หญิงสาวมองชายหนุ่มตาเขียว แกะมือของเขาออก แต่เขากลับไม่ไหวติง หญิงสาวจงใจใช้เล็บจิก แต่ก็คงไม่ระคายผิวของเขาเช่นกัน กว่าที่จะผ่านเนื้อผ้าเกรดดี ความคมของเล็บก็ลดแรงลงแทบไม่เหลือเจ็บ
“ตอนนี้มือไม่ว่างแล้ว ประคบต่อ” ชายหนุ่มสั่งเสียงเรียบ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ปล่อยนะ! ชีกอ บ้ากาม”
“ถ้าจะยัดเยียดข้อหามากขนาดนั้น แค่กอดคงจะเรทไม่ถึง ไอ้คำว่าชีกอ บ้ากามมันต้องถึงขั้นจูบและจับกดเตียง” ชายหนุ่มยั่วต่อ
“อ๊าย...ปล่อยฉันนะ” หญิงสาวลนลาน เบิกตากว้างอย่างตกใจ
“ถ้าไม่อยากโดนจูบ ก็นั่งนิ่งๆ ประคบจนกว่าปากของฉันจะหายบวม”
“แต่ฉันนัดลูกค้าเอาไว้ ฉันไม่สามารถทำตัวขาดความรับผิดชอบได้ เอาไว้หลังจากที่ฉันไปพบลูกค้าก่อนได้ไหม ฉันจะกลับมา”
“ฉันจะเชื่อใจผู้หญิงที่เพิ่งเจอครั้งแรกก็ทำให้เลือดตกยางออกอย่างเธอได้อย่างไร”
“แต่ฉันจำเป็นจริงๆ นะ” หญิงสาวขอร้องเสียงอ่อนลง
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็โทรหาลูกค้าสิ ฉันอยากรู้ว่าเธอโกหกฉันหรือเปล่า” ชายหนุ่มยื่นข้อเสนอ ถ้าเป็นเรื่องงานจริงเขาก็ไม่อยากสนุกต่อ แต่มารยาผู้หญิงไว้ใจไม่ได้สักคน เขาเรียนรู้มาเยอะ แม้กระทั่งมารดาของเขาเอง
“ปล่อยก่อนสิ”
“ถ้าบริสุทธิ์ใจ ก็โทรมันตรงนี้แหละ เว้นเสียว่าเธอจะโกหก”
หญิงสาวยอมจำนน เธอไม่มีทางเลือกมากไปกว่ายอม เพราะถ้าเขารู้ว่าเธอนัดลูกค้าเอาไว้ เขาก็คงไม่ใจร้ายที่จะปล่อยให้งานหลุดมือ
ความโชคร้ายของหญิงสาวมาเยือนอีกครั้ง เมื่อลูกค้าคนที่นัดเธอติดธุระกะทันหัน หลังจากวางสายหญิงสาวก็ยิ้มแหยให้คนที่กำลังจ้องรอคำตอบไม่วางตา
“ว่าไงล่ะ!”
“คือ...” หญิงสาวอึกอัก เธอจะบอกเขาว่าอย่างไรดี ยิ่งอธิบายก็ยิ่งเหมือนแก้ตัว
“เธอคิดว่าฉันเป็นเด็กอมมือหรือไง”
“ปล่อยฉัน! ฉันจะได้ทำงานของฉันให้เสร็จ”
“ฉันบอกแล้วไง เธอต้องนั่งอยู่ตรงนี้จนกว่ารอยบวมของฉันจะยุบ”
“มันจะมากไปแล้วนะ”
“หรือว่าจะให้ฉันรักษาในแบบวิธีของฉัน ง่ายๆ หายเร็ว”
“รักษายังไง!” หญิงสาวถามกลับทันควัน
“จูบ!” ชายหนุ่มตอบเสียงหนักแน่น เลิกคิ้วยียวน
หญิงสาวไม่ตอบคำถาม แต่เธอเลือกที่จะยกผ้าเย็นมาซับประคบให้เขาต่อ ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอธิบายหรือต่อล้อต่อเถียงกับเขา ในเมื่อเธอก็มีแต่เสียเปรียบและยังไงก็ต้องทำให้จบอยู่ดี
“ไม่เอาหรือ...” ชายหนุ่มยั่วต่อ
“เวรกรรมอะไรของฉันนะ ถ้าจบจากวันนี้อย่าให้ฉันเจอนายอีกนะ ฉันจะจับหักคอให้คอยดู” คนอยู่บนตักทำปากขมุบขมิบบ่นเบาๆ
ชายหนุ่มซ่อนยิ้มพอใจ เพราะลลินนั่งอยู่บนตัก และเขายังอ่านออกเขียนได้ภาษาไทยระดับใกล้เคียงเจ้าของภาษา จะมีเพียงคำยากๆ ที่เขาแปลไม่ออก เพราะฉะนั้นทุกข้อความจากปลายสายสนทนาเขาฟังรู้เรื่องทั้งหมด ที่มีความสุขมากไปกว่านั้น เขายังหลอกแกล้งแม่สาวเฉิ่มเชยได้สำเร็จ
เมืองไทยคงจะไม่น่าเบื่อสำหรับเขาเสียแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าความสุขจะเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ได้แกล้ง เพียงเห็นอีกคนอายหน้าแดง เพียงได้ต่อปากต่อคำ เขาก็เผลอยิ้มออกมา ตลอดทริปที่ลงทุนหยุดงานมากกว่ากำหนด คงจะทำให้ชีวิตเขามีสีสันในอีกรูปแบบเป็นแน่
หลังจากที่โอ้เอ้อยู่นาน ชายหนุ่มก็ทนเมื่อยลิ้นที่ใช้ดุนริมฝีปากไม่ไหว กรามที่ต้องเกร็งนานเริ่มปวด คนนั่งนิ่งอยู่บนตักก็หน้างอ ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงริมฝีปากบวมเจ่อของเขาก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะยุบลง
ชายหนุ่มดึงลิ้นกลับ อาการบวมก็หายทันที
“นี่คุณแกล้งฉันหรือ”
ลลินลุกพรวดจากตักของชายหนุ่ม ทิ้งผ้าเย็นลงบนถาดอย่างหงุดหงิด เมื่อรู้ว่าโดนหลอกเสียตั้งนานลลินก็ยิ่งโมโห คนอย่างเธอไม่เคยเสียรู้ให้ใคร และไม่เคยสักครั้งที่จะต้องมาทำตามคำสั่ง
ชายหนุ่มเลิกคิ้วยั่ว ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “หืม...แกล้งอะไร”
ลลินอยากตั๊นใบหน้าหล่อๆ ของเขาอีกสักหมัด
“ก็คุณแกล้งใช้ลิ้นดุนปากตัวเองให้เหมือนบวม หลอกให้ฉันประคบอยู่ตั้งนาน”
“ก็ฉันบอกเธอแล้ว...ให้รักษาในแบบของฉัน เธอเลือกแบบนี้เอง ช่วยไม่ได้”
“ไอ้บ้ากาม...อีกสักหมัดดีมั้ย” ลลินง้างหมัดอีกรอบ
ชายหนุ่มยื่นหน้ารับอย่างเต็มใจ ประโยคที่หลุดออกมาจากปากของเขาทำให้คนกำหมัดลดมือลงแทบไม่ทัน “ก็ลองดูสิ หมัดนี้แลกจูบ” ชายหนุ่มยิ้มกว้าง สำหรับคนมอง รอยยิ้มของเขามันคือการยั่วประสาทดีๆ
“ไม่ต่อยแล้วหรือ”
“ฉันไม่อยากเจ็บมือเปล่า หนังหนา หน้าด้านอย่างคุณ ต่อให้ต่อยจนมือบวมก็ไม่เกิดประโยชน์”
“พวกที่ใช้กำลังมากว่าสมองมักจะทำก่อนคิดแบบนี้ละ ผมเข้าใจ”
“นี่คุณ!”
ลลินหันมาจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง กำหมัดแน่น ริมฝีปากสั่นระริก
ยิ่งเห็นหญิงสาวไม่พอใจ ชายหนุ่มก็ยิ่งยิ้มยั่วอย่างมีความสุข เขาเหยียดตัวนั่งพิงกายอยู่บนโซฟา ยกมือสองข้างพิงพนักแผ่หราสบายๆ
ลลินพยายามสงบสติอารมณ์ สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ
“โอเค...โอเค ฉันจะถือว่าจ่ายค่าโง่ที่เสียรู้คุณ ลาตรงนี้ก็แล้วกัน หวังว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีก” ลลินบอกพร้อมกับหยิบแฟ้มที่ตัวเองถือมาด้วยแนบอก สาวเท้าเดินออกไป
“แต่เราจะได้เจอกันอีกแน่นอน” ชายหนุ่มบอกอย่างมั่นใจ
ลลินหันกลับมาตอบอีกครั้ง “ไม่มีทางเสียละ ฉันจะสวดมนต์ภาวนาทุกวัน”
“หึหึ” ชายหนุ่มหัวเราะตามแผ่นหลังบางของหญิงสาว
หลังจากที่ลลินเดินออกไปไม่นาน แมทซ์ก็เดินตามเข้ามาในห้อง เขาโดนคำสั่งทางสายตาของเจ้านายหนุ่มให้ออกไปจากห้อง และยืนรอจนกระทั่งหญิงสาวเดินออกไป
“ไม่โกรธแล้วหรือครับ ผมไม่เห็นบอสยิ้มเต็มปากอย่างนี้นานแล้ว”
“ฉันไม่ได้ทำงานนี่ มาพักผ่อนก็ต้องพัก แต่ฉันยังไม่ได้สะสางกับนายเลย นายปล่อยให้คนอื่นที่ไม่ได้นัดหมายเข้าถึงตัวฉันง่ายๆ อย่างนี้ได้อย่างไร ถ้าเกิดเป็นคนร้าย จะทำอย่างไร”
“ผมขอโทษครับบอส”
“ฉันบอกนายหลายครั้งแล้วนะแมทซ์ นักธุรกิจอย่างฉันมีภัยรอบด้าน และไม่รู้ว่าพวกนั้นจะใช้วิธีไหนเข้ามาทำร้ายฉันบ้าง บางทีอาจไม่ต้องการทำร้ายร่างกาย แต่อาจจะอยากได้ข้อมูลทางธุรกิจ”
อลันบอกเสียงเข้ม สำหรับเขาหน้าที่ก็คือหน้าที่ แม้เขาจะเอ็นดูหนุ่มกำพร้าจากรัสเชียคนนี้มากแค่ไหนก็ตาม บิดาของเขารับแมทซ์มาจากรัสเซียตั้งแต่วัยสิบสองขวบ ส่งเสียให้เรียนจนจบ และออกมาเป็นผู้ช่วยของเขาได้เพียงไม่กี่ปี
อลันรักแมทซ์เหมือนน้องในไส้ เขาตั้งใจให้สานต่องานอีกหนึ่งสาขาธุรกิจที่เขาจะเปิด แต่ด้วยขอบข่ายงานปัจจุบันที่ค่อนข้างเยอะและแมทซ์จะต้องเรียนรู้ให้หมด ยังมีหลายเหตุการณ์ที่แมทซ์ทำพลาดจริงๆ หรือบ่อยครั้งที่เขาสร้างสถานการณ์ให้แมทซ์แก้ปัญหา
ทุกสิ่งที่เขาทำก็เพื่อเตรียมความพร้อมให้แมทซ์แข็งแกร่ง ให้พร้อมที่จะก้าวมายืนเคียงบ่าเคียงไหล่ของเขา พาบริษัทก้าวผงาดเป็นที่หนึ่งระดับโลกอย่างมั่นคง
ครั้งนี้ก็เหมือนกัน เพราะอยากจะสืบเสาะเรื่องราวที่เขาอยากรู้เกี่ยวกับครอบครัวญาติทางแม่ เขาปฏิเสธบอร์ดี้การ์ด และขอมาแบบส่วนตัวเงียบๆ กับแมทซ์สองคนก่อนวันงาน ถ้าไม่มีใครรู้จักเขา ถ้าเขายังเป็นนักท่องเที่ยวธรรมดา เขาก็ยังปลอดภัย
แม้จะเหมือนน้อง แต่แมทซ์ก็เจียมตัวรู้จักที่มาของตนเองเสมอ ไม่เคยสักครั้งที่แมทซ์จะปฏิบัติตัวผิดแผกไปจากลูกน้องของเขา
“ขอโทษครับบอส คราวหน้าผมจะระวังให้มากกว่านี้”
“ไม่ใช่แค่ระวังแมทซ์ นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด ถ้านายพลาดแค่เรื่องง่ายๆ อย่างนี้ ไม่ต้องพูดถึงงานใหญ่หรอก”
“บอสก็รู้ว่าผมไม่เก่งเรื่องธุรกิจ ผมไม่อยากได้ตำแหน่งอะไรในบริษัท ขอแค่ได้ตอบแทนบุญคุณของคุณท่านทั้งสองก็พอ ขอแค่ได้ดูแลบอสอย่างดีที่สุดก็พอแล้ว”