Chapter 3
ปานดาววางจานลงตรงหน้า เธอคือหนึ่งในลูกน้องลูกเสี้ยวที่ลลินแอบแจกฉายา ลูกเสี้ยวของเธอไม่ได้หมายถึงเชื้อสายทางสายเลือด แต่ปานดาวเป็นสาวหล่อมาดทอมบอยด์ เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงเป็นตัวเป็นตน แต่กลับดูแลการแต่งตัวดีเสียกว่าเจ้านายสาว
ลลินละสายตาจากแบบร่าง ปรายตามองปานดาวสักครู่ แล้วหันกลับไปเหมือนเดิม
“วางไว้ก่อน” ลลินบอกสาวผมสั้นใจมาดแมน
“รับตักเข้าปากสักสิบนาที จ้องยังกะแฟน แนบแน่นยิ่งกว่าสามี เพราะอย่างนี้ไงถึงอยู่มาได้จนป่านนี้ ไม่มีใครจีบ”
“ปากอย่างนี้น่าไล่ออก” ลลินบ่นเบาๆ มือยังขยับยิกๆ
“ออกไปแล้วใครจะหาข้าวหาน้ำให้เจ๊กิน ผู้หญิงที่ช่วยตัวเองยังไม่ได้อย่างเจ๊น่ะ”
“ไม่เห็นต้องพึ่งใคร”
“นึกถึงความห่วงใยของคนอื่นบ้าง เจ๊เกิดเป็นอะไรไปตอนนี้ ปานจะเอาเงินที่ไหนเลี้ยงดูครอบครัว ส่งน้องเรียนพาหญิงเที่ยว” ผู้หญิงที่เปิดตัวว่ารักหญิงอย่างเป็นทางการตอบกลับ แม้ว่าหน้าตาของเธอจะสวยกว่าผู้หญิงหลายคนเสียอีก
“ที่แท้ก็ห่วงตัวเอง” ลลินเย้าต่อ
“เป็นซะอย่างนั้น มองโลกในแง่ร้าย ไม่เข้าใจความรู้สึกคนอื่น ทำมึนต่อการเอาใจใส่ อันนี้ก็เป็นคุณสมบัติของผู้หญิงโสด เตรียมขึ้นคาน”
ลลินพยักหน้าหงึกอย่างจำยอม “อืม...ถ้าปากมันหูรูดตาย ฉันก็จะไม่ว่าแกหรอกปาน” ลลินเหน็บ เธอวางมือจากงานตรงหน้าแล้วหมุนเก้าอี้ออกมา ยอมตักข้าวเข้าปาก พร้อมกับหาเรื่องคุยกับลูกน้องสาวหล่อไปด้วย
“ถามจริงๆ เถอะ หน้าตาฉันดูแย่มากขนาดนั้นเลยหรือ”
“ก็ไม่แย่มากมายอะไรหรอก หากเจ๊รู้จักแต่งเนื้อแต่งตัวเสียบ้าง”
“ถ้าจะมีใครมองฉันแค่รูปลักษณ์ภายนอก และต้องอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต ฉันขออยู่คนเดียวไปจนตายเลยดีกว่า ฉันไม่อยากต้องฝืนความรู้สึกตัวเองเอาใจใคร รั้งผู้ชายที่ไม่เห็นคุณค่าในตัวด้วยเปลือกนอกที่ห่อหุ้ม เสียเวลาทำมาหากินเปล่าๆ”
“แต่เจ๊ก็ต้องเข้าใจ เฟิร์สอิมเพสชั่นนะ รู้จักมั๊ย”
“เออ...ถ้ามันยุ่งยากขนาดนั้น ฉันก็ขอเกาะคานไปต่อก็แล้วกัน”
“คงได้เกาะจริงๆ” ปานดาวบ่นงึมงำ รำพึงเสียงเบา แต่ก็แว่วเข้าหูอีกคนจนได้
“แช่งกันเลยหรือไง”
“เปล่าแช่งสักหน่อย แต่มันเป็นเรื่องจริง”
“เอาเป็นว่า...ฉันหาเลี้ยงตัวเองได้ก็พอ โอเคหรือเปล่า”
“ปานก็ว่าอย่างนั้นแหละ ผู้ชายมาอยู่กับเจ๊ไม่ได้หรอก ทั้งงก ทั้งเค็ม ทั้งเขี้ยวลากดิน”
“ปานดาว!” ลลินขึ้นเสียงปราม เธอรู้ว่าลูกน้องให้ฉายาว่าอย่างไรบ้าง แต่ก็ไม่อยากฟังแบบเต็มๆ หู ต่อหน้าอย่างนี้
“โอเค...ปานไปก่อนแล้วกัน” ปานดาวบอกพร้อมกับขยับตัวลุกขึ้นยืน
“เดี๋ยวปาน!” ปานดาวหันกลับมาตามเสียงเรียก ลลินหยิบเอกสารอีกปึกยื่นให้สาวหล่อปากจิ้มลิ้ม
“เอาแบบชุดนี้ไปทำก่อนได้เลย พี่ขอดูรายละเอียดอีกชุดก่อนสักรอบ ไม่เกินสองวันเราคงได้เริ่มทำกันแล้ว”
ปานดาวพยักหน้าเข้าใจ รับเอกสารในมือเจ้านายสาวก่อนจะเดินออกไป
โรงงานมีพนักงานที่เป็นช่างทองเก่าแก่อยู่ไม่ถึงสิบคน ช่างทำทองส่งร้านแถวเยาวราชที่เป็นโรงงานดั้งเดิม อีกส่วนหนึ่งเป็นพนักงานหนุ่มสาวไฟยังแรง ลลินรับมาออกแบบจิวเวลลี่รับทำด้านนี้โดยตรงอีกหลายคนเปิดโดยแยกบริษัทเล็กๆ บริษัทออกแบบของเธอกำลังจะไปได้สวย ด้วยลวดลายที่โดดเด่นไม่ซ้ำใครพลอยทำให้ราคางานถีบตัวขึ้นสูงตามตลาดคู่แข่งไปด้วย
วันเร่งรีบที่แสนวุ่นวาย วันมหกรรมปวดสมองโลกแห่งปีของลลิน
“ค่ะ...คุณนัทพล” “ได้ค่ะ” “ลินเช็คให้นะคะ” หญิงสาวกรอกเสียงหวานไปตามสาย ก่อนที่จะวางลงโทรศัพท์สายที่ 27 ของวันวางลงบนแป้นอย่างเบามือ ขัดกับความรู้สึกข้างในที่ราวลาวาเผาในใจ
ด้านนอกเย็นกับธารน้ำไหล แต่ในใจเดือดปุดๆ ลูกค้าต่างนัดมาเร่งงานราวกับนัดหมาย ทั้งที่ดีลส่งของบางรายการเหลืออีกเป็นเดือน
หลังจากวางโทรศัพท์ ลลินก็ยกมือขึ้นกุมขมับ นวดวนๆ อยู่หลายรอบระบายความเครียด
“ปานดาว!” หญิงสาวส่งเสียงร้องเรียกลูกน้องตามความรู้สึกใกล้ระเบิด อีกคนไม่ตอบแต่เดินเข้ามาหาในห้องแทน คนในห้องเงยหน้าขึ้นถาม
“งานของคุณนัทพล ใครดูแล”
“พี่แจงเป็นคนดูอะเจ๊ มีอะไรหรือ”
“มี!” หญิงสาวเน้นเสียงหนัก พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
“จด” หญิงสาวสั่งเสียงเข้ม
ปานดาวหยิบไอแพดคู่ใจมาเตรียมคีย์ข้อมูล พร้อมกับเงยหน้ามองเจ้านายบอกให้รู้ว่าเธอพร้อมทำงาน ลลินพยักหน้าอีกครั้งก่อนที่จะร่ายยาว
“คุณกนิญ เปลี่ยนแบบสามเซต คุณกรกนกขอส่งงานมาแก้และขอรับงานส่งเป็นศุกร์นี้ คุณนัทพลขอเร่งงานขึ้นสองอาทิตย์ พี่ฝากถามพี่แจงหน่อยว่าไหวไหม ถ้าทำแล้วกระทบกับชิ้นงานที่เราต้องออกในงานโชว์ก็แจ้งลูกค้าแทนด้วย เพราะสองสามวันนี้พี่ต้องดูแลโปรเจคใหญ่ที่ต้องเตรียมพรีเชนต์ด้วย”
ปานดาวลดไอแพดออกจากหน้า ตอบรับเสียงหนักแน่น “ได้ครับ”
“พี่ขอร้องเถอะปาน อยู่กับพี่อย่าครับเลย ไม่ต้องมีหางเสียงพี่ก็ทนได้” ลลินบอกสาวหล่อลูกน้อง แม้ปานดาวจะประกาศชัดเจน แต่ถึงอย่างไรเธอก็มองว่าปานดาวเป็นผู้หญิงอยู่ดี
“เจ๊จะมาเรื่องมากอะไรกับเรื่องแค่นี้ละ แปลกคนเข้าไปทุกที” ปานดาวถามอย่างไม่เข้าใจ
ลลินโบกมือพยักหน้าหงึกๆ
“พี่คงเครียดมากไป ฝากด้วยแล้วกัน” หญิงสาวบอกพร้อมกับก้มลงดูเอกสารจัดชื้อต่อ โรงงานเล็กๆ แม้จะเป็นรูปแบบบริษัท แต่ลลินก็ยังดูรายงานเองเกือบทุกอย่าง เพราะอย่างนี้ฝ่ายบัญชีจึงแอบเรียกเธอว่าแม่สินเธาว์เยาวราช
“อ้อ...เจ๊!”
“หืม...”
“คุณเอกมงคลให้พี่เอาชิ้นงานไปเสนอที่โรงแรมแกรนด์พายัพพรุ่งนี้ พี่จะให้ปานไปเป็นเพื่อนหรือเปล่า นัดที่โรงแรม ปานว่ามันไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไรนะ”
“ปานเพิ่งบอกพี่ไม่ใช่หรือ ผู้หญิงอย่างพี่ผู้ชายหนีหาย อย่าว่าแต่จะคิดมิดีมิร้ายเลย ต่อให้พี่เสนอตัว เขาก็คงไม่เอาหรอก”
“อย่าประมาทนะเจ๊ หมอนั่นเสือผู้หญิงดีๆ นี่เอง ถ้าไม่คิดอกุศล ทำไมต้องนัดที่โรงแรมแบบนั้นด้วยละ แกรนด์พายัพขึ้นชื่อเรื่องนัดเด็กของเสี่ย เขาว่ากันว่า...ถ้าอยากรู้ว่าดาราหรือนางแบบคนไหนเป็นเด็กเสี่ยให้ไปดูที่โรงแรมแกรนด์พายัพ” ปานดาวเล่ายาว
ถ้าเป็นโรงแรมปกติก็คงไม่มีปัญหา แต่โรงแรมที่ว่าทั้งอยู่ลึกในซอย และยังจัดมืดๆ ทึมๆ ห้องหับแยกโซนชัดเจน ถ้าขืนเกิดอะไรขึ้นก็ยากที่จะร้องให้คนช่วยได้ทัน เพราะโรงแรมแห่งนั้นถูกออกแบบมาเพื่อบริการด้านนี้ลับๆ อยู่แล้ว
“พูดได้เป็นฉากๆ คิดมากเกินไปหรือเปล่า” ลลินถามเสียงเรียบสม่ำเสมอ วิชายูโดที่ติดตัว ทำให้เธอไม่เคยกลัวอะไร เพราะอย่างน้อยเธอก็สามารถรักษาตัวให้อยู่รอดมาได้เกือบสิบปีตั้งแต่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย
“ก็เพราะว่าปานเดาความคิดของผู้ชายออก เจ๊ไม่เคยมีแฟนกับใคร อย่ามองผู้ชายในแง่ดีนักเลย”
“ผู้หญิงคนอื่นอาจจะใช่ แต่สารรูปและการแต่งตัวอย่างพี่ผู้ชายคงไม่อยากค้นหา”
“เจ๊ไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่าสวย ถ้ารู้จักแต่งแต้มสักนิด ปานว่าคนก็รอคิวจีบเหมือนกัน”
“อ้าว! ไหงบอกว่าพี่มีคุณสมบัติของผู้หญิงโสดเตรียมขึ้นคานอยู่ครบ แล้วจะกลัวอะไร”
“พวกนั้นก็แค่จะจ้องเคี้ยวเล่นๆ อย่างเดียวน่ะสิ ไอ้ขึ้นคานไม่ต้องห่วงหรอก ได้ขึ้นแน่นอน”
“ปากหรือนั่น!”
ลลินขำไม่ออก แต่ต้องฝืนยิ้มทำตลกกลบเกลื่อนไป แม้เธอจะไม่ใช่ผู้หญิงจำพวกคิดเล็กคิดน้อยหยุมหยิม แต่คำพูดบางอย่างของคนรอบกายอย่างไม่ตั้งใจ ก็ทำให้ใจของหญิงสาวรู้สึกเจ็บแปลบๆ บ้างเหมือนกัน
ปานดาวเปลี่ยนท่าที รู้ว่าตัวเองคงเผลอพูดแรงไป
“ปานเป็นห่วงเจ๊จริงๆ นะ”
“ขอบใจมาก แต่พี่ดูแลตัวเองได้ ปานอยู่ดูแลทางนี้แทนพี่ดีกว่า ลูกค้าเร่งงานตั้งหลายรายการ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจเจ๊ก็แล้วกันนะ ดูแลตัวเองด้วย ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลก็รีบออกมา หรือไม่ก็โทรหาใครสักคน”