Chapter 5 ใจเสาะ

1472 คำ
Chapter 5 หญิงสาวเชิดหน้าตอบกลับชายหนุ่มอย่างไม่เกรงกลัว มืออีกข้างยังหอบแฟ้มงานแนบอก อารมณ์เดือนดาลราวไฟสุมในตอนนี้ ต่อให้ผู้ชายดาหน้ามาอีกสักสิบคน เธอก็จะสู้จนยิบตา สุดแรงที่มี ขอแค่ให้โลกรู้ว่า...ไม่ว่าจะเด่นดังมาจากไหน ก็จะไม่มีวันหยามผู้หญิงไทยอย่างเธอได้ “รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร” “ขนาดตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ไปลงนรกซะ!” หญิงสาวผลักอกชายหนุ่มออกแล้วรีบเดินหลบออกไป แต่มือหนาของหนุ่มก็คว้าเอาไว้ได้เสียก่อน กระชากเบาๆ ตัวของหญิงสาวก็ลอยหวือกลับมาปะทะหน้าอกของคนดึงอย่างแรง “ปากดีอย่างนี้...พอขึ้นเตียงมักจะครางเสียงดัง” ชายหนุ่มบอกเสียงเข้มเดินย่างสามขุมเข้ามาหา อารมณ์โกรธกับเลือดแดงฉานที่ไหลออกจากปลายจมูกสั่งให้เขาสั่งสอนผู้หญิงคนนี้ “ก็ลองดูสิ...ถ้าคิดว่าฉันจะไม่หักคอนายละก็” หญิงสาววางเอกสารของตัวเองลงบนโต๊ะใกล้ๆ ตั้งการ์ดจ้องหน้าอีกคนนิ่งไม่วางตา ทั้งที่ไม่เคยเรียนมวยไทยสักครั้ง แต่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดก็สอนให้เธอทำ “ตัวเท่าลูกหมา จะสู้แรงผู้ชายอย่างฉันได้กี่น้ำ” ชายหนุ่มเยาะ “ตัวแค่นี้ก็พาเลือดชั่วๆ ออกมาได้ก็แล้วกันละ” “เมื่อกี๊ฉันไม่ทันระวัง แต่คราวนี้แตะไม่ได้แม้แต่ปลายขนของฉัน” ชายหนุ่มบอกเสียงเข้ม ยิ่งท้าทายอีกคนมากขึ้น หญิงสาวกำหมัดยกขึ้นจะซ้ำอีกรอบ “นั่นเธอจะทำอะไร” แมทซ์วิ่งปรี่เข้ามาพอดี เห็นเลือดอาบที่ใบหน้าเจ้านายเข้าก็ตกใจ “หน้าบอสไปโดนอะไรมาครับ” “ฮึ! ดีนี่ ผู้ชายสองคนกับผู้หญิงหนึ่ง แถวบ้านเรียกว่าหมาหมู่ หมาตัวผู้เสียด้วย” ลลินเข่นเสียงเยาะ มองหน้าผู้ชายสองคนสลับกัน ใบหน้าของคนมาใหม่เอาเรื่องไม่ต่างกัน “เธอ!” แมทซ์เดินเข้าหา ผู้หญิงตรงหน้าใช้ภาษาอังกฤษได้ดีทีเดียว “จะเอาอย่างไรก็ว่ามาได้เลยนะคะ” หญิงสาวแกล้งกรอกเสียงหวานดัดจริตยั่วผู้ชายสองคน “ถ้าพวกคุณจะเอาเรื่อง ฉันก็พร้อม” “อย่าท้านะ...คุณรู้มั้ยว่าทำร้ายใคร” แมทซ์ร้องถาม “พวกคุณนี่ก็แปลกทั้งคู่ มาถามคนแปลกหน้าว่ารู้จักตัวเองหรือเปล่า ฉันมันคนทำมาหากินค่ะ ไม่มีเวลาไปสืบเสาะสนใจเรื่องของใคร” ลลินจ้องหน้าชายหนุ่มคนที่เธอทำร้ายนิ่ง ถามเสียงเรียบ “เอายังไงคะ” “เอาเรื่องให้ถึงที่สุด” อีกคนตอบแทนเจ้านาย แต่ทว่าคนเป็นนายเหมือนจะไม่เห็นด้วยกับลูกน้อง ยกมือห้ามให้คนสนิทหยุด หันไปสบตาเพียงครู่ ไม่เพียงแค่หยุด แต่แมทซ์โค้งแล้วเดินออกไปจากตรงนั้นทันที ปล่อยให้หญิงสาวยืนอึ้งอีกรอบ เมื่อครู่ยังเอาเรื่องราวจะจับเธอหักคอ แต่พอจะไปก็ไปง่ายๆ ผู้ชายที่ยังยืนอยู่ตรงหน้าเธอคงจะมีอิทธิพลกับเขามาก “เธอทำร้ายฉัน เธอจะรับผิดชอบอย่างไร” “ฉันยืนยันคำเดิมว่าฉันตั้งใจ และก็ไม่ได้ทำร้าย ฉันป้องกันตัวเอง ถ้าคุณจะเอาเรื่องฉันก็พร้อม” ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ อดนิยมกับความใจเด็ดของผู้หญิงตรงหน้าไม่ได้ กล้าทำ กล้ารับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ หาไม่ได้ง่ายๆ ในผู้หญิงที่เขาเคยผ่านมา เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์มักแถจนสีข้างถลอก ไม่ยอมรับความจริง แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม “ฉันจะไม่เอาเรื่องเธอ” หญิงสาวอมยิ้มออกมา คาดเอาไว้ไม่มีผิด ถ้าไม่ใช่หน้าตัวเมียของแท้คงจะไม่กล้าเอาเรื่อง เพราะเธอมั่นใจว่าเธอไม่ผิด แต่ประโยคต่อมาที่หลุดออกจากปากของเขาทำให้อีกคนหุบยิ้มแทบไม่ทัน “แต่เธอก็คงจะรู้ตัวว่าทำผิด ทำฉันเลือดกำเดาไหลขนาดนี้ หวังว่าคงไม่ขาดความรับผิดชอบนะ” “จะให้รับผิดชอบอย่างไร ก็แค่เลือดกำเดาไหล แค่เงยหน้าประคบเย็นก็หายแล้ว” “แต่ฉันทำไม่เป็น” ชายหนุ่มเริ่มเรื่องมาก “สมควรโดน คุณเองก็ผิดที่ว่าฉันก่อน เพราะฉะนั้นต่างคนต่างไป” หญิงสาวบอกทิ้งท้ายแล้วหยิบแฟ้มเดินออกไปอย่างรีบๆ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็มีนัดกับลูกค้า ลลินยกนาฬิกาข้อมือดูเวลา “ฉันมีนัด ต้องไปแล้ว” “ไม่น่าเชื่อว่าคนไทยจะขาดความรับผิดชอบ ทำร้ายร่างกายคนอื่นจนบาดเจ็บแล้วหนีไปดื้อๆ” คราวนี้ชายหนุ่มบอกเป็นภาษาไทยชัดเจน หญิงสาวหันกลับมามองหน้าเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ไม่มั่นใจว่าเจ้าของใบหน้าฝรั่งจ๋านัยน์ตาสีฟ้ามรกตที่เธอเห็นจะพูดภาษาไทยได้ชัดเจนขนาดนี้ “คุณว่าอะไรนะ” “คนไทย...เขาบอกว่าใจดี ถึงตอนนี้ฉันไม่เชื่อแล้ว ทำร้ายร่างกายแล้วยังขาดความรับผิดชอบ” คำพูดของเขาทำให้ลลินเลือกที่จะเดินกลับมา เธอปฏิเสธไม่ได้เต็มปากว่าไม่ผิด หญิงสาวฉุดข้อมือหนาของชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้อง ห้องที่เธอเพิ่งจะได้รู้ว่าเป็นของเขา เมื่อครู่เธอเพิ่งจะเห็นลูกน้องของเขาเดินกลับเข้าไปข้างใน “มานี่” “จะพาฉันไปไหน” ชายหนุ่มถามอย่างแปลกใจ ผู้หญิงคนนี้แปลกจากหลายคนที่เขาเจอ ไม่ต้องการอยากรู้ว่าเขาเป็นใคร ไม่ได้สนใจเสื้อผ้าแบรนด์ดังที่เขาสวมใส่ ไม่สนใจแม้กระทั่งนาฬิกาเรือนหรูที่หลายคนมีโอกาสได้เห็นถึงกับตาลุกวาว หญิงสาวไม่ตอบคำถาม กลับส่งเสียงบอกบริกร “ขอโทษนะคะ ขอผ้าเย็นกับน้ำแข็งด้วยค่ะ” บริการโค้งรับก่อนที่จะเดินเลี่ยงออกไป หญิงสาวหันกลับมามองชายหนุ่ม รั้งแขนของเขาให้นั่งลง “นั่งลงสิ ฉันจะได้รีบกลับ” เมื่อเห็นชายหนุ่มยังแข็งขืนไม่ยอมนั่งตามแรงฉุด หญิงสาวก็ร้องบอกเขาอีกครั้ง “ใจคอคิดจะหนีอย่างเดียวหรือไง” “ถ้าคิดจะหนี...ฉันไปตั้งแต่ซัดชกหน้าคุณแล้ว นั่งลง” หญิงสาวสั่งอีกครั้ง บริกรคนเดิมเดินประคองถาดเข้ามาพอดี “ขอบคุณค่ะพี่” หญิงสาวกล่าวขอบคุณเบาๆ น้ำเสียงแตกต่างจากที่พูดกับชายหนุ่มลิบลับ ลลินวางแฟ้มลงอีกครั้ง หยิบน้ำแข็งวางลงในผ้าแล้วพับทบกันไปมา วางลงบนปลายจมูกโด่งของชายหนุ่มอย่างเบามือ ริมฝีปากบนเริ่มบวมนิดๆ สิ่งที่เห็นบนใบหน้าชายหนุ่มพอจะทำให้รู้ว่ากำลังแรงแขนของเธอใช้ได้ กลิ่นหอมอ่อนๆ รวยริน กรุ่นกลิ่นไอสาว กลิ่นกายที่ไม่ใช่น้ำหอมหรือกลิ่นสังเคราะห์ปรุงแต่ง ชายหนุ่มเผลอสูดกลิ่นไอเข้าปอดอย่างตั้งใจอยู่หลายต่อหลายครั้ง เจ้าของกลิ่นกายไม่มีโอกาสได้รู้สักนิด เพราะมัวง่วนอยู่กับถังน้ำแข็ง สิ่งที่ทำให้หญิงสาวยิ้มพอใจที่เห็นริมฝีปากของเขาบวมเจ่อ แต่อีกคนก็พอใจไม่แพ้กันที่หลอกหญิงสาวได้ ริมฝีปากบวมเจ่อที่เห็น เขาแค่แกล้งดุนลิ้นให้ริมฝีปากบนบวมขึ้นเท่านั้น “เจ็บนะคุณ มือหรือเท้าช้าง” ชายหนุ่มโอด เขาแกล้งเรื่องมากไปอย่างนั้นเอง ที่จริงเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก แรงมดอย่างเธอไม่มีวันทำอะไรเขาได้ แค่จมูกที่เป็นจุดบอบบาง เมื่อโดนจังๆ ก็มีบ้าง “ใจเสาะ” หญิงสาวเหน็บ “หมัดหนักยังกะอะไรดี” ชายหนุ่มอู้อี้บอก เพราะลิ้นที่ดุนอยู่ริมฝีปากทำให้พูดไม่ถนัด “ก็อย่าพูดมาก” หญิงสาวดุ ยกมือหนาของชายหนุ่มวางไว้บนผ้า แล้วปล่อยมือของตัวเองออก “จับเอาไว้อย่างนี้” หญิงสาวบอกพร้อมขยับตัวลุกขึ้นยืน “นั่นเธอจะไปไหน” คนแกล้งเจ็บโวยวาย ใช้มืออีกข้างคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ “เลือดหยุดไหลก็หมดหน้าที่ของฉันแล้ว และฉันก็มีธุระต้องรีบไป คุณก็แค่ผ้าจับเอาไว้ มืออยู่ว่างๆ ไม่ใช่หรือ” สิ้นคำพูดที่ออกมาจากริมฝีปากกระจับได้รูปสวย ชายหนุ่มกระตุกมือแรงๆ เจ้าของเรือนร่างโปร่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็เซร่วงลงบนตักของเขาอย่างที่คนฉุดตั้งใจ ชายหนุ่มปล่อยมือออกจากผ้า เขาไม่ได้สนใจมันตั้งแต่แรก โอบสองแขนล็อกตัวของหญิงสาวเอาไว้ในอ้อมกอดแข็งแรงของเขา “ปล่อยฉันนะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม