มและให้คำแนะนำแกมสัพยอกเจ้าหญิงว่า
“เจ้าหญิงลองไปขอพรในค่ำคืนที่ดวงจันทราเต็มดวงไหมคะ”
เจ้าหญิงฟาติยาหันมามองไลลาที่เดินตามอยู่ใกล้ๆ พลางเอ่ยแก้ไขคำพูดของหญิงรับใช้ว่า
“เราก็อยากไปขอพรกับเจ้าแห่งรัตติกาลเหมือนกัน แต่ในคืนนั้นคงมีนักท่อง
เที่ยวขึ้นไปบนวิหารเป็นจำนวนมาก เราไม่อยากไปเบียดเสียดกับนักท่องเที่ยว”
“ถ้ายังงั้นก็สั่งให้องครักษ์ปิดวิหารสักหนึ่งหรือสองชั่วโมงก็ได้ เพื่อให้เจ้าหญิงได้ขึ้นไปขอพรเพียงลำพังคนเดียว”
ไลลาแสร้งให้คำแนะนำ รู้ว่าเจ้าหญิงฟาติยาไม่มีทางทำตามคำแนะนำของเธอเด็ดขาด และก็เป็นจริงดั่งที่คิด เมื่อเจ้าหญิงได้ส่ายหน้าปฏิเสธและบอกว่า
“ไม่เอา เราไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด เพราะวิหารศักดิ์สิทธิ์จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมแค่ปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น และให้เข้าชมได้แค่เจ็ดวัน ในคืนที่พระจันทร์เต็มดวงจะมีนักท่องเที่ยวมากที่สุด หากเราสั่งให้องครักษ์ปิดวิหารเพียงเพื่อเข้าไปขอพรกับเจ้าแห่งรัตติกาล คงทำให้นักท่องเที่ยวอีกหลายๆ คนหมดโอกาสได้ขึ้นไปบนวิหาร และคงทำให้นักท่องเที่ยวผิดหวังเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาต่างก็เดินทางมาประเทศของเราเพื่อรอวันนี้เท่านั้น เราจะไม่ทำให้นักท่องเที่ยวต้องโกรธและเกลียดเราคนที่เป็นเจ้าหญิงของแผ่นดินทะเลทราย”
เจ้าหญิงฟาติยาไม่ต้องการทำตามคำแนะนำของไลลา แม้มีอำนาจมากพอที่จะสั่งการกับองครักษ์ก็ตามที เพราะเจ้าหญิงรู้ว่ามีนักท่องเที่ยวหลายร้อยคนที่เฝ้ารอที่จะได้ชมวิหารอันศักดิ์สิทธิ์หนึ่งเดียวบนแผ่นดินทะเลทราย และหนุ่มสาวที่ยังไร้คู่ต่างก็อยากขึ้นไปขอพรกับดวงจันทราบนวิหารแห่งนี้ เพราะเป็นที่กล่าวขานกันมานานนับร้อยๆ ปีแล้วว่า สาวโสด หนุ่มโสดคนใดได้ขึ้นมาขอพรกับเจ้าแห่งรัตติกาลบนวิหารศักดิ์สิทธิ์ในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง จะสมหวังในพรที่ขอทุกประการ...
ซึ่งหลังจากกลับประเทศของตนแล้ว หนุ่มสาวเหล่านั้นมักมีการเขียนเล่าขานต่อๆ กันพร้อมกับลงรูปที่ถูกขอแต่งงาน ส่วนฝ่ายชายก็ลงรูปที่ตนพบเนื้อคู่กระทั่งขอแต่งงาน หรือบ้างก็ลงรูปงานแต่งงาน พร้อมกับเขียนบรรยายว่าได้พบเนื้อคู่หลังจากได้ขอพรกับดวงจันทราบนวิหารศักดิ์สิทธิ์ในประเทศอัสดารานส์
“ถ้าเจ้าหญิงไม่ต้องการให้มีการปิดวิหาร ไลลาคิดว่าเราไปขอพรในวันนี้ไหมคะ แม้การขอพรในช่วงกลางวันอาจจะไม่ศักดิ์สิทธิ์เหมือนการขอพรในตอนดวงจันทร์เต็มดวง แต่อย่างน้อยเจ้าหญิงก็ได้ขึ้นไปขอพรให้พบเนื้อคู่แล้ว”
เจ้าหญิงฟาติยาส่ายหน้าโบกมือปฏิเสธว่อนกับคำแนะนำอีกครั้งจากไลลา
“ไม่เอาดีกว่า เรายังไม่รีบเรื่องการมีคนรัก อีกอย่างคงไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าเข้ามาจีบเรา เพราะนอกจากเราจะเป็นธิดาของแผ่นดินทะเลทรายแล้ว ยังมีพี่ฟารีสต์ที่หวงเรามาก คงไม่มีใครกล้าฝ่าดงลูกปืนมาจีบเราหรอก”
“แต่ไลลาคิดว่าต้องมีค่ะ เพียงแค่ยังไม่ถึงเวลา หรือยังไม่ถึงโอกาสที่เขาจะมาหาเจ้าหญิงก็เท่านั้นเองค่ะ” ไลลามั่นใจซะเหลือเกินว่าเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ ต้องพบกับเนื้อคู่และรักแท้ในเร็ววันนี้
ทว่าเจ้าหญิงฟาติยากลับหัวเราะและเอ่ยพูดลอยๆ กลั้วเสียงหัวเราะร่วนว่า
“ไม่มีหรอกน่า...ไลลา ก็เราบอกแล้วว่าไม่มีผู้ชายหน้าไหนกล้าจีบเราหรอก”
เจ้าหญิงฟาติยาเอ่ยออกมาด้วยความมั่นใจ คิดว่าจะต้องเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน แต่เจ้าหญิงหารู้ไม่ว่าอีกไม่นานเกินรอ ก็จะมีอัศวินผู้ใจกล้าเสี่ยงลูกปืน ได้ขี่ม้าขาวเข้ามาในชีวิตของเจ้าหญิง...