12

1194 คำ
“เขาไม่ทำอะไรเราหรอก เรากลับบ้านกันเถอะนะ...นะคะ” เสียงคนบอกอ่อนลงจนคนฟังชักเห็นใจ แต่ทำอะไรไม่ได้มากในสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจเช่นนี้ “อย่าเพิ่งดื้อน่าคุณอิน ตอนนี้เราต้องเข้าไปหลบในนั้นก่อน” ปราชญ์บอกจบ หยิบวัตถุที่พื้นโยนไปยังทางอื่นเพื่อดูปฏิกิริยาของชายสามทั้งคนนั้น แล้วอาศัยจังหวะนั้นเองพาคนที่ใจเต้นไม่เป็นส่ำหลบเข้าไปในโดมเหมือนอย่างที่บอกในตอนแรก ก่อนที่พวกนั้นจะเห็นทั้งเขาและเธอเข้า ศศิธิดาวิ่งตามเข้าไปอย่างไม่ขัดขืน ใจจริงแล้วเธอกลัวมากจนรู้ว่ามือไม้ปากคอสั่นจนควบคุมไม่ได้ต่างหาก ไม่คิดว่าจะเจอเรื่องราวบ้าบออะไรตอนนี้ ปราชญ์ใช้โทรศัพท์มือถือขึ้นกดโทรออกไปหาใครบางคน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถเชื่อมต่อสัญญาณได้ “คุณอินนั่งพักก่อนครับ ผมต้องแน่ใจว่าคนพวกนั้นจะไม่ทำร้ายเรา” “เขาจะทำร้ายเราทำไมคะ” ปราชญ์มองหน้าเธอนิ่ง ไม่มีรอยยิ้มแบบทุกทีให้เห็น ตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรในตอนนี้ โดมที่เขาและเธอเข้ามาหลบมืดและรกร้างไม่น้อย ศศิธิดาจึงควานหาของบางอย่างที่มีติดตัวไว้ในกระเป๋าสัมภาระเมื่อเจอเธอหยิบไฟแช็คขึ้นมาทำท่าจะจุด “คุณอินอย่าเพิ่งทำอะไรตอนนี้ครับ นั่งอยู่เฉยๆก่อน” ปราชญ์เตือนเสียงเข้ม “ทำไมเล่า ในนี้มันมืดนี่นา แล้วก็...ก็เหมือนจะเย็นหน่อยๆด้วย” คนกลัวความมืดบอกเสียงอ่อย “กลัวหรือเปล่าครับคุณอิน” เสียงเข้มๆถามขึ้นในความสลัวลาง ทำไมถึงรู้สึกเหมือนเขาอมยิ้มไปด้วยขณะถามคำถามแบบนั้นกับเธอ ปราชญ์ไม่รอคำตอบ เขาพูดเสียงเบา “คุณอินเอาไฟกำลังต่ำนี่ไปใช้ก่อนครับ ถ้ากลัวความมืด” “ฉันไม่ได้กลัว ไม่ได้กลัวความมืด!” เสียงแข็งขึ้นมาทันที หันหลังขวับอย่างมีโมโห “เอาเถอะครับ ไม่กลัวก็ไม่กลัว รออีกสักหน่อย ให้ผมติดต่อกับเจ้าหน้าที่ให้ได้ก่อน ถ้าติดต่อได้เราก็กลับกันเลย” เขาพูดแล้วเดินเข้าไปหาเธอ เพื่อส่งไฟให้ หญิงสาวไม่เข้าใจในความปลอดภัยว่าขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ติดต่อเจ้าหน้าที่อะไร ทำไมต้องมาติดต่อกันตอนนี้ ฉันอยากกลับบะ...” เสียงหวานถามไม่ทันจบดี ปราชญ์พุ่งตัวมาปิดปากเธอไว้จากทางด้านหลังเมื่อเห็นเงาตะคุ่มที่ด้านนอก พร้อมบอกเบาๆข้างหู “ชู่ว...เงียบก่อน” กลิ่นกายผสมกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆของผู้ชายในแบบที่ไม่เคยได้สัมผัสจากใคร ไหนยังจะมือของเขาที่ทาบปิดที่ปากนุ่มนิ่มแต่ไม่แน่นนี่อีก คิดว่าเขาคงไม่ปล่อยง่ายๆหากว่าสถานการณ์ด้านนอกยังคลุมเครือเช่นนี้ เบื้องหลังของเธอแทบจะเรียกได้ว่าแนบสนิทชิดไปกับอกของเขา แข็งและแน่นราวกับยืนพิงกำแพงปูนแต่นี่มันกำแพงมนุษย์ และตอนนี้หัวใจของเธอก็เต้นกระหน่ำมากกว่าเดิมเป็นร้อยเท่าพันทวีแล้ว “อ่อย อ่อน” ส่งเสียงอู้อี้บอกเจ้าของมือเบาๆ เธอยืนเงียบๆได้โดยที่เขาไม่ต้องมาคอยปิดปากแบบนี้ แต่ปราชญ์ยังคงนิ่งส่งเสียงบางอย่างในลำคอให้เธอเงียบเสียงลงอย่างเดิม ความหนาวเหน็บเมื่อครู่ที่รู้สึก ตอนนี้มลายหายไปพลันเพราะแขนแข็งแกร่งหนั่นแน่นไปด้วยมัดกล้ามของชายสวมแว่นที่แทรกตัวให้ความอบอุ่นในขณะนี้ “หายหนาวแล้วหรือยังครับคุณอิน” จู่ๆเสียงถามชิดริมหูของเธอก็ดังขึ้นเบาๆ ตอนนี้หญิงสาวไม่หนาวแล้วจริงๆเพราะเลือดทั่วกายพากันพุ่งขึ้นมารวมตัวที่ใบหน้า มันร้อนวาบจนน่ากลัวว่าจะระเบิดจนตัวแตกออกหากยังต้องอยู่ใกล้กันแบบนี้ต่อไปอีก จึงพยักหน้างึกงักบอกเขาแทนเสียงว่าหายแล้ว ทำไมรู้สึกว่ากว่าเขาจะยอมผละออกได้นั้น ช่างช้าและเนิบนานเช่นนี้ ในความมืดที่มีไม่มากนัก หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าสูดใหญ่เพื่อลดความประหม่า ไม่วายได้กลิ่นจากชายสวมแว่นนั่นเข้าจมูกมาอีก บ้าชะมัด! ทันทีที่ปล่อยให้เธอเป็นอิสระแล้ว ปราชญ์เดินเบาๆไปมองรอบๆนอก ค่อยหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดต่อสายอีกครั้ง และดูเหมือนว่าปลายทางนั่นติดต่อได้แล้ว ได้ยินเหมือนกับว่าเสียงของเขาเคร่งขรึมขึ้นผิดกับเมื่อครู่ไปถนัด เขาคุยสายเบาๆอยู่อีกหลายนาที ก่อนวางลง หันมามองหน้าเธอ เลยทำเป็นแข็งขึงถามเขาเพื่อลดความรู้สึกแปลกๆในหัวใจของตนเอง “เราจะกลับกันได้หรือยังคะคุณด๊อกเตอร์” ปราชญ์มีสีหน้าผ่อนคลายลง จากความกลัวเมื่อครู่ที่ไม่ใช่กลัวเขาค่อยเริ่มรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น ศศิธิดาคิดว่าข้างนอกนั่นต้องมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ และมันต้องเกี่ยวพันกับผู้ชายสามคนที่เธอเห็นเดินวนที่รถของเขา แต่แล้วเสียงเข้มๆกลับฉุดให้เธอออกมาจากวังวนความสงสัยและความไม่สบายใจกับเรื่องที่เพิ่งประสบมา “ข้างนอกปลอดภัยแล้วครับ” “นี่มันเรื่องอะไรกันคะ คุณบอกฉันหน่อยได้ไหม” ตัดสินใจถามเขา เพราะสัญชาตญาณมันบอกว่าชายสวมแว่นนี่รู้อะไรมากกว่าเธอเสียอีก “ไปกันเถอะครับ หรือคุณอินอยากติดฝนกับผมในนี้ก็ได้นะครับ” ปราชญ์มีวิธีให้เธอเลิกถามได้อย่างแยบยล นอกจากจะเลิกถามเรื่องเมื่อครู่ เธอยังรู้สึกประหม่ามากขึ้นด้วยซ้ำ ชักกลัวผู้ชายสวมแว่นคนนี้ขึ้นมาบ้างแล้วล่ะนาทีนี้ “กลับก็กลับค่ะ จะอยู่ทำไมอีกล่ะคะ” บอกด้วยน้ำเสียงติดยียวนอย่างเดิม สองหนุ่มสาวค่อยพากันเดินออกมาด้านนอก ฝนเริ่มลงเม็ดมาบ้างแล้วแต่ไม่มาก ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับทั้งสอง ทั้งคู่กระโดดขึ้นรถพากันขับออกไปก่อนที่ฝนจะตกหนักลงมา ไฟสีแดงที่ท้ายรถส่งแสงวิบวับหายไปแล้ว ชายสามคนที่ยืนคุมเชิงอยู่เมื่อครู่จึงหันมามองตา พยักหน้าให้กันก่อนเดินจากไปยังทางเดิมที่เข้ามา ทันทีที่กลับถึงบ้านหญิงสาวเดินตรงไปที่ห้องของตนเอง ไม่คิดบอกเล่าเรื่องราวให้ผู้ใหญ่ได้รับรู้ คิดไปเองคนเดียวตลอดทางว่าคงเป็นคราวซวยของเธอที่บังเอิญไปเจอเหตุการณ์หวาดผวาเช่นนั้น อาจเป็นพวกโจร ค้ายา ลอกลับหาของป่า หรือพวกนอกกฎหมายอะไรสักอย่างที่บังเอิญไปเจอ แต่ดีแล้วที่รอดชีวิตกลับมาได้ครบสามสิบสองทุกประการแบบนี้ เมื่ออาบน้ำจนเป็นอันเรียบร้อย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม