Chapter 2
ชายหนุ่มถอนหายใจพรืด เดินกลับมาที่โถงรับรอง ถ้าให้ต้องรอมารดาแต่งตัว เขาต้องหิ้วท้องรอไม่น้อยกว่าสองชั่วโมง เวลาสามทุ่มในตอนนี้ ถ้าจะออกไปดินเนอร์ เวลาทานอาหารก็คงล่วงเลยกินเวลานอนไป
“ถ้าอย่างนั้นขอข้าวไข่เจียวกุ้งก็พอ”
อลันทิ้งตัวลงบนโซฟาแรงๆ ยกขาพาดบนโต๊ะด้านหน้า พร้อมกับวาดมือสองข้างกางออกเท้ากับพนักพิงอย่างสบายๆ
“ลูกไม่เบื่อบ้างหรือไง” นางอลันดาถามลูกชาย ไม่ว่าที่บ้านจะจ้างเชฟชื่อดังแค่ไหน แต่เมนูประจำของอลันก็ต้องเป็นข้าวสวยร้อนๆ กับไข่เจียวกุ้งสดเท่านั้น
“คำว่าโปรด...ต้องมีคำว่าเบื่อด้วยหรือครับ”
“แต่แม่ก็เห็นลูกทานอย่างนี้ทุกวันที่กลับบ้าน”
“ได้ไหมครับ” ชายหนุ่มถามย้ำ
“เดี๋ยวแม่ไปสั่งคนให้”
ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นยืน “ถ้าอย่างนั้นผมขอไปอาบน้ำก่อน” ชายหนุ่มเดินหันหลังออกไป แต่เหมือนคิดอะไรได้บางอย่าง
“อ้อ...แม่ครับ”
นางอลันดาเลิกคิ้วสูง มองหน้าลูกชายกลับตั้งคำถามด้วยสีหน้า
“ผมจะไปเมืองไทย แม่อยากได้อะไรหรือเปล่า” สีหน้าของคนเป็นแม่เครียดขึ้น สิ่งที่นางกลัวกำลังจะเดินเข้ามาหาทีละนิด สามสิบกว่าปีที่นางจากมา นางไม่เคยเหยียบย่างกลับเมืองไทยสักครั้ง ไม่เคยแม้แต่จะเล่าหรือพูดถึง
“เราคุยกันแล้วนะอลัน ลูกก็รับปากแม่แล้วว่าจะไม่กลับไปทำธุรกิจที่เมืองไทย”
“เมืองไทยมีอะไรหรือครับ ทำไมแม่ต้องกลัวและปิดบัง ในเมื่อประเทศไทยก็เป็นแผ่นดินเกิดของแม่เอง”
“ไม่นะอลัน ลูกจะต้องไม่ไปเมืองไทย”
นางอลันดาเริ่มเสียงสั่น แม้เวลาจะผ่านมานานหลายปี แต่นางก็ไม่มั่นใจในความปลอดภัยของลูก ในเมื่อบุคคลคนนั้นยังอยู่ แถมตอนนี้เขายังมีทั้งบารมีและอำนาจมากกว่าเมื่อก่อน
“ทำไมแม่ต้องปิดบัง แม่กระทั่งชื่อสกุลที่แท้จริงของแม่ ผมก็ยังไม่รู้”
“อย่าถามแม่อีกเลยนะ”
“แม่ก็ยังไม่ยอมบอก”
“แม่เหลือลูกอยู่คนเดียว แม่ขอร้องล่ะนะ แม่ไม่อยากต้องเสียลูกไปเหมือนพ่อของลูก”
“แม่ก็คงจะรู้จักผมดี เรื่องของธุรกิจ ถ้าตลาดน่าสนใจ ก็ไม่มีอะไรจะรั้งนักธุรกิจอย่างผมให้ก้าวออกไปเปิดตลาดใหม่ๆ ได้หรอกครับ”
“แม่ไม่เคยขออะไรลูกเลยนะอลัน นี่เป็นสิ่งแรกที่แม่จะขอลูก”
“ผมก็ไม่เคยขออะไรแม่เช่นกัน สิ่งเดียวที่ผมอยากรู้จากแม่ แต่แม่กลับปกปิด...แม้กระทั่งลูก”
ชายหนุ่มเดินเลี่ยงผ่านหน้าคนเป็นมารดาไป ปล่อยให้อีกคนมองตามอย่างหนักใจ เพราะรู้จักลูกชายของนางดี เขากำลังไฟแรงและมุ่งมั่น บวกกับความสดใหม่ในชั้นเชิงการบริหารที่ฉีกมุมมองเดิม แต่เมื่อเขายิ่งก้าวได้เร็วเท่าไร โอกาสพลาดก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
ความร้อนของวันละลายน้ำแข็งในแก้วให้กลายเป็นน้ำใสๆ เจ้าของแก้วไม่มีเวลาได้ใส่ใจมันสักเท่าไร มือเล็กๆที่จับดินสอหลวมๆ ค่อยๆตีสเก็ตร่างแบบไปเรื่อยๆ
ทุกความสนใจของหญิงสาวมุ่งไปที่ชิ้นงานตรงหน้า นับจากเรียนจบ...ภาระหน้าที่ที่หนักอึ้งก็พรากความสดใสของวัยจากเธอไปด้วย จากเด็กสาวที่เพิ่งพ้นรั้วมหาวิทยาลัย แต่ต้องแบกรับหน้าที่เกินวัย ทำให้เธอกลายเป็นคนเคร่งขรึม และเพราะต้องทำงานหนักจนไม่มีเวลาใส่ใจตัวเองจนกลายเป็นยัยเพิ้งดีๆ หลายคนมองรูปงามที่ซ่อนไว้ภายในไม่ออก สาวเลยวัยเบญจเพศมาหลายปีอย่างเธอที่ต้องรับภาระดูแลบิดา ดูแลโรงงานเล็กๆ ที่เป็นเสมือนท่อน้ำเลี้ยงเล็กๆ ท่อสุดท้ายของครอบครัว
เสียงเครื่องจักรในโรงงานขนาดเล็กดังเป็นระยะ ลลินเดินง่วนอยู่กับแปลนแบบที่เธอเพิ่งออกแบบให้ในงานประชุมผู้ประกอบการการค้าเพชรโลก งานนานาชาติครั้งยิ่งใหญ่ครั้งแรกของโรงงานเล็กๆ ที่เธอต้องดูแลแทนบิดา
ลูกน้องสิบกว่าคนที่อยู่ร่วมกันมาตั้งแต่พ่อของเธอเริ่มก่อตั้งโรงงาน ช่วงแรกทำแค่ทองรูปพรรณ จนกระทั่งลลินเลือกที่จะเรียนการออกแบบเพราะความชอบส่วนตัวอยู่แล้ว และต้องต่อยอดธุรกิจ แต่ก็ไม่คาดว่าเธอจะได้รับบทหนักตั้งแต่เรียนปีสุดท้าย
จู่ๆ พ่อของเธอที่เป็นเสาหลักก็ประสบอุบัติเหตุลื่นล้มจนกลายเป็นอัมพาต นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง ทิ้งภาระให้หญิงสาวตัวเล็กๆ
ลลินต้องดูแลโรงงานแทนบิดาตั้งแต่เรียนยังไม่จบดี สำหรับเธอมันเป็นภาระที่ยิ่งใหญ่มาก แต่ก็ต้องกัดฟันเรียนให้จบ ออกแบบจิลลี่หาเงินไปด้วยอีกทางแต่แปดปีที่ผ่านมา เธอสามารถพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็น แม้จะล้มลุกคลุกคลาน และหลายคนตั้งฉายาจอมงก จอมเขี้ยวให้เธอ แต่เธอก็ก้าวผ่านช่วงวิกฤตหนักที่สุดมาได้
ถึงวันนี้...หญิงสาวกำลังจะพาโรงงานเล็กก้าวข้ามไปอีกขั้น งานใหญ่ที่เธอได้รับเกียติจากสมาคมผู้ค้าเพชรให้ออกแบบเครื่องเพชรชุดใหญ่ เกิดเข้าตาลูกค้าขึ้นมา ก็หมายถึงว่าทุกคนในโรงงานจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ถึงอย่างนั้นเธอก็ต้องทุ่มเททำงานหนักมากขึ้นเพื่อให้ผลงานออกมาดี ให้สมกับที่ได้รับโอกาสดีๆ
คชา คือบุคคลที่มีบุญคุณท่วมหัว เขาคือเพื่อนรักของบิดา หากไม่มีเขาสักคนเธอก็คงนำพาโรงงานเล็กๆ ของเธอก้าวผ่านอุปสรรคมาไม่ได้
“คุณลิน งานชุดนี้ทำต่อได้เลยไหมครับ”
เทิดศักด์ หนุ่มใหญ่วัยรุ่นพ่อเดินถือแบบเข้ามาถาม ลลินวางดินสอในมือลงบนกระดานร่างแบบก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองคนมาใหม่
“น้าเทิดทำต่อไปได้เลยค่ะ ลินฝากดูแลความเรียบร้อยในโรงงานแทนลินด้วย” เทิดศักดิ์พยักหน้าหงึกๆ อย่างเข้าใจ
ลลินทุ่มเททำงานหามรุ่งหามค่ำอย่างนี้มาร่วมเดือน แก้แบบงานไม่รู้กี่หน ชุดเครื่องเพชรที่อยู่ในมือของเธอก็เป็นชุดสุดท้ายที่เธอจะส่งเข้าโชว์ในงานที่จะมีขึ้นกลางเดือนหน้า
“พักบ้างเถอะครับ”
“ลินขอตรวจรายละเอียดรอบสุดท้าย พรุ่งนี้จะได้ส่งให้ช่างทำ ดูให้ละเอียดและเผื่อเวลาเอาไว้สักนิดดีกว่า หลังจากที่ทุกอย่างออกมาดีแล้วค่อยพักก็ได้”
“แต่ถ้าทรุดก่อนกลางทาง มันก็จะยิ่งแย่หนักไปกว่าเดิมนะ”
“ลินรู้ว่าลินยังไหว”
“น้าก็รู้ว่าลินไหว เพราะลินก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าสามารถผ่านเรื่องราวหนักๆ มาได้ แต่น้าก็ยังห่วงอยู่ดี บางทีถ้าเราได้พักสมองบ้าง ให้สมองปลอดโปร่ง ร่างกายพร้อมทำงาน งานอาจจะออกมาดีกว่าที่ทนทู่ซี้ทำอย่างนี้นะ”
“ขอบคุณค่ะน้าเทิด แต่ลินอยากให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะออกมาดีที่สุดตามความสามารถของลิน ถึงตอนนี้ลินจะพัก แต่ก็คงฝืนข่มตาให้หลับลงไม่ได้ ในเมื่อในหัวมีแต่ลายพวกนี้” หญิงสาวบอกเสียงเรียบ เหลือบสายตาไปมองกระดาษแผ่นที่วางอยู่บนโต๊ะประกอบคำพูด
“ถ้าลินว่าอย่างนั้น น้าก็คงห้ามไม่ได้ ได้แต่คอยเป็นห่วงเท่านั้น”
“เจ๊...กินข้าว” เสียงเรียกมาพร้อมกับจานข้าวราดหมูผัดพริกอ่อนง่ายๆ ไอร้อนเบาๆ จากอาหารที่เพิ่งปรุงสุกกับกลิ่นหอมฉุยยั่วน้ำลาย
“น้าไปทำงานต่อนะลิน” เทิดศักดิ์ขอตัวแล้วเดินเลี่ยงออกไป
ลลินหันมาให้ความสนใจกับชิ้นงานของเธอเหมือนเดิม เพียงแค่ปรายตามองคนมาใหม่เท่านั้น
ตำแหน่ง “เจ๊เพิ้ง” ที่ลลินถูกยัดเยียดตำแหน่งนี้มาหลายปี ไม่เพียงเท่านี้ ลลินยังมีหลายฉายาให้เลือกใช้ ทั้งงก เขี้ยว เค็ม มารวมตัวกันในตัวเธอหมดอย่างไม่ได้นัดหมาย แถมรสนิยมการแต่งตัวยังเชยฉ่ำติดลบมหาศาล
เพราะต้องแบกภาระ เธอจึงเลือกตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก และหนึ่งในนั้นคือเครื่องประทินความงามและเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแบรนด์เนม เพราะอย่างนี้เธอจึงคงรักษาตำแหน่งสาวโสดที่ไม่เคยมีแฟนมาได้ตลอดทั้งชีวิต
แต่ก็เป็นความโชคดีของเธออีกอย่าง “ลลิน” มีผิวขาวเนียนละเอียด ดวงตากลมโตดำขลับ คิ้วหนาโก่งอย่างไม่ต้องเขียนเพิ่มให้ยุ่งยาก แพขนตาเด้งงอนแบบไม่ต้องพึ่งพามาสคาราเหมือนหญิงสาวหลายคน หากแต่ผู้คนกลับมองข้ามสิ่งเหล่านั้นไป มองเห็นแต่รูปภายนอกเฉิ่มเชยเท่านั้น