ลลินจอดรถหน้าตึกสูงหกชั้นกลางกรุง ลานจอดรถที่ถูกตกแต่งไว้อย่างดีเยี่ยมบรรยากาศคล้ายๆ สวนสวยที่หาดูได้ยากยิ่งในพื้นที่ทำเลทองราคาแพงลิ่วย่านนี้ หากเจ้าของไม่รวยจริงคงเอาที่ไปสร้างให้เป็นเงินอย่างอื่นมากกว่า โชว์รูมเพชรหรูหราของคชา ที่นี่เป็นสาขาแรกและเป็นบริษัทไปในตัว ชายหนุ่มหันมามองหน้าคนขับอย่างไม่เข้าใจ
“จอดที่นี่ทำไม”
“คุณบอกจะมาเดินดูเพชร ฉันก็พามาที่บริษัทกะรัตของคุณคชา นายกสมาคมผู้ค้าเพชร”
“เขาเป็นคู่ค้าของฉัน ถ้าฉันอยากดู ฉันสั่งเขาคำเดียว” ชายหนุ่มบอกเสียงเข้ม
“แล้วทำไมคุณไม่บอกฉันละ ว่าอยากไปดูที่ไหน ฉันก็เดาใจคุณไม่ออกหรอก”
“ก็คิดว่าเรื่องแค่นี้น่าจะคิดได้เอง” เขาเยาะ
ลลินวางมือจากพวงมาลัยหันมาเผชิญหน้ากับเขาอย่างไม่พอใจ เธอไม่ชอบถูกตำหนิในทุกหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย แต่จะว่าไปเธอก็ผิดที่ไม่ได้ถามเขาก่อน
“สมองอย่างฉันคงคิดตามความต้องการของคนรวยไม่ทัน คุณสั่งมาอย่างเดียวก็แล้วกันว่าจะเอาอะไร ฉันขอทำตามคำสั่งอย่างเดียว” หญิงสาวบอกด้วยใบหน้าเรียบตึง พยายามปรับน้ำเสียงไม่ให้เข้มจนเขารับรู้ได้ว่าเธอไม่พอใจ
อลันซ่อนยิ้มพอใจ
“เธอพูดเองนะ”
“ฉันไม่ใช่คนไม่รู้กาละเทศะขนาดที่จะมาพูดเล่นกับคนแปลกหน้าไม่คุ้นเคย” หญิงสาวตอบกลับทันที เน้นคำว่าแปลกหน้าหนักๆ
อลันพยักหน้าเข้าใจเหมือนไม่รู้สึกรู้สาในเรื่องที่หญิงสาวจงใจเหน็บ แต่เขาก็ดึงลงต่ำเข้าเรื่องของเขาจนได้ ชายหนุ่มโน้มหน้าเข้าไปใกล้พวงแก้มอย่างจงใจ กระซิบเสียงเบาข้างหู
“ถ้าอย่างนั้นผมก็ต้องรีบทำตัวสนิทสินะ...จะได้...” ชายหนุ่มจงใจทิ้งประโยคที่ยังไม่จบเสียงพร่า
“จะได้อะไร!” ลลินหันขวับ ถามทันที
พวงแก้มเนียนของเธอชนกับปลายจมูกของเขาอย่างไม่ตั้งใจ แต่อีกคนกลับตั้งใจจดจมูกหนักลงอีกครั้ง
“จะได้หอมแก้มให้เคยชิน” ชายหนุ่มลื่นไหลไปได้เนียนๆ
“คุณ!” ลลินชี้หน้าเขา เรียกเสียงสั่น
“เรียกที่รักดีกว่านะ ฉันชอบเสียงหวานๆ อ้อนๆ มากกว่าเสียงเข้มหน้าดุอย่างนี้”
“ใครใช้ให้คุณมาหอมแก้มฉัน”
“ไม่มี” ชายหนุ่มตอบหน้าตาย “แต่แค่อยากสร้างความคุ้นเคย”
“ผู้ชายชีกอ!” หญิงสาวกำหมัดแน่น สบถเสียงดัง เธอทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น นอกเสียจากทำตามคำสั่งและอยู่จนครบเวลา ก่อนที่จะกระชากรถออกไปแรงๆ คนที่นั่งไม่ทันได้ตั้งตัวโดนเหวี่ยงจากความแรงของรถอีกครั้ง
“นี่!” คนโดนกระทำสบถลั่น
“จะไปไหนค่ะบอส...กรุณาแจ้งด้วยค่ะ” หญิงสาวปรายตามองคนโมโห กรอกเสียงหวานถาม
“ไปห้าง”
“ทำไมต้องไปห้าง” หญิงสาวถามกลับทันที
“ถ้าเพชรมันมีขายที่ตลาดสด ไปตลาดสดก็ได้” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงติดไม่พอใจ นาทีนี้เขาต้องเก็บความรู้สึกไว้ รอวันเอาคืน
หญิงสาวขับรถออกไปเงียบๆ ห้างที่ว่าหนีไม่พ้นห้างใหญ่กลางกรุงที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่เธออยู่มากนัก หลังจากพารถคันหรูไปจอดในโรงจอดรถของห้างเรียบร้อย หญิงสาวพาตัวเองออกมายืนนอกรถ แต่ยังไม่ดับเครื่องยนต์
อลันนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม
ลลินเดินอ้อมมาเคาะกระจก ยืนมองอยู่นอกรถ
“นี่คุณ! ลูกไม้อะไรอีก”
ชายหนุ่มเลื่อนกระจกรถลง ยื่นหน้าออกไปตอบ
“ก็เปิดประตูก่อนสิ เจ้านายรอให้คนขับรถเปิดประตูให้นี่เรียกว่าลูกไม้อะไรล่ะ”
“นอกจากจะไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ยังเอาเปรียบกดขี่ผู้หญิง” หญิงสาวบ่นงึมงำ แต่ก็ยอมเปิดประตูให้เขาลง
ชายหนุ่มก้าวออกมานอกตัวรถ แล้วเดินลิ่วๆ ยังลิฟท์ในอาคารที่อยู่ไม่ไกล “ตามมาให้ทัน” เขาทิ้งประโยคย้ำเสียงหนักให้เธอเพียงประโยคเดียว
หลังจากที่ลลินดับเครื่องยนต์และกดปุ่มล็อกรถเสร็จเงยหน้าขึ้น เธอเห็นเพียงแผ่นหลังของเขาก้าวเข้าไปในลิฟท์ และประตูก็ปิดลงต่อหน้าต่อตา
ลลินมีอาการหอบเล็กน้อยเมื่อวิ่งมาถึงลิฟท์ แม้จะวิ่งตามเธอก็ตามเขาเข้าไปไม่ทัน มีเพียงตัวเลขสีแดงบอกชั้น สิ่งเดียวที่พอจะเดาได้ว่าเธอต้องตามไปเจอเขาที่ไหน
“ผู้ชายบ้าอำนาจ” หญิงสาวก่นด่าตามประตูลิฟท์ที่ปิดลง สายตาของเธอยังจ้องตัวเลขลิฟท์ที่ตัวเขาเดินเข้าไปไม่วางตา เมื่อครู่เธอเห็นเขาเข้าไปคนเดียว
หญิงสาวไม่ลังเลที่จะกดปุ่มเรียกลิฟท์อีกตัวที่กำลังลงมา ทั้งที่ในใจอยากนั่งรออยู่ที่ลานจอดรถ ปล่อยให้คนบ้าอำนาจเผด็จการเดินตามอารมณ์เขาคนเดียว
ทันทีที่ก้าวพ้นกรอบประตูลิฟท์ออกมา...ลลินก็เห็นเขายืนอยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มยกข้อมือซ้ายของตัวเองขึ้นดูเวลา ก่อนที่จะเงยหน้ามองหญิงสาว
“ช้าไปห้านาที หากครั้งนี้เป็นการติดต่อธุรกิจหลายร้อยล้าน ห้านาทีก็สามารถทำให้เธอชวดเงินก้อนมหาศาลได้” ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบๆ เขากำลังประเมินอะไรจากเธอบางอย่าง
“โชคดีที่วันนี้ฉันเป็นแค่คนขับรถและทำตามคำสั่งเจ้านาย ไม่ได้มาติดต่อธุรกิจหลายร้อยล้าน” หญิงสาวเหน็บกลับ แค่นี้เธอก็รีบจนเหนื่อยหอบ
“เธอพูดเองนะ” ชายหนุ่มถามย้ำและก้าวขาออกไปทันที ลำขายาวๆ ของเขาที่ก้าวเร็วกว่าปกติทำให้สตรีมาตรฐานหญิงไทยต้องวิ่งตามอีกครั้ง
ชายหนุ่มหยุดอยู่ที่ร้านเสื้อแบรนด์ดัง แทนที่จะไปร้านเพชรอย่างที่เขาบอกเธอเอาไว้แต่แรก ถ้าเป็นเสื้อผ้าแบรนด์ผู้ชาย ลลินจะไม่แปลกใจหรือสงสัยแม้แต่นิด
“หลอกให้วิ่งตามเหนื่อยแทบตาย ที่แท้ก็มาชื้อเสื้อให้ผู้หญิง เจริญล่ะพ่อคุณ พ่อนักธุรกิจแสนล้าน” หญิงสาวเหน็บตามหลังเบาๆ เดินตามชายหนุ่มเข้าไปในร้าน
“ช่วยจัดเสื้อผ้าให้ผู้หญิงคนนี้ลองสักสิบชุด” ชายหนุ่มสั่งพนักงานขาย
“ใครบอกว่าฉันอยากได้ ฉันไม่เอา แล้วฉันก็ไม่ลองเด็ดขาด” หญิงสาวเดินตามมาทันได้ยินพอดี ถ้าเขาจะเผด็จการก็อย่าให้เกินขอบเขตงานในสัญญา
ชายหนุ่มเหลือบหางตาหันกลับมามองลลินนิดหนึ่งก่อนที่จะหันไปสั่งกับพนักงานอีกรอบ
“เอาทุกแบบในร้านนี้ ไชด์เท่าผู้หญิงคนนี้แล้วกัน” ชายหนุ่มสั่งเสียงเข้ม ก่อนที่จะหันมาบอกกับลลิน “เธอไม่อยากลองก็ไม่เป็นไร”
“ค่ะ” พนักงานโค้งรับ
“ไม่นะคุณ” ลลินปฏิเสธทันที
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปลอง” เขาบอกเสียงเรียบ รักษาความนิ่งบนใบหน้าได้ดีเยี่ยมเหมือนเดิม
“ฉันหมายถึงฉันจะไม่รับอะไรจากคุณ ถึงคุณจะรวยหลายแสนล้าน แต่ฉันก็ไม่ใช่ขอทานที่ต้องให้ใครมาโปรยเงินหว่านซื้อได้ด้วยของดีราคาแพง”
อลันลอบยิ้มพอใจ จากตอนแรกจะซื้อให้ก็เปลี่ยนเป็นอีกแผนอย่างกะทันหัน นักธุรกิจสมองเฉียบอย่างเขาไม่พลาดที่จะหากำไรเล็กๆ น้อยๆ
“ใครบอกว่าฉันจะจ่าย ฉันจะหักเงินเดือนเธอทีหลังต่างหาก” ชายหนุ่มทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนที่จะตอบออกไป
“เอาเป็นว่าจ่ายค่าจ้างเป็นทำงานเพิ่มให้อีกสักชิ้น หรือไม่ก็ขยายเวลาออกไปสักเดือน”
“หน้าเลือดสมเป็นนักธุรกิจจริงๆ” หญิงสาวบ่นอุบ นึกถึงสัญญาเซ็นไปเมื่อเช้า มีหนึ่งในข้อตกลงที่เธอไม่ได้ร้องขอ คือค่าจ้างตลอดการทำงานหนึ่งเดือนราคาแพงลิ่ว ตอนแรกคิดว่าเขาคงรวยอยากโปรยทานหว่านเงินเล่นๆ แต่ถึงตอนนี้เธอต้องคิดเสียใหม่
“ฮ่าๆๆ” ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดัง
“ขำอะไร”
“ให้ฟรีก็ไม่เอา จะคิดเงินทีหลังก็บ่น ตกลงเธอจะเอายังไงกันแน่”
“ก็ไม่ต้องชื้อ ฉันก็ได้รับเงินครบจำนวน แล้วไม่ต้องเสียเวลาทำงานมาอยู่กับคุณอีกเป็นเดือน”
“ที่แท้ก็งก” ชายหนุ่มพูดออกมาลอยๆ
“คุณว่าอะไรนะ”
“ฉันบอกว่า...ฉันทนมองชุดโกโรโกโสที่อยู่บนตัวเธอต่อไปไม่ไหว”
“ทำไม”
“เหมือนผ้าห่อเสาไฟ” คำเปรียบเทียบของเขาทำให้พนักงานสองสาวหลุดขำออกมา ยังดีที่พวกเธอหลบทัน ไม่เสียมารยาทมาก แต่ลลินก็แอบเห็นจนได้
ชุดของเธอแย่มากถึงขนาดนั้นเลยหรือ... หญิงสาวก้มมองชุดของตัวเอง
“ฉันเป็นนักธุรกิจ แล้วตอนนี้เธอก็ทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัว คู่ค้าฉันจะมองฉันอย่างไรเมื่อเห็นเธอแต่งตัวแบบนี้เดินไปกับฉัน” ชายหนุ่มอธิบาย
“ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบรับเสียงอ่อย เธอไม่สามารถค้านเหตุผลของเขาได้