แต่ไม่อยากทิ้งภาระให้พ่อจ๋าและแม่จ๋าต้องมาคอยดูแลแทนเพราะต้องออกไปอยู่ที่หอพักของมหาวิทยาลัย จึงนำมาฝากไว้ที่พี่กำนัน ซึ่งกำนันเองก็รับปากว่าจะดูแลพวกมันให้
“สวัสดีครับพี่ปราชญ์”
กำนันหนุ่มทักทายชายสวมแว่นด้วยเสียงที่ฟังแล้วไม่เหมือนพบกันครั้งแรกเลยสักนิด
“อ้าว รู้จักกันแล้วหรือนี่”
หญิงสาวมองหน้าญาติผู้พี่สลับกับคนข้างตัว ด้วยสายตางงงันเป็นที่สุด กำนันหนุ่มยิ้มไม่ว่าอะไรจากนั้นแล้วหันไปคุยกับทางนั้นต่อ
“ผมกำลังรอพี่อยู่พอดีครับ นึกแล้วว่าวันนี้ต้องมากับยัยอิน”
หญิงสาวคนเดียวตรงนั้นไม่ปล่อยให้ข้องใจนาน ถามเสียเลย “เดี๋ยวๆๆๆ เดี๋ยวก่อน นี่กำนันรู้จักกับด๊อก...เตอร์นี่ด้วยหรือ”
“แน่นอน ด๊อกเตอร์จบก่อนหน้าพี่แล้วได้ทุนไปต่อนอกไง” กำนันหนุ่มตอบก่อนเดินเข้าไปสวมกอดตาแว่นนั่น ศศิธิดามอง
ชายสองคนแล้วนึกเปรียบเทียบทันที
ปกติพี่กำนันของเธอนั้นร่างสูงใหญ่เหมือนหมีอยู่แล้วนะ แต่ตาแว่นนี่หมีกว่าพี่กำนันของเธอเสียอีก หญิงสาวคิดแล้วอาการเกร็งๆขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ถ้าเกิดเขาเป็นบ้า ฉุนที่เธอกวนมากๆเข้า บีบคอเธอคงสิ้นชีพได้ไม่ยาก กลืนน้ำลายด้วยความหวาดเสียวก่อนสูดลมหายใจเข้าอย่างลึก ปลอบโยนตัวเองเบาๆ
ไม่เห็นจะกลัว ลองมาสิ ได้เจอฤทธิ์เธอบ้าง
กำนันหนุ่มนำคนมาเยือนขึ้นไปบนบ้าน ศศิธิดาได้แต่ฮึดฮัดขัดใจบ่นเบาๆ กำนันนะกำนัน จำไว้เลย เธอจะให้กำนันทำท่าเบ่งใส่นายแว่นให้หงอเสียหน่อย ที่ไหนได้เป็นกำนันเสียเองที่หงอจนเหมือนลูกไล่ของนายนั่น
เมื่อคุยกันเรียบร้อย ทั้งหมดพากันออกไปดูพื้นที่คร่าวๆกำนันเสนอตัวพาไปแนะนำกับผู้ใหญ่บ้านและอบต.คนอื่น แน่นอนว่าศศิธิดาต้องตามไปกับเขาด้วย เวลาเกือบทั้งวันนั่นหมดไปกับการแนะนำด๊อกเตอร์แว่นให้รู้จักผู้นำชุมชนคนอื่นและชาวบ้านที่ผ่านไปมา
จวบจนบ่ายคล้อยจึงได้กลับเข้าบ้านเสียที
ขณะขับรถกลับ ข้างทางนั้นเองมีตลาดนัดมาตั้งขาย สบโอกาสเหมาะพอดี ให้คนใส่แว่นที่อยากรู้จักชาวบ้านชาวช่องนั้น ได้สมความตั้งใจ เธอจะพาเขาแวะตรงนี้ด้วยเลย คาดว่าเขาคงเหนื่อยแวะต่อที่ไหนไม่ไหว แล้วก็แทบยิ้มออกมาเมื่อได้ยินทางนั้นถามขณะจอดรถ
“จะแวะตลาดนัดด้วยหรือครับ”
“ใช่ค่ะ ทำไมหรือคะ เดินไม่ไหวล่ะสิ”
ถามพร้อมกับมองเขาอย่างปรามาส เลยได้สำรวจชุดที่อีกฝ่ายสวมใส่ไปพลาง เสื้อเชิร์ตสีเทากับกางเกงแสล็คสีดำรองเท้าหนังขัดมันอย่างดี ท่าทางเหมือนพวกคุณชายในวัง คงไม่คุ้นเคยกับตลาดนัดพวกนี้เท่าไรนักหรอก
“ดีครับ ดีมากเลย ผมว่าจะลงไปดูพวกผลผลิตการเกษตรของแถบนี้ด้วย ขอบคุณมากนะครับคุณอิน”
“ถ้างั้นอย่าแวะเลย เสียเวลา”
ศศิธิดาเปลี่ยนใจกะทันหันแล้วหันมาบอกอีกว่า “มันไม่ได้มีเยอะขนาดที่จะเอามาขายที่ตลาดได้หรอกค่ะคุณด๊อก...เตอร์”
“ก็ลงไปดูสักหน่อยจะเป็นไร เราน่ะไม่ได้เดินตลาดนัดมานานแค่ไหนแล้ว” คราวนี้เสียงเขาดุกว่าเดิมเล็กน้อย
“โอ๊ย...นานมาก ตั้งแต่...”
ตกหลุมเริ่มเล่าเรื่องย้อนหลังไปเรื่อยเปื่อย สุดท้ายนึกได้ว่าไม่ควรบอกอะไรให้เขารับรู้ จึงหุบปากฉับ แล้วเปิดประตูรถเดินลงไปก่อน ปราชญ์มองตามหลังก่อนอมยิ้มตามไป เขาใช้เวลาคุยกับพ่อค้าแม่ขายแทบทุกร้าน นี่ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเป็นนักวิชาการ เธอนึกว่าเขามาหาเสียงแน่ๆ
คนพามาชักเบื่อ เลือกหาซื้อของกินเล่นรอไปพลาง ทักทายเพื่อนสมัยเรียนที่บังเอิญเจอกันก็แล้ว เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะคุยจบเสียที
มันนานเกินไปแล้วนะ
และเหมือนว่าปราชญ์จะรู้ตัว เขาไหว้ขอบคุณป้าแม่ค้า พอดีกับที่ศศิธิดาเดินมาจนถึง เธอเห็นเขาถือถุงหมากและพลู รวมไปถึงเลือกซื้อกับข้าว อาหาร ขนม ของที่เลือกแต่ละอย่างเหมือนพวกคนสูงวัยในความคิดของเธอ ไม่ว่าจะเป็นอาหารแบบโบราณ ขนมที่ดูแล้วคนสูงอายุเท่านั้นที่จะกินแบบนี้จึงเบ้ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้
“หนูอิน”
ป้ากาแม่ค้าคนหนึ่งในตลาดทักทายขึ้นเมื่อไม่ได้เจอกันนาน เจ้าหล่อนเลยพนมมือไหว้ ยิ้มหวานๆส่งให้พร้อมกับทักทายกลับ
“หวัดดีจ้ะ ป้ากา”
“ได้อะไรกินน่ะลูก เอาแกงนี่ไปกินสิ ป้าให้”
“เอาไว้ขายเหอะป้า ขอบคุณมากๆ”
ศศิธิดาเหลือบตามองชายหนุ่มที่ยืนคุยกับป้ากาเมื่อครู่ แล้วอดถามออกไปไม่ได้ “อุดหนุนป้ากาเหมือนกันหรือคุณด๊อกเตอร์ ท่าจะชอบนะนั่นเหมาให้หมดเลยสิ จะเหลือไว้ทำไมนิดๆหน่อยๆ”
“เอาไว้ให้แกขายให้คนอื่นบ้างดีกว่าครับ”
ปราชญ์ตอบ ก่อนส่งยิ้มให้ป้ากา แท้จริงเขาตั้งใจเหมาป้าแกหมดแต่ป้ากาแกไม่ยอมให้เหมา อ้างว่ามีคนจองไว้บ้างแล้ว และกักถุงกับข้าวเอาไว้ที่ขอบตระกล้าสานของแกฝั่งหนึ่ง
“ดูสิ ของแต่ละอย่างเหมาะกับคุณด๊อกเตอร์จริงๆเลย แล้วนี่...จะกลับหรือยังล่ะคะ เย็นมากพ่อจ๋าแม่จ๋าจะเป็นห่วงเอา” ศศิธิดาใช้สายตามองของในมือเขา พร้อมหยิกแกมเยาะไปด้วย
“ครับ กลับกันเลยก็ได้”
“ไปนะป้ากา เดี๋ยวจะพาคุณลุงด๊อก...เตอร์นี่กลับบ้านก่อน ออกมาตั้งกะไก่โห่ป่านนี้ที่บ้านคงรอแย่แล้ว” ศศิธิดาบอกลาป้ากา ไม่วายแขวะคนข้างๆอีกที