บทที่ 1
ร้อยรักแห่งผืนทราย เป็นนิยายภาคต่อจากเรื่อง เจ้าหัวใจแห่งชีค และ เปลวไฟรักแห่งชีค
+++++++++++++++++++
ภูริช วิชชุกร นักธุรกิจหนุ่มชื่อดัง ซึ่งเป็นที่รู้จักในวงการธุรกิจว่า ‘ภูริช’ คือเจ้าพ่อแห่ง คิง ออฟ พาราไดซ์ (King off Paradise) ผู้กุมบังเ**ยนธุรกิจส่งออกอัญมณีล้ำค่าไปจำหน่ายทั่วโลก ได้นั่งจ้องมองจิลลาภัทร น้องสาวเพียงคนเดียวเขม็ง ขณะออกคำสั่งแกมกำชับน้องสาวว่า
“พี่ไปประชุมและเอาเครื่องประดับไปโชว์ที่ประเทศอังกฤษสองอาทิตย์ จันทร์เจ้าดูแลตัวเองให้ดี ห้ามหนีเที่ยว โดยเฉพาะไปเที่ยวแถบตะวันออกกลางที่พี่ห้ามนักห้ามหนา คือประเทศอัสดารานส์”
จิลลาภัทร หรือที่ถูกพี่ชายเรียกด้วยชื่อเล่นว่า ‘จันทร์เจ้า’ แต่ตีหน้ามุ่ยกับคำสั่งห้ามของพี่ชาย และก็อดเอ่ยถามออกมาไม่ได้ เพื่อให้คลายความสงสัยที่วิ่งอยู่ในหัว
“ทำไมต้องห้ามไม่ให้จันทร์เจ้าไปประเทศอัสดารานส์ด้วยคะ จันทร์เจ้าอยากไปเที่ยวประเทศนี้ เป็นที่เล่าลือในหมู่นักท่องเที่ยวว่าทะเลทรายในประเทศอัสดารานส์สวยมาก สวยติดอันดับต้นๆ ของทะเลทรายทั่วโลกเลยก็ว่าได้ค่ะ”
ภูริชตีสีหน้าขึงขังใส่น้องสาว หลังจากได้ยินคำพูดที่เอ่ยชื่นชมแผ่นดินทะเล
ทรายแห่งนี้
“ประเทศอัสดารานส์ไม่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิงอย่างจันทร์เจ้า นั่นคือเหตุผลที่พี่ไม่ให้จันทร์เจ้าไป น้องจะไปเที่ยวยุโรป เอเชีย แอฟริกา หรือที่ไหนก็ได้ยกเว้นประเทศอัสดารานส์”
จิลลาภัทรยังตีหน้าหงิกงอกับคำสั่งห้ามของพี่ชาย และก็แย้งกลับคืนตามที่ตนเองได้สืบเสาะหาข้อมูลมาว่า
“พี่ตะวันได้ข้อมูลผิดแน่เลยค่ะ เพราะจันทร์เจ้าอ่านมาหมดแล้ว ทุกคนบอกว่าประเทศอัสดารานส์ปลอดภัยมากๆ ค่ะ ผู้หญิงไปเที่ยวคนเดียวก็ปลอดภัยค่ะ”
“พี่บอกไม่ให้ไปก็ห้ามไปสิ”
ภูริชออกคำสั่งห้ามเสียงแข็งอีกครั้ง ไม่สนใจสีหน้าหงิกงอด้วยความไม่พอใจ
ของน้องสาว แน่นอนว่าเขามีเหตุผลส่วนตัวที่ห้ามไม่ให้จิลลาภัทรไปยังดินแดนทะเล
ทรายแห่งนี้
“แต่จันทร์เจ้าอยากไปนี่คะ” จิลลาภัทรย้ำถึงความต้องการของตน พร้อมทั้งพยายามโน้นน้าวพี่ชายได้คล้อยตามเธอด้วย
“นักท่องเที่ยวที่เคยไปเที่ยวประเทศอัสดารานส์ต่างก็เล่าปากต่อปากว่า ทะเลทรายที่นี่มีคลื่นทะเลทรายสวยที่สุด มีโอเอซิสถึงสองแห่งให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความงดงาม และนักท่องเที่ยวเล่ากันว่า หากใครได้เข้าไปในวิหารศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเปิดให้ราษฎรหรือนักท่องเที่ยวได้เข้าไปสักการะแค่ปีละครึ่ง แล้วได้ยืนบนหอคอยสูงสุดของวิหารในคืนพระจันทร์เต็มดวง พร้อมกับอธิษฐานให้พบกับเนื้อคู่ คนที่อธิษฐานจะสมหวังทุกคนเลยค่ะ”
“มันก็แค่คำเล่าลือ”
ภูริชเอ่ยค้าน ไม่ได้เชื่อในคำพูดที่น้องสาวเอ่ยบอกด้วยแววตาเคลิ้มฝัน
“ถ้าอยากไหว้พระขอพรให้เจอเนื้อคู่ ก็ไม่ต้องถ่อไปไกลถึงทะเลทราย จันทร์เจ้าไปขอพรใกล้ๆ ตัวเราเลยคือในกรุงเทพฯ หรือจะไปฮ่องกง ญี่ปุ่นก็ได้ พี่ไม่ค้านสักคำ แต่พี่สั่งห้ามไม่ให้ไปประเทศอัสดารานส์ ชัดเจนนะจันทร์เจ้า”
ภูริชขึงตามองขณะสั่งห้ามน้องสาวอีกครั้ง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าถึงเวลาที่ต้องเดินทางไปสนามบินแล้ว ร่างใหญ่ก้าวเดินเข้าหาน้องสาว กดจูบบนศีรษะปกคลุมด้วยเส้นผมยาวสลวย และสั่งกำชับเป็นครั้งสุดท้ายว่า
“ห้ามไปประเทศอัสดารานส์ โอเคนะจันทร์เจ้า พี่ต้องไปสนามบินแล้ว ไม่ยังงั้นได้ตกเครื่องแน่”
“ค่ะ พี่ตะวัน จันทร์เจ้าเข้าใจแล้วค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ”
จิลลาภัทรลุกขึ้นยืนและกอดร่างใหญ่ของพี่ชายไว้ ไม่ได้ไปส่งพี่ชายที่สนามบิน เพราะพี่ชายเดินทางไปต่างประเทศบ่อย และเป็นการสะดวกมากกว่าหากจะไปสนาม
บินด้วยตัวเอง
“ขอบใจมากที่รับปากพี่”
ภูริชตบเบาๆ บนแผ่นหลังของน้องสาว และใช่ว่าจะเดินออกจากบ้านในทันที เพราะชายหนุ่มได้หันไปสั่ง ‘นวินดา’ คนที่เป็นทั้งเพื่อนรักและเป็นเลขาส่วนตัวให้กับน้องสาวของเขา
“วินด้าดูแลจันทร์เจ้าให้ดีด้วย ห้ามพากันหนีเที่ยว เข้าใจไหม”
นวินดายิ้มเจื่อนๆ ขณะพยักหน้ารับคำภูริช “ค่ะพี่ตะวัน วินด้าจะดูแลจันทร์เจ้าเองค่ะ พี่ตะวันไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
ภูริชพยักหน้าด้วยความโล่งอกบ้าง หลังจากได้ยินนวินดารับคำสั่งของเขา จาก
นั้นก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นตรงไปยังรถยนต์ซึ่งคนขับได้เปิดประตูรถรออยู่แล้ว พอเข้ามานั่งในรถยนต์ ก็เอนกายพิงพนักเบาะรถพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยอมรับว่ายังเป็นห่วงจิลลาภัทร และยังหวั่นว่าน้องสาวจะแอบหนีไปเที่ยวประเทศอัสดารานส์
แน่นอนว่าเขามีเหตุผลส่วนตัวที่สั่งห้ามไม่ให้จิลลาภัทรไปเที่ยวยังแผ่นดินทะเลทรายสีทองแห่งนี้ เพราะมีใครบางคนขู่อาฆาตเขาไว้ และคำขู่นั้นก็ยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทตลอดเวลา
‘ดูแลน้องสาวให้ดีๆ นะไอ้ตะวัน ไม่ยังงั้นน้องสาวของนายได้ตกเป็นของเล่นของเราแน่’
มันคือคำขู่ของ ‘ชีคฟารีสต์ ซัลฮาบินด์ อัลวาสต์’ ที่ได้ขู่เขาไว้ตอนที่เขากับท่านชีคมีเรื่องบาดหมางใจกันระหว่างเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยชิคาโก เมืองชิคาโก ในรัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเขาเชื่อว่าชีคฟารีสต์ไม่ได้แค่ขู่เท่านั้น แต่ชีคจอมยียวนและมีอำนาจจะทำตามคำขู่แน่นอน หากจิลลาภัทรเดินทางไปประเทศอัสดารานส์ และชีคฟารีสต์จะลงมือในทันทีที่รู้ว่าจิลลาภัทรคือน้องสาวของคู่แค้น คู่อาฆาตอย่างเขา
และแค่เพียงนึกถึงคำขู่ของชีคฟารีสต์ก็ทำให้ภูริชขนหัวลุกชันขึ้นมา และก็อดบ่นอุบถึงน้องสาวเพียงคนเดียวไม่ได้ว่า
“เฮ้อ...จันทร์เจ้าจะเชื่อฟังคำสั่งของพี่ไหมเนี่ย”
บ่นออกมาแล้วภูริชก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่กล้าฟันธงว่าจิลลาภัทรจะเชื่อฟังคำสั่งห้ามของเขา ซึ่งเขานึกภาพไม่ออกว่าแผ่นดินที่มีทะเลทรายเกือบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของประเทศจะสวยตรงไหน นอกจากเต็มไปด้วยความแห้งแล้ง มองไปทางไหนก็เห็นแต่ตึกราบ้านช่องเป็นสีอิฐปูน ไม่ได้เจริญหูเจริญตาแม้แต่นิดเดียว แต่ทำไมจิลลาภัทรถึงได้อยากไปเที่ยวประเทศนี้นัก ซึ่งเธอได้อ้อนวอนขออนุญาตเขาหลายปีแล้ว แต่เขาไม่อนุญาตให้ไป และนอกจากประเทศอัสดารานส์จะมีแต่ทะเลทรายแล้ว ยังมีผู้ปกคอรงแผ่นดินอย่างชีคฟารีสต์ ซัลฮาบินด์ อัลวาสต์ ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเขามานานหลายปีแล้ว
“หวังว่าจันทร์เจ้าจะเชื่อฟังคำสั่งของพี่สักครั้ง”
ภูริชยังคงบ่นถึงน้องสาวไม่มีหยุด เขารักและห่วงจิลลาภัทรมาก หลังจากบุพการีทั้งสองเสียชีวิตลง เขาก็ทำหน้าที่เป็นทั้งแม่ พ่อ และพี่ชายให้กับจิลลาภัทร จึงรักและหวงน้องสาว กลัวว่าน้องสาวจะเจอราชสีห์ที่ร้ายกาจอย่างเจ้าแห่งทะเลทรายที่ชื่อชีคฟารีสต์