"ไม่ได้หวั่นไหว แล้วหลบตาทำไม"
"ใครจ้องกันขนาดนี้ ก็ต้องหลบตาทั้งนั้นแหละค่ะพี่ธีร์ นิสัยไม่ดีเลยนะคะ!" ผมยกยิ้มอย่างแซวๆ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของมะปรางที่เหมือนกำลังเขินผมอยู่ เพราะยัยบ๊องนี้บอกว่า ไม่ได้หวั่นไหวหรอกนะคะ แต่พอจ้องตาไปนานๆ เธอกลับหลบสายตาซะงั้น ผมส่ายหัวเบาๆก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเล่นเกมส์ แต่ก็โดนมะปรางรั้งข้อมือเอาไว้ก่อน
"หื้ม?" ผมเลิกคิ้วถาม ก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างรู้ทัน
"พี่ธีร์ช่วยหน่อยยสิ ได้มั้ยยยย" มะปรางทำหน้าออดอ้อนก่อนที่จะยื่นชีทคณิตให้ผม ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ไอ้ชีทคณิตนี้ประมาณ 99% หรือไม่ก็ 100% ผมเป็นคนทำ
"ทำเองสิ"
"พี่ธีร์อ่าาา ช่วยหน่อยได้มั้ยยย" ไอ้ท่าทางออดอ้อนแบบนี้ผมจะได้เห็นก็ต่อเมื่อมะปรางทำคณิตไม่ได้เท่านั้นล่ะ แต่ก็อดจะเอ็นดู ผมเอื้อมมือไปลูบหัวน้องเบาๆอย่างลืมตัว จนแอบชำเลืองเห็นเด็กสาวที่กำลังหน้าแดงอยู่
"หึ! นี่ขนาดไม่หวั่นไหวนะเนี้ย หน้าแดงมากเลยนะ"
" *O* "
"เอาวางไว้นี่แหละ เดี๋ยวพี่ทำให้" ผมพูดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น เพราะว่าเหมือนวันนี้จะแกล้งน้องมากแหละ เขินนั่งบิดเป็นเกลียวเลย
"อะ...เอ่ออค่ะๆ พี่ธีร์คะ พี่ธีร์ว่าความมันดีจริงมั้ย"
"ทำไมถามพี่แบบนี้อ่ะ"
"ไม่รู้สิคะ ก็แค่สงสัยหน่ะค่ะ ถ้าเรารู้สึกว่าเราอยากเจอใครสักคนทุกวัน ถ้าเขาไม่มาหรือเราไม่เห็นเขาเราก็มักจะกระวนกระวายใจว่า ตอนนี้เขาทำอะไรอยู่ทำไมเขาถึงไม่มา"
"...."
"รู้สึกว่า....อยากมีเขาตลอดไป แบบนี้เรียกว่าความรักมั้ย" มะปรางพูดด้วยเสียงเรียบๆ แต่ไอ้สายตาที่จ้องมาทางผม คือน้องกำลังจะสื่อถึงอะไรหรือป่าว ที่สำคัญผมเขินทำไมก่อน สติหน่อยสิไอ้ธีร์!
"ทำไมอ่ะ ปรางรู้สึกแบบนั้นกับใคร"
"ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แค่ถามเผื่อไว้ เพราะว่า ถ้ามีความรักแล้วเราต้องกระวนกระวายแบบนั้นมันดีจริงๆหรอคะ เหมือนเราจะขาดเขาไม่ได้ เหมือนเราจะตาย...ถ้าต้องเห็นเขาไปกับคนอื่น อะไรแบบนั้นหน่ะค่ะ"
"พี่ก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่พี่รู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนนึงแล้วพี่ก็เรียกมันว่า ความรัก แต่ความรักของพี่มันต้องรอก่อน เธอก็เลยยังไม่รู้ว่า พี่รักเธออยู่ แต่การที่รอเธออยู่ตรงนี้ไม่ได้แปลว่าพี่จะปล่อยเธอไปกับคนอื่น เพราะมันก็เป็นอย่างที่ปรางบอกว่า เหมือนเราจะตายให้ได้ตรงนั้นเวลาเห็นเขาอยู่กับคนอื่น"
"แสดงว่า ผู้หญิงคนนั้นคงโชคดีที่สุดในโลก เพราะว่าพี่ธีร์น่ารัก ถึงจะดูเจ้าชู้ไปหน่อยแต่ปรางว่า พี่ธีร์ต้องดูแลเธอดีแน่ๆ" ผมมองมะปรางด้วยความอึ้งๆนิดหน่อย ผมไม่คิดว่า เธอจะพูดออกมาแบบนั้น ปกติน้องจะไม่ใช่คนพูดอะไรแบบนั้นเท่าไร ด้วยความที่ติดอยู่ในภวังค์ของห้วงความคิดทำให้ผมเผลอพูดบางอย่างออกไปอย่างไม่ได้ตั้งตัว
"แล้วอยากเป็นผู้หญิงคนนั้นมั้ยล่ะ"
"หื้ม?"
"ป่าว ไปทานข้าวกันเถอะ" ผมรีบลุกแล้วเดินไปที่ห้องอาหารทันทีเพราะเหมือนผมจะเผลอพูดบางอย่างออกไป ผมรีบสบัดความคิดอันใจร้อนของผมทิ้งไปซะ โดยไม่ได้หันกลับไปสนใจมะปรางที่กำลังไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูดอยู่ ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า จะพูดแบบนั้นออกไปทำไมกัน
.
.
หลายวันต่อมา
"แม่ ทำไมวันนี้ดูวุ่นวายจังครับ ใครจะมาหรอ" ผมเดินลงมาจากห้องด้วยชุดนักศึกษาตามปกติ เพราะว่ามีเรียนแล้วก็กะว่าจะชวนปรางไปดูหนังสักหน่อย ไม่ได้เจอหลายวันแหละเพราะว่าน้องไปเข้าค่าย ผมไม่เข้าใจเลยว่า อยู่ม.ปลายแล้วทำไมต้องเข้าค่ายด้วย แต่ก็ช่างเถอะเพราะว่า น้องกลับมาแล้ว ต้องไปทำคะแนนสักหน่อย แต่ตอนนี้ดูที่บ้านวุ่นวายมากจัดนั้นเตรียมนี้
"อ้อ น้องเดซี่จะมาหน่ะ แม่ก็เลยเตรียมบ้านเตรียมอาหารไว้" แม่วดีหันมาตอบผมแบบรีบๆ ก่อนที่จะหันไปสั่งลูกน้องพ่อให้ขนนั้นย้ายนี้แล้วสั่งให้จัดเตรียมอาหารอย่างกับแม่ถูกหวยแล้วจะเลี้ยงทั้งหมู่บ้านแบบนั้นแหละ
"อ้อหรอครับ ไอ้ปุณกับน้องเขาคบกันแล้วหรอ"
"เห้อออ! คบกันจริงก็ดีสิธีร์ ก็เพราะน้องแกทำบ้าอะไรไว้ก็ไม่รู้อะสิ แม่ก็เลยต้องมาเอาใจหนูเดซี่เขาด้วยวีธีอื่น จะมาหวังให้น้องแกมาทำแบบนี้ให้ มีหวังน้องเขาคงหนีไปแน่ล่ะ"
"แม่ก็ปล่อยมันไปสิ ถ้ามันไม่เห็นค่าก็ให้เจ็บให้เข็ด" ผมหวั่นไหล่อย่างไม่สนใจ ผมเป็นพวกปล่อยให้คนนั้นเจออะไรด้วยตัวเองและรับมือมันด้วยตัวเอง เพราะผมคิดว่า เขาจะรู้อย่างแท้จริงคือต้องเจอด้วยตัวเอง ต่อให้ไอ้ปุณมันจะเป็นน้องผมก็ตาม ผมก็ทำได้แค่ช่วยแนะนำมันเท่านั้น ถ้ามันไม่เห็นค่าสิ่งที่อยู่ในมือ มันก็ต้องยอมรับให้ได้ถ้าวันนึงจะต้องเสียสิ่งนั้นไป
"ไอ้ธีร์แกก็พูดไปทั่ว มีหวังมันได้เอาคนในผับมาให้ฉันแน่ บ้าจริงๆ วันนั้นก็ทีนึงละ มันเอาผู้หญิงที่ไหนไม่รู้เหมือนสก๊อยมากมาเปิดตัว โดยที่มีหนูเดซี่นั่งอยู่ แล้วทำตัวประเจิดประเจ้อมาก ทำเอาแทบอยากจะกรอยาพาราเข้าไปในปากให้หมดกระปุก" ผมกระยุกยิ้มอย่างรู้ทัน ผมคิดว่า มันคงอยากจะไล่น้องเดซี่ให้ไปไกลๆ ด้วยการควงเด็กในผับมาอะสิ ปกติแล้วไอ้ปุณไม่ใช่จะพาใครเข้ามาให้เจอแม่ง่ายๆหรอกนะ แทบไม่มีเลยดีกว่า ผมถึงกับสายหน้าเบาๆในความเจ้าเล่ห์ของมัน แต่ตัวผมเองก็ไม่เคยเจอน้องเดซี่เหมือนกัน ได้ยินแต่ไอ้ปุณพูดถึง การที่มันเอาทำแบบนี้ ทำเอาผมสงสัยเลยทีเดียวว่า น้องเขาไม่ดีขนาดนั้นเลยหรอ ผมเลยคิดแผนดีๆ ออกละ
"นั้นผมเอาเพื่อนมากินข้าวด้วยได้มั้ยอ่ะ แล้วก็ปรางมาด้วย หลายคนจะได้สนุกๆ"
"ก็ดีนะ ได้สิ ถ้าเกิดมีแต่ไอ้ปุณกับเดซี่ คงเงียบไร้ซึ่งบรรยากาศแน่นอน ฉันจะทำยังไงกับไอ้ลูกคนนี้ดีนะ" ผมแค้นหัวเราะในลำคอเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางของแม่ที่เอามืดนวดบริเวณขมับก่อนที่จะหันไปสั่งลูกน้องอย่างขึงขัง ต่างจากพ่อที่ผมเห็นนั่งดูทีวีอย่างสบายใจ แต่ผมว่าอีกไม่นานเดี๋ยวแม่แกก็คงใช้พ่อมาทำอะไรสักอย่างนั้นแหละ
"ภีม! นายจะนั่งอีกนานมั้ย มาช่วยกันสิ ไม่ใช่เพราะลูกชายตัวดีของนายหรือไง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ลูกจะเอาดีเอ็นเอของนายมาเยอะขนาดนี้" นั้นไง! ฮ่าๆๆ ผมขำได้มั้ยอยู่ๆ พ่อก็โดนแม่ด่าซะงั้น ผมขำหน้าพ่อมากเลยที่แบบ อยู่ๆก็โดนด่าแบบงงๆ แต่นั้นแหละครับยังไงวันนี้ผมก็ต้องรู้ความรู้สึกของไอ้ปุณที่มีต่อน้องเดซี่อะไรนั้นให้ได้เลย
"เสร็จแน่ไอ้ปุณไอ้น้องรัก"