ก็ให้นึกอยากดัดนิสัยของอีกฝ่ายขึ้นมาตงิดๆ ตามวิสัยคนชอบสอน
ส่วนตอนนี้และอนาคตจะเป็นอย่างไรนั้นก็คงได้แต่ปล่อยให้มันเป็นไป เขาไม่อยากไปกะเกณฑ์กับสิ่งที่ยังมาไม่ถึงและควบคุมไม่ได้
“จัดการยายอินให้อยู่หมัดเลยนะพ่อปราชญ์ พวกเราเอาใจช่วย”
เป็นพ่อจ๋าของศศิธิดานั่นเองที่ทำท่าลุ้นปราชญ์สุดฤทธิ์สุดเดช สองคนสูงวัยและชายหนุ่มสวมแว่นทรงโตคุยกันอีกนานจากนั้น ค่อยแยกย้ายเข้าห้องใครห้องมันในเวลาต่อมา
เพราะเมื่อคืนกว่าจะเข้านอนได้ปาเข้าไปเกือบรุ่งสาง ศศิธิดาวุ่นวายกับการโทรศัพท์หาเพื่อนคนนั้นคนนี้ ชักชวนกึ่งบังคับให้มาเป็นเพื่อนเธอ พาชายสวมแว่นนั่นออกสำรวจแหล่งน้ำ แต่กลับไม่มีใครว่างไปด้วยสักคนเดียว มันน่านัก ไอ้เพื่อนเนรคุณ
หญิงสาวเดินออกมาจากห้องด้วยท่าทีอืดเฉื่อยกว่าทุกวัน ร่ำๆอยากบอกแม่จ๋าว่าเธอไม่ไปแล้วได้หรือไม่ แต่หากบอกไป ด๊อกเตอร์แว่นนั่นต้องยิ้มเยาะเธอแน่ เอาสิเป็นอย่างไรก็ให้มันเป็นกันไปเลย
“อิน มากินข้าวก่อนมาลูก วันนี้มีของโปรดหนูด้วย”
“มีอะไรกินจ๊ะ” สีหน้าค่อยดีขึ้นหน่อยพอได้ยินว่ามีของโปรดของตัวเอง
“นี่ไง ผักกาดดองผัดไข่ บวบผัดไข่ แล้วก็นี่กินกับนี่...” หญิงสูงวัยยกจานขึ้นชูพร้อมบอกยิ้มๆ “ข้าวผัดไข่ที่หนูชอบไงลูก”
“อู้หู...น่ากินจัง ไหนลองชิมสิ”
ศศิธิดาลูบท้อง เดินเข้ามายืนมองที่โต๊ะอาหารทันที จากที่เบื่อๆอยู่นั้น พอถูกกระตุ้นด้วยอาหารสุดโปรด หญิงสาวรีบนั่งลงแล้วตักอาหารเข้าปาก ลืมอายไปเสียสนิท จะว่าอายก็คงไม่ถูกเสียทีเดียว จริงๆเธอไม่ได้รู้สึกอายด๊อกเตอร์แว่นเท่าไรนัก แต่เกลียดสายตาใต้แว่นกับรอยยิ้มประหลาดๆที่ทำให้เธอประหม่ามากขึ้นทุกขณะนั่นมากกว่า
“อร่อยไหมลูก” แม่จ๋าของเธอถามด้วยแววตาอาทร
“อร่อยมากๆๆๆ แม่จ๋าทำสูตรใหม่เหรอจ๊ะ รสชาติไม่คุ้นแต่รสนี้ก็อร่อยเหมือนกันนะเนี่ย”
พูดไปกินไป ไม่สงวนท่าทีกุลสตรีเอาไว้สักนิด แม่จ๋าของเธอไม่ตอบว่าอะไร ท่านยิ้มลูบผมดำขลับแล้วมองมาด้วยสายตาเอ็นดู เมื่อเรียบร้อยหญิงสาวยกน้ำดื่มตบท้าย
“อิ่มจัง อร่อยที่สุดเลย ขอบคุณมากนะจ๊ะแม่จ๋าสำหรับอาหารแสนวิเศษมื้อนี้”
“ขอบคุณพี่ปราชญ์เขาสิ นู่น...ตื่นมาเข้าครัวแต่เช้า วุ้ย! สาวๆสมัยนี้ยังไงกัน ตื่นเสียตะวันโด่งให้หนุ่มลุกหาข้าวปลาให้กิน ไม่เหมือนสมัยแม่...”แม่จ๋ายังพูดไม่ทันจบ ศศิธิดาแวดถามขึ้นเสียงหลง
“ใครทำนะแม่”
“พี่ปราชญ์ไงลูก ทำอร่อยนะ” ท่านว่าพร้อมกับส่งยิ้มล้อเลียนมาให้เธอ เป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าของชื่อเดินออกมาจากด้านในพร้อมผัดคะแหนงน้ำมันหอยอีกจาน
“ครับ สมัยที่ไปเรียนต่อต้องทำกินเองน่ะครับ ซื้อเอาไม่ถูกปาก ที่สำคัญเงินไม่ค่อยมีด้วยเลยต้องหัดทำ พอทำบ่อยเข้าเลยกะรสชาติที่ถูกปากได้บ้าง ไม่ได้เก่งอะไรมากมายหรอกครับ”
ปราชญ์อธิบายด้วยท่าทีถ่อมตัว ได้ยินอีกฝ่ายพูดอย่างนั้นแล้วศศิธิดาเมินหน้าหนีทันที อยากล้วงคอให้อาเจียนออกมาเสียตอนนี้ แต่ยังไม่วายเสียดายอาหารที่กินเข้าไป เลยได้แต่กลืนลงท้องปล่อยให้มันย่อยๆไปเสียทำลืมๆไปเลย
“อิ่มแล้วก็ไปกันเถอะ นี่แม่เตรียมอาหารไว้ให้เผื่อหิวจะได้ไม่ต้องไปซื้อเขากิน” แม่จ๋าว่าแล้วยื่นกล่องอาหารให้หลานสาวของตนเอง
“อันนี้ใครทำ” ศศิธิดาแคลงใจไม่หายรับมาถือแล้วยกกล่องบรรจุอาหารขึ้นส่องถามด้วยหน้าตาเครียดๆ
“แม่นี่แหละทำเอง”
“แน่นะ” หญิงสาวถามย้ำอีกที ว่าอย่างฉุนๆ “ถ้าคนอื่นทำ อินจะไปหาก๋วยเตี๊ยวกินข้างทางจริงๆด้วย อร่อยกว่าผัดไข่นั่นตั้งเยอะ” ศศิธิดาแกล้งเปิดกล่องอาหารดมๆพิสูจน์กลิ่นอีกครั้ง ไม่อยากวางใจใครแล้วนาทีนี้
“แล้วเมื่อกี๊ใครชมนักชมหนาว่าอร่อยจริงอร่อยจังอร่อยที่สุดเลย เนอะพ่อจ๋าเนอะ” แม่จ๋าของเธอแซ็วยิ้มๆหาพวกไปด้วยในคราเดียว แล้วก็ได้ยินพ่อจ๋าหัวเราะในลำคอคล้ายถูกใจเสียนัก
“แม่น่ะ”
หญิงสาวครางเสียงอ่อย แล้วรีบเดินออกจากตรงนั้นไปทันที เช้านี้เธอเห็นพาหนะไม่คุ้นตาจอดเทียบข้างๆเจ้าเขียว เดาเอาว่าน่าจะเป็นรถของด๊อกเตอร์แว่นนั่นแน่ เมื่อวานทำไมเธอไม่เห็นมันนะ
“เอาไปเปลี่ยนอะไหล่บางตัวมาน่ะครับ กลัวว่าจะมาเกเรที่นี่ มันแก่แล้ว เปลี่ยนเสร็จอู่เลยขับมาส่งให้ เมื่อวานนี้เลยต้องลำบากคุณอินไปพลางๆก่อน หวังว่าคงไม่ถือสาหรอกนะครับ”
ศศิธิดาไม่ตอบเธอเบี่ยงตัวเดินหลบไปอีกทาง งึมงำแต่ก็ดังพอที่อีกฝ่ายจะได้ยิน “ฮึ...แก่พอกัน ทั้งคนทั้งรถ”
ปราชญ์ยิ้มรับแต่ไม่พูดอะไรให้คนไม่แก่ต้องหงุดหงิดใจไปเปล่าๆ แค่นี้คงแทบอกแตกตายแล้วล่ะ เขายังยืนนิ่งไม่ตามไปที่เจ้าเขียวของเธอ ศศิธิดาเห็นดังนั้นเลยตัดสินใจบอก
“เอางี้ เราไปรถคันละคันนะ คุณไปของคุณ ฉันจะเอารถฉันไป” บอกเสร็จกระโดดขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัย บิดกุญแจสตาร์ท ตั้งท่าจะขับออกไปก่อน แต่แล้วก็ได้ยินเสียงแชะๆแล้วเครื่องก็ดับ บิดอีกทียังเหมือนเดิม สุดท้ายแม้แต่เสียงแชะก็ยังไม่มีให้ได้ยิน
“แบตคงหมด”
ปราชญ์มายืนดูข้างๆประตูตอนไหนไม่รู้ เขาสันนิษฐานอาการได้ในทันที ศศิธิดาส่งสายตาไล่ให้เขาขยับให้พ้นวิถีประตูของเธอเปิดลงไปยืนบนพื้นอีกครั้งแล้วตะโกนเรียกชายคนอื่นที่ไม่ใช่คนที่ยืนสวมแว่นนี่
“พ่อจ๋า พ่อ”
ชายสูงวัยชะโงกหน้ามามอง ร้องถามกลับ “ว่าไงลูก”
“ไอ้เขียวสตาร์ทไม่ติดจ้า เรียกตาล้วนมาดูให้อินที”
“ตาล้วนไม่อยู่น่ะสิ” ตอบสวนมาทันควัน
“อินไม่มีรถพาคุณด๊อกเตอร์ไปนะพ่อ”
ศศิธิดาตะโกนตอบแล้วลดเสียงลงคุยกับคนข้างๆ “เอาไงดี คุณไปกับกำนันดีไหม สนิทกันอยู่นี่ เดี๋ยวฉันโทรบอกกริ๊กเดียวรับรองกำนันไม่มีปัญหา”
“วุ๊ยเด็กคนนี้ พูดจาอะไรไม่รู้ ไอ้เขียวมันไปไม่ได้ ก็ไปรถพี่เขาสิ”