Chapter 3 ข้ารับเจ้าเป็นภรรยา

1182 คำ
Chapter 3 ข้ารับเจ้าเป็นภรรยา ทว่า... ท่าทางที่ราวกับโลกทั้งใบได้แตกสลายย่อยยับไม่เหลือดีของนางนั้น ทำให้หัวใจที่แสนด้านชาของชายหนุ่มไหววูบ นางล้มแรงจนหัวเข่าและข้อศอกถลอกปอกเปิกไปหมด กระนั้นนางกลับลุกขึ้นยืนด้วยตนเองโดยไม่ร้องเรียกให้เขาช่วยเหลือแม้เพียงครึ่งคำ ยิ่งเห็นว่านางเดินสะเปะสะปะไร้จุดหมายเข้าไปในป่ากว่าหลายชั่วยามเพื่อที่จะฆ่าตัวตาย เขาก็ยิ่งมั่นใจว่านางไม่ใช่นักสืบหรือนักฆ่าจากที่ไหน นางเป็นเพียงแค่กวางสาวที่แสนหวาดกลัว เป็นหมากตัวหนึ่งของครอบครัวที่ถูกเขี่ยทิ้งเมื่อหมดผลประโยชน์ เขาจึงไม่อาจนิ่งดูดายปล่อยให้นางตายตกไปต่อหน้า จำต้องช่วยชีวิตนางเอาไว้ ฮึก! เสียงสะอื้นหยุดชะงักเมื่อปลายนิ้วของชายหนุ่มยื่นไปเช็ดน้ำตาที่นวลแก้มอย่างอ่อนโยน ซินเหมยหยุดร้องไห้แต่ไหล่บางยังคงสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง อุ่นวาบไปที่หัวใจอย่างน่าประหลาดเมื่อได้รับสัมผัสจากเขา “เจ้าคิดจะตายโดยไม่ทำหน้าที่เจ้าสาวให้ข้างั้นหรือ” ถ้อยคำทวงถามทำให้ใบหน้าของหลี่ซินเหมยร้อนผ่าว นางก้มหน้างุดก่อนจะเอ่ยตอบออกไปแผ่วเบา “ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้เจ้าค่ะ” ซินเหมยเสียงสั่น เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง ก่อนจะพูดฝากฝังตัวเองไว้ในมือของชายตรงหน้า “ชีวิตข้านับจากนี้เป็นของท่าน ข้าจะเป็นภรรยาที่ดี จะเป็นผู้ตามที่ดี จะเป็นผู้ฟังที่ดี จะคอยปรนนิบัติท่านอย่างดีที่สุด จะไม่ทำให้ท่านรำคาญใจเป็นอันขาด ได้โปรดรับข้าเป็นภรรยาด้วยเถอะเจ้าค่ะ ท่านเป็นเพียงแสงสว่างเดียวในชีวิตข้าที่เหลืออยู่” น้ำเสียงสะอื้นสั่นเครือ มือเล็กยื่นไปแตะแขนของเขาก่อนจะตกใจรีบชักมือกลับ ทว่าคนตัวโตกว่ากลับรวบมือบางมากุมไว้ “ข้าจะรับเจ้าเป็นภรรยา ไม่ต้องห่วงต่อจากนี้จะไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้อีก ข้าจะปกป้องเจ้าเอง” น้ำเสียงราบเรียบแต่เต็มไปด้วยพลังจนหญิงสาวตัวเล็กรู้สึกได้ ชายผู้นี้ไม่เหมือนชายหนุ่มทั่วไปที่นางรู้จัก ตอนที่เขาแบกนางไว้บนแผ่นหลังนั้น ไหล่ของเขากว้างแลผึ่งผาย แผ่นหลังแข็งแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้าม อีกทั้งนางยังรู้สึกได้ถึงบาดแผลที่พาดยาวกลางแผ่นหลังของเขา เขาเหมือนทหารมากกว่าเป็นชาวไร่ชาวสวน... “ทะ...ท่านไม่ได้เป็นใบ้หรือเจ้าคะ” “ข้าไม่ได้เป็นใบ้ ข้าแค่ไม่อยากพูดคุยกับชาวบ้าน คนพวกนั้นมีแต่ทำตัวสอดรู้สอดเห็นไปวันๆ หาความจริงใจไม่ได้” “เจ้าค่ะ” หญิงสาวพยักหน้างึกๆ อย่างว่าง่าย พยายามจดจำว่าสามีเป็นคนขี้รำคาญ ดังนั้นนางยิ่งต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังและเจียมเนื้อเจียมตัวให้มาก “ขะ...ข้าขอทราบชื่อแซ่ท่านได้หรือไม่” “จางจ้าวถาง” “เจ้าค่ะนายท่านจาง...” นางยังไม่ทันได้ย้อนทวนชื่อของเจ้าบ่าว มือเรียวก็ยื่นมาปิดริมฝีปากของนางเอาไว้เสียก่อน “เราเป็นสามีภรรยากัน ก็เรียกขานกันดั่งสามีภรรยาเถอะนะน้องหญิง” ตึก! ตึก! ตึก! หัวใจของหลี่ซินเหมยกระโจนแรงแทบจะกระเด็นออกมาจากอก ในขณะที่คนตัวโตนั่งอมยิ้มมองใบหน้าซ่านแดงระเรื่อไปจนถึงใบหูและลำคอของคนตัวเล็กตรงหน้า ‘ยามเจ้าอายช่างน่ารักน่ามองยิ่งนัก’ เขายื่นปลายนิ้วไปเกลี่ยนวลแก้มนุ่มอย่างเผลอไผล และนั่นยิ่งทำให้แก้มอิ่มยิ่งแดงก่ำร้อนผ่าวไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย “จะ...เจ้าค่ะท่านพี่” ซินเหมยอ้อมแอ้มตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเขินอาย แม้จะพ้นวัยปักปิ่นมาหลายปี แต่นางไม่เคยรู้สึกใจเต้นแรงกับบุรุษเพศคนใดมาก่อน ขนาดใกล้ชิดร่วมนั่งดื่มน้ำชาด้วยกันตามงานเลี้ยงสังสรรค์ของเหล่าผู้มีอันจะกิน กระนั้นบุรุษมากหน้ายังไม่อาจทำให้นางหวั่นไหว ทว่า.... เขาเป็นชายคนแรกที่ทำให้นางใจเต้นตูมตามราวกับเสียงกลองศึก อีกทั้งยังมือไม้เย็นเฉียบอย่างไม่รู้ว่าจะวางมือไว้ตรงไหน แม้ไม่ได้เห็นใบหน้า แต่แค่น้ำเสียงนุ่มทุ้มและสัมผัสที่แสนอ่อนโยนของผู้เป็นสามีกลับทำให้นางใจสั่นได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ “ดูเหมือนว่ากระแสน้ำด้านล่างจะสงบแล้ว” จางจ้าวถางพูดพลางกระโดดลงจากกิ่งไม้ขนาดใหญ่ แล้วเดินย่ำดินเลนและเศษซากกิ่งไม้ที่กระแสน้ำได้พัดพามาทับถมไว้จนสูงมิดหน้าแข้ง แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่สงบปราศจากลมพายุ ก็พอจะเบาใจได้ว่าเขาจะสามารถพาเจ้าสาวของเขากลับไปยังกระท่อมได้อย่างปลอดภัย เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงรีบปีนป่ายกลับขึ้นไปบนต้นไม้ “ขี่หลังข้าไว้ เราต้องเร่งออกเดินทางกลับกระท่อมก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน” “เจ้าค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าอย่างว่าง่ายก่อนจะยื่นมือไปข้างหน้าทั้งสองข้างซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้เป็นสามีหันแผ่นหลังมาใกล้ๆ สองแขนเล็กโอบรอบลำคอของจางจ้าวถางเอาไว้ เขาใช้ผ้าผืนเดิมรัดเอวนางเข้ากับแผ่นหลังเพื่อไม่ให้นางร่วงหล่น จากนั้นจึงค่อยๆ ปีนลงจากต้นไม้อย่างระมัดระวัง “ลงจากต้นไม้แล้ว ให้ข้าเดินเองก็ได้เจ้าค่ะ ท่านพี่จะได้ไม่เหนื่อยมาก” หลี่ซินเหมยอ้อมแอ้มเอ่ยออกไปด้วยความเกรงใจ แม้นางจะมีเรือนร่างบอบบางค่อนไปทางตัวเล็ก แต่การต้องแบกคนทั้งคนไว้บนแผ่นหลังเพื่อเดินทางออกจากป่าจะยิ่งทำให้เหน็ดเหนื่อยไม่น้อย “ที่ผืนดินมีแต่โคลน บางจุดก็ยังมีน้ำท่วมน้ำขัง หากน้องหญิงลงเดินเกรงว่าเท้าของเจ้าจะยิ่งได้รับบาดเจ็บถ้าเศษดินเข้าไปในแผล” หญิงสาวนิ่งอึ้งด้วยลืมคิดไปว่าเท้าของนางเป็นแผลเต็มไปหมด ทว่าชายผู้นี้กลับใส่ใจเรื่องของนางแม้เล็กน้อย ยิ่งทำให้นางมั่นใจว่าเขาจะปกป้องคุ้มครองนางดั่งที่เขาได้ลั่นวาจาเอาไว้อย่างแน่นอน อย่างน้อยๆ นางก็ไม่ได้โชคร้ายจนเกินไปนัก แม้คนในตระกูลจะขับไล่ บิดาจะหมดสิ้นความรักและสายสัมพันธ์ที่มีต่อบุตรสาวอย่างไร้เยื่อใย กระนั้นนางกลับได้พบกับบุรุษที่แสนอบอุ่น เขาทำให้นางรู้สึกเหมือนสัตว์ตัวน้อยที่ได้ซุกซบไออุ่นหลบภยันตราย เมื่อความกังวลใจ ความกลัว ความเครียดจางหายไป ศีรษะที่หนักอึ้งก็ค่อยๆ โงนเงินก่อนจะเอนซบลงบนไหล่ของจางจ้าวถาง แล้วห้วงแห่งนิทรารมย์ก็เข้าครอบงำหญิงสาวจนไม่อาจรับรู้สิ่งใดอีก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม