ตอนที่ 5

1645 คำ
“ตอนนี้ยังไม่พร้อมหรอก” “งั้นพร้อมเมื่อไหร่ ก็ตั้งแก้วน้ำเปล่าทิ้งไว้ จุดธูปบอกปู่ ปู่จะมาและพาไปยังที่อยู่ของปู่” เขาตื่นเต้นเมื่อได้ฟังคำนี้ อยากจะไปเห็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของปู่นาคเหมือนกันว่าจะเป็นแบบไหน สวยสดงดงามแค่ไหน จึงพยักหน้ารับ แต่ก็สงสัย “ทำไม ต้องตั้งแก้วน้ำเปล่าล่ะปู่” “เพราะน้ำเป็นสัญลักษณ์แทนตัวนาคอย่างปู่ เป็นสภาวะที่จะรองรับได้ในภพของปู่” ขับไปจนถึงใกล้คอนโด ร่างของชายชราก็ปลาสนาการหายวับไปกับตา จนธกฤตส่ายหน้า การจะมาจะไปที่ไม่ได้บอกกล่าวของผู้เฒ่าชราอายุเป็นพันปี ที่ไม่ใช่มนุษย์ ถึงคอนโด เขาจึงนำรถเข้าจอด ถือกุญแจขึ้นลิฟต์ เพื่อกลับไปพักผ่อนสักที คราวนี้รู้สึกทั้งเมื่อยและเพลียจัด ดีที่ได้รับประทานอาหารจากบ้าน ความหิวจึงไม่มี แต่ที่แน่ๆ ธกฤตคิดว่า เขาคงหลับเป็นตายคราวนี้ “เจณสิก พากันมาแถวนี้อีกครั้งดีไหม” เสียงเรียกของสหาย ท่ามกลางแผ่นน้ำสีมรกตเบื้องหน้า ทั้งสองกลายเป็นภาพบุรุษรูปงาม สิ่งที่แสดงสัญลักษณ์ประจำตัวบางอย่าง คือลักษณะมงกุฎที่เหมือนรูปงู สวยงามสีทองอร่าม หากแววตาของทั้งคู่เปล่งทั้งอำนาจและอานุภาพ ไม่บ่อยครั้งนักที่ทั้งคู่จะก้าวไกลพ้นจากอาณาเขตที่อยู่อาศัย ถึงแม้ภพนี้จะเป็นเขตคามเดียวกัน แต่ก็กว้างเหลือเกิน มีหลายเมือง ครอบคลุมปกคลุมไปทั่วทั้งลำน้ำโขง และล่วงก้าวเข้าไปในเขตของจังหวัดหนองคายทุกตารางพื้นที่ แต่อาณาจักรแห่งนี้เป็นทิพย์ เป็นลักษณะผลึกแก้ว ลึกลงใต้แผ่นดินหนึ่งโยชน์ หรือ ยี่สิบกิโลเมตร ความหยาบกระด้างใดๆผ่านเข้ามาไม่ได้ แข็งดั่งเพชรแต่มีความละเอียดโปร่งใส การจะออกพ้นจากอาณาเขตต้องคำนึงถึงอันตรายด้วย “เรานึกถึงเมื่อคราวก่อน ที่วิษธรตาย ความลับนั้นยังอยู่กับเราบัดนี้ เจณสิก เรากับท่านรู้ด้วยกัน ความลับยังคงเป็นความลับตลอดไปนิรันดิ์ ถ้าวิษธรจะไม่มาขัดขวางเรา อาจจะมีชีวิตยืนยาวมากกว่านี้” สองหนุ่มในกายรูปงามเอ่ยคุยด้วยกัน นี่คือสัญลักษณ์แห่งภพภูมิที่เขาอาศัยอยู่ นอกเมืองที่พวกเขาอาศัย พากันเที่ยวท่องไปเรื่อย ต่างจะไม่พากันพูดถึงเรื่องนี้อีก ไม่งั้นจะเป็นความวิบัติฉิบหายของทั้งคู่ ถ้าผู้ปกครองเขตแดน เป็นนาคาธิบดี หรือท่านพญาสูงสุดรับทราบเรื่อง พญาสูงสุด คือ ท่านโอฆินทร์นาคราช เป็นประมุขแห่งนาคทั้วปวงในเขตลุ่มแม่น้ำโขง ตระกูลพญานาคราชสายของวิรูปักษ์ ที่มีผิวกายสีเหลืองดั่งทอง เป็นที่เกรงขามแก่หมู่ประชากรชาวนาค ซึ่งท่านมีบุญหนักศักดิ์ใหญ่อำนาจบารมี จุติมาในภพนี้ด้วยอำนาจบุญยฤทธิ์ ประเภทโอปาติกะ กำเนิดเกิดมาเติบโตในทันที มีสถานะกึ่งเทวดา ประทับอยู่ในวิมานที่อุบัติด้วยบุญญฤทธิ์ แต่ครั้งเมื่อยังเป็นมนุษย์ วิมานนั้นเป็นรัตนมณี ประกอบไปด้วยปราสาทเงินปราสาททองปราสาทแก้ว และคลังมหาสมบัติอันมหาศาล กอบด้วยเพชรนิลจินดา อันหาค่ามิได้ และสระโบกขรณีที่ใสสะสะอาดและวิจิตรตระการตาพร้อมด้วยอุทยานดอกไม้สวนร่มรื่นประทับใจ และไม่มีพื้นหญ้า เป็นพื้นทรายละเอียด แต่ฟากฝั่งเขตลาว ก็มีพญานาคชนชั้นปกครองหรือนาคาธิบดีเช่นกัน คือ พญาสัตตนคหุต ผู้มีเศียรทั้งเจ็ด พญานาคตระกูลเอราปัถ ผู้มีกายสีเขียวหรือมรกต นอกจากนั้นก็ยังมีเขตเมืองปกครองของ เจ้าแม่สองนาง ก็บริวารของนางเป็นหญิงทั้งหมด เจ้าแม่สองนางเป็นอดีตราชธิดาของกษัตริย์ลาว ที่บรรทุกเอาทรัพย์สินของมีค่าข้ามลำน้ำโขง ขณะบ้านเมืองเกิดภัยสงคราม มีการก่อกบฏในชั้นราชวงศ์ แต่อุบัติเหตุเรือของราชธิดากษัตริย์ ล้มคว่ำ กลางแม่น้ำโขง ทั้งสองราชธิดาเลยจบชีวิต กระแสบุญจากอดีตชาติที่ร่วมสั่งสมมา ในเรื่องการใฝ่บุญทานตลอดมา ทำให้ละจากภพภูมิเดิม เป็นธิดานาคราช ผู้มีฤทธิ์ ปกครองเขตเฉพาะนาคมาณวิกา ไม่มีนาคบุรุษเข้ามาปะปน จึงมีชื่อว่า เจ้าแม่สองนางที่เลื่องลือกล่าวขาน ชาวเรือชาวประมงต้องกราบไหว้ขอพรทุกครั้งยามออกเรือแล่นไปในโขง ด้วยเชื่อว่า เจ้าแม่จะให้ความคุ้มครองโดยสวัสดิภาพ “เราจะไม่ทำตัวให้เป็นที่สงสัยของใคร เจณสิก ท่านอย่ากลัวเลย ไม่มีใครล่วงรู้เรื่องนี้ ท่านกับเราอย่าทำตัวให้มีพิรุธเด็ดขาด” เสียงเอ่ยนั้นขาดหาย กับคำพยักหน้าของหนุ่มรูปงามแปลกประหลาดดุจเทพยดา นามว่าเจณสิก “ได้ ท่านวาตะ ข้าจะเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวตราบนิรันดิ์ตลอดไป ไหนๆวิษธรก็ตายไปแล้ว ความลับไม่มีใครรู้ ใครหน้าไหนก็เอาผิด พวกเราไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐาน นาคทั่วไปกลับคิดด้วยซ้ำว่า วิษธรแส่หาเรื่องเอง จึงพบจุดจุดให้สุบรรณฉีกทึ้งกินจนตาย” “เหลือแต่พระธิดาอัจมุขีที่ไม่สนใจเรา แม้ว่าวิษธรจะตายไปแล้ว นางก็ไม่เปลี่ยนใจจากมัน จนนางต้องตรอมใจตาย ตามมันอีก ฟ้าดินช่างไม่ยุติธรรมกับความรักของข้าเลย” เป็นคำบ่นเปรยของผู้กลัดกลุ้มด้วยทุกข์ของนาคกัณหาโคตรนาม วาตะ จู่ๆทั้งคู่ก็โผตัวลงสู่คลองน้ำใสเบื้องหน้า ภาพที่เห็นคืองูยักษ์สีดำมหึมา น่าเกลียดน่ากลัว ลักษณะตัวโตเท่าลำต้นตาล แทรกตัวผุดโผล่อยู่กลางธารน้ำในลักษณะว่ายแหวก จนบริเวณนั้นเป็นคลื่นวังน้ำวนขนาดใหญ่ สถานที่ของปู่นาค ที่ธกฤตได้มาเยือนในอีกห้าวันต่อมา ซึ่งเสร็จภารกิจทุกอย่าง ปู่นาคหรือมหิทธานาค ได้เข้ามาหาเขาถึงในคอนโด และพาเขาล่องลอยหายวับ หลังจากปู่นาคบริกรรมเป็นภาษาบาลี บัดดลธกฤตและปู่มหิทธานาค ก็มาอยู่ท่ามกลางความร่มรื่น ธกฤตไม่รู้ว่าเป็นที่ใด หลังจากเขาลืมตาขึ้นกวาดมองไปทั่ว “นี่ล่ะที่อยู่ของปู่” เสียงแว่วดังนั้นใกล้หูเขา ปู่นาคอยู่ในชุดแต่งองค์เหมือนเครื่องทรงกษัตริย์โบราณ ปลายรองเท้างอนสีทอง เครื่องแต่งกายระยิบระยับวับวาวดุจอาภรณ์ทิพย์ มีเครื่องประดับเป็นสังวาลแก้ว และที่ศรีษะสวมมุงกฎเล็กรูปงู นำพาร่างของเขาไปยังปราสาทขนาดใหญ่เหมือนกับมณฑปที่ครอบพระธาตุ สว่างไสว “นี่ปู่อยู่คนเดียวหรือ” “ใช่สิ ไอ้หนู” สถานที่ธกฤตเห็นอยู่เบื้องหน้าเหมือนพื้นในเมืองมนุษย์มีแต่เพียงหญ้า มีสระน้ำสวนร่มรื่น น้ำนั้นใสแจ๋ว ที่พักเข้าไปข้างในเป็นเหมือนปราสาทไม่ใช่ถ้ำ ลักษณะคล้ายมณฑป ซ้ำยังผุดกระจ่างเป็นสีทองเรื่อเรืองตลอดเวลฃา เครื่ององค์ที่เปลี่ยนไปของปู่เช่นกัน “ปู่ดูเท่ดีเหมือนกษัตริย์โบราณ” เข้าไปข้างในเป็นโถงกว้าง เป็นแก้วผลึก มีรัศมีส่องประกาย เตียงที่นอนสวยงามสลักเสลา ม่านแพรวพราวเป็นเงินทองและโปร่งใส “น่าอยู่นะปู่ แล้วนี่ปู่สร้างเองเหรอ” ฉงนแล้วหันมาถามปู่นาค ชายชราผู้มีอำนาจส่ายศีรษะ “ไม่หรอกเป็นเพราะบุญฤทธิ์ ที่ติดตัวมา เมื่อปู่ทำบุญอยู่ในโลกมนุษย์ ของพวกนี้อุบัติมาจากบุญที่ปู่สร้างทำเอาไว้ จะเรียกว่าวิมานก็ไม่มีผิด นาคประเภท สังเสทชะอย่างปู่ เกิดในที่หมักหมม ชื้นแฉะ เกิดแล้วเป็นตัว มีอายุยืนนานนะ เป็นหมื่นกว่าปี ที่ปู่ต้องเฝ้าสถานที่เพราะคำบัญชาขององค์พระยานาคราช รอจนกว่าจะมีผู้มาใหม่จะมาทดแทน ปู่ถึงได้ไปจากที่แห่งนี้ แต่คงจะนาน” เรื่องเล่าของชายชราที่มีอายุสองพันกว่าปีแล้วในปัจจุบัน “ทราบว่าพญานาคมีถึงสี่ตระกูล” เมื่อหลานถามแบบนี้ผู้เป็นปู่หัวร่อ แล้วก็เงียบ “เจ้าถามเพราะความสงสัยที่เกิดขึ้น เมื่อไม่นานมานี้เจ้าก็มีชาติกำเนิดเหมือนปู่” “ปู่จัดว่าอยู่ในตระกูลไหน” ปู่ยิ้มอีกครั้ง “ลองทายสิ” “ถ้าให้ผมทาย ปู่มาทุกครั้งตัวปู่ใหญ่น่ากลัวแถมมีสีดำมะเมื่อม ปู่ต้องอยู่ในตระกูล กัณหาโคตร ใช่หรือเปล่า” “ผิด” คำตอบจากปู่ “อ้าว ผิดได้ไง” “งั้นให้ทายอีกครั้ง” ปู่ถาม แต่เขายังยืนยันคำเดิม “ก็เหมือนเดิม เพราะตัวปู่เป็นสีดำ” “เอราปัถ”คำตอบจากปากชายชราอายุสองพันกว่าปี เขาตกใจ “ฟังนะ พญานาคจะแปลงตัวเป็นอะไรก็ได้ แต่สายตระกูลของปู่เป็นเอราปัถ” ยังนิ่งงง เมื่อรู้ว่าการคาดเดาของเขาผิด “เอราปัตมีกายเป็นสีเขียวหรือมรกต” “อยากเห็นไหมล่ะ ปู่ทำให้ได้” ภายในวิมานนั้นฉับพลันร่างของชายชราในชุดทรงเครื่องดุจเทพ ก็บัดดลเปลี่ยนไปเป็นพญานาคลำตัวสีเขียว ใหญ่จนแทบจะคับวิมานที่อยู่ มองเห็นแล้วธกฤตขนลุกซู่อีกครั้ง น่าเกรงขาม จากแววตาสีแดงเท่าไข่ไก่ บนหัวมีหงอนสีแดงฉาน ที่คอมีลักษณะเหมือนแผงม้า เกล็ดตามลำตัวเป็นสีเขียวมรกตวับวาว ชูคอมองจ้องอยู่เหนือเพดาน ลำตัวยาวร้อยกว่าเมตร หางนั้นยาวไปจนถึงสระน้ำที่ดูร่มรื่นของดอกบัว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม