ตอนที่ 5

1372 คำ
เมื่อชีวิตมีโอกาสจะได้กลับขึ้นไปยืนบนฝั่งอีกครั้ง…เธอจะไม่คว้าเชือกเส้นนั้นเอาไว้เชียวหรือ? หญิงสาวรำพึงในใจและตั้งคำถามให้กับตัวเอง ในวันที่ชีวิตแทบจะไม่เหลือใคร นอกจากยายคนเดียวที่นอนป่วยหนัก…ด้วยอาการเป็นตายเท่ากันอยู่ที่โรงพยาบาล  “ตกลงค่ะ” ทอรุ้งรับปากคุณประภาษอย่างไม่เรื่องมาก ด้วยน้ำเสียงแน่นหนัก เมื่อนึกถึงโอกาสทางการศึกษาตามที่คุณทนายได้อธิบายให้ฟังตามที่พินัยกรรมระบุไว้ เพราะทอรุ้งเองก็เป็นเด็กที่รักเรียนและมีผลการเรียนดีเยี่ยมมาตลอด    แม้จะตัดสินใจไปแล้ว ทว่าหญิงสาวก็อดไม่ได้ที่อยากจะนำเรื่องที่ถือว่าเป็นข่าวดี และถือเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิตไปบอกให้ผู้เป็นยายได้รับรู้ เพราะเธอเชื่อว่ายายจะต้องดีใจและอนุญาตอย่างแน่นนอน ทว่าเมื่อไปถึงโรงพยาบาล หญิงสาวก็ต้องเจอกับความเศร้าและความสูญเสียอีกครั้ง เมื่อพบว่าผู้เป็นยายซึ่งญาติคนเดียวและคนสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่… ได้สิ้นลมหายใจลงแล้ว ก่อนหน้าที่เธอจะมาถึงเพียงชั่วอึดใจ หญิงสาวสะอึกสะอื้น ทว่าน้ำเสียงและแววตาของทนายประภาษที่มีแววโอบอ้อมอารีอยู่ในที ก็ทำให้เด็กสาวรู้สึกอุ่นใจและวางใจขึ้นมาบ้าง แม้จะมีความสงสัยในบางประการผุดพรายขึ้นในใจเกี่ยวกับมูลเหตุแห่งพินัยกรรมฉบับนี้ ‘หากตอนนี้คงไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะมาตั้งข้อสงสัยใดๆ ยังมีเวลาอีกมากมายที่จะไขข้อข้องใจในภายหลัง’ ทอรุ้งคิดในใจ “ลุงเสียใจด้วยนะ ยายของหนูท่านหมดกรรมแล้ว” มือของทนายประภาษลูบศีรษะของหญิงสาวเบาๆ ปลุกปลอบตามประสาผู้ใหญ่ที่เข้าใจถึงความสูญเสียของเด็กสาว เขาสาอาจะยื่นมือเข้ามาจัดการเรื่องงานศพด้วยตัวเอง “ลุงจะพาหนูไปอยู่บ้านหลังใหม่ ลุงเชื่อว่าหนูจะต้องชอบ และลุงมั่นใจว่าคุณไรอันผู้เป็นทายาทคนเดียวของคฤหาสน์จะทำหน้าที่ผู้ปกครองดูแลหนูเป็นอย่างดี ในฐานะน้องสาวคนหนึ่ง” ทนายประภาษกล่าวด้วยน้ำเสียงและแววตาอ่อนโยน ให้ความเชื่อมั่นกับทอรุ้ง   ในวันรุ่งขึ้นทนายประภาษก็พาทอรุ้งขึ้นรถตู้เพื่อเดินทางกลับคฤหาสน์ของไรอัน ทำตามหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายเอาไว้ในพินัยกรรม หลังจากช่วยจัดการเรื่องงานศพคุณยายของทอรุ้งจนเสร็จสิ้น ‘คุณไรอันคนนี้จะดุไหม?  เขาจะดีต่อเธอไหม? หน้าตาของเขาจะเป็นอย่างไร? ทำไมชื่อเป็นฝรั่ง?’ ทอรุ้งครุ่นคิดในใจถึงชีวิตใหม่ บ้านหลังใหม่ ผู้ปกครองคนใหม่ที่รอคอยเธออยู่ข้างหน้า   ตอนที่ 3 รถตู้คันสีขาวที่มีลุงชิตเป็นคนขับ พร้อมด้วยทนายประภาษและเด็กสาวที่ชื่อทอรุ้ง พากันกลับมาถึงคฤหาสน์จนเกือบค่ำ  เมื่อรถตู้ได้แล่นผ่านประตูอัลลอยด์สูงใหญ่ที่ประดับประดาเอาไว้ด้วยเลื่อมลายเหล็กดัดสีเงินยวงทั้งบานประตู ที่ด้านซ้ายและขวาของประตูเชื่อมต่อด้วยกำแพงรั้วสูงตระหง่าน เป็นกำแพงรั้วที่ก่อขึ้นด้วยหินศิลาแลงก้อนใหญ่ ดูแน่นหนาเหมือนป้อมปราการ แนวรั้วทอดตัวยาว ขนาบทั้งขวาซ้ายเหมือนอ้อมแขนที่เอื้อมโอบคฤหาสน์ทั้งหลังเอาไว้ ปราการรั้วสีเขียวเข้มที่เกิดจากต้นตีนตุ๊กแกเลื้อยระขึ้นปกคลุมไปตลอดทั้งแนวรั้ว จนแทบมองไม่เห็นสีส้มของก้อนหินศิลาแลง เพราะถูกแทนที่ด้วยใบสีเขียวของต้นตีนตุ๊กแกที่แผ่คลุมจนทั่วทั้งรั้ว ความอลังการที่ไม่คาดคิดไม่คาดฝันว่าในชีวิตจะได้มาสัมผัสพบพาน ทำให้ทอรุ้งเผลอแนบหน้าไปกับกระจกของรถตู้อย่างไร้เดียงสา   ลมหายใจอุ่นๆของเด็กสาวกระทบเข้ากับกระจกที่ฉาบไอเย็นจากแอร์ในรถจนเกิดเป็นฝ้า ทอดสายตามองผ่านกระจกบานกว้างของรถตู้ แลดูสิ่งรายรอบที่แปลกใหม่และไม่คุ้นเคยด้วยสายตาอยากรู้ ‘ทำไมบ้านของพี่ไรอันใหญ่โตอลังการขนาดนี้’ เด็กสาวพึมพำในใจ และจากสิ่งที่ได้เห็น ยิ่งเร่งเร้าให้ทอรุ้งอยากเจอหน้าของไรอันขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก  ในฐานะผู้ปกครองซึ่งเป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ “สวัสดีค่ะ หนูชื่อทอรุ้งค่ะ” ริมฝีปากสีชมพูอิ่มเต็มทั้งบนล่างของเด็กสาว ขยับเบาๆ อย่างน่าเอ็นดู  “ไหว้พระเถอะหนู”  นมช้อยกล่าว สายตาจ้องมองใบหน้าหวานหยาดและดวงตาใสๆของเด็กสาวตรงหน้าด้วยความตะลึงลาน ‘ไม่น่าเชื่อว่าเด็กบ้านไร่ท้ายฟาร์มจะมีหน้าตาที่งดงามถึงเพียงนี้’ “หน้าตาสะสวยอะไรอย่างนี้!” นมช้อยอุทาน เมื่อเสี้ยวหน้าด้านหนึ่งของเด็กสาวที่ซ่อนอยู่ในเงาของความสลัวของยามเย็น เผยเด่นออกมาชัดเจน เต็มดวงหน้า “วันนี้คุณไรอันไม่อยู่ แต่ได้ฝากให้นมจัดการเรื่องห้องหับไว้ให้กับหนูแล้ว” นมช้อยบอก ทอดสายตามองดูเด็กสาวที่อยู่ในอาการสงบเสงี่ยมเจียมตัว ทอรุ้งนิ่งนานจนนมช้อยไม่อาจคาดเดาได้ว่าเด็กสาวกำลังครุ่นคิดถึงสิ่งใด กระทั่งทอรุ้งเอ่ยออกมา “หนูจะได้เจอคุณไรอันเมื่อไรคะ?” ทอรุ้งถามด้วยความใจร้อน “ยังมีเวลาอีกถมเถค่ะ...แต่หนูไม่ต้องกังวล วันนี้คุณไรอันเธอมีงานยุ่ง อาจจะกลับค่ำๆ หรือบางทีก็อาจจะไม่กลับ แต่ไม่ต้องเป็นกังวล เพราะป้าดูแลหนูเอง” นมช้อยกล่าวให้เด็กสาวอุ่นใจ “ขอบคุณมากค่ะ” “เอ่อ..ขออนุญาตให้หนูเรียกคุณว่าป้านะคะ” เด็กสาวเอ่ย นมช้อยหันมายิ้มกับเด็กสาวบ้านนอกที่ดูมีกิริยามารยาทจนน่าแปลกใจ “ได้สิคะ เรียกนมช้อยว่าป้าหรือจะเรียกว่านมช้อยก็ได้ ตามใจหนู แต่คุณไรอันเธอมันจะเรียกป้าว่านมช้อยจนติดปาก เพราะป้าเป็นแม่นมของคุณไรอัน เลี้ยงดูคุณไรอันมาตั้งแต่เล็กๆ” นมช้อยอธิบายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ค่ะ…นมช้อย” เด็กสาวรู้สึกได้ถึงแววของความโอบอ้อมอารีที่ทอดทออยู่ในดวงตาของนมช้อย “หนูควรจะเรียกคุณไรอันว่าอย่างไรคะนมช้อย?” เด็กสาวถามขึ้นด้วยความสงสัย “เอ่อ...หนูควรจะเรียกคุณไรอันว่า ‘พี่ไรอัน’ ต่อจากนี้พี่ไรอันจะเป็นผู้ปกครองของหนู ซึ่งหมายความว่าต่อไปนี้หนูจะเป็นเด็กในปกครองของคุณไรอัน” นมช้อยพยายามอธิบายให้เข้าใจได้ง่าย “แล้วหนูต้องทำอย่างไรบ้าง?” เด็กสาวยังไม่หยุดสงสัย นมช้อยระบายยิ้มเมื่อเห็นเด็กสาวตั้งคำถามไม่หยุดหย่อน “ก็ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ทำตัวให้ดี ตั้งใจเรียน และเชื่อฟังพี่ไรอัน” นมช้อยกล่าว “ค่ะ…รุ้งจะเป็นเด็กดี จะตั้งใจเรียน และจะเชื่อฟังพี่ไรอันค่ะ”   เด็กสาวพยักหน้ารับช้าๆ แม้เธอจะไม่เข้าใจทั้งหมดว่าการทำตัวให้ดีนั้นมีรายละเอียดครอบคลุมไปถึงเรื่องใดบ้าง? ซึ่งพี่ไรอันของเธอนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร? สูงต่ำดำขาวแค่ไหน? นิสัยใจคอจะเป็นอย่างไร? ดุหรือใจดี?…เด็กสาวก็ยังไม่อาจจะล่วงรู้ได้ แม้ความรู้สึกในใจจะเร่งเร้าเพราะความอยากรู้สักเพียงใด หากเด็กสาวจำต้องเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ ก่อนจะเดินตามนมช้อยก้าวขึ้นบันไดไปช้าๆอย่างว่าง่าย เพื่อจะไปดูห้องนอนตามที่นมช้อยบอก เมื่อได้เข้ามาในบ้าน ยิ่งได้เห็นความอลังการ ได้เห็นการประดับตกแต่งบ้านด้วยเครื่องเรือนราคาแพง พื้นที่ทุกตารางนิ้วในบ้านปูด้วยพรมสีน้ำตาลอ่อนผืนใหญ่ เด็กสาวรู้สึกได้ถึงความนุ่มของพรม เมื่อเท้าน้อยๆของเธอเหยียบย่างตามนมช้อยไปตามผืนพรมช้าๆ ด้วยสายตาตะลึงพรึงเพริดกับความงดงามภายในคฤหาสน์หลังนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม