“เป็นเด็กริดื่มเหล้า”
เสียงเข้มเปล่งออกมาพร้อมแตะข้อศอกเธอเบาๆให้หลบทางคนอื่น ด้วยว่าทั้งคู่ยืนขวางตรงหน้าห้องน้ำนั่นเอง
“ครายอ่ะ กมล”
เสียงที่คิดว่าตัวเองบังคับไม่ให้ยานคางถามออกไป คุ้นเคยกับการเรียกชื่อเพื่อนสนิทจนคนตรงหน้าขมวดคิ้วนิดๆมองเธอเล็กน้อยก่อนคลายออกในเวลาต่อมา ท่าทีนิ่งสงบขัดกับบรรยากาศในร้านจนน่าขัน
“เป็นเด็กเป็นเล็กแถมยังเป็นผู้หญิงอีก ดื่มขนาดนี้ได้ยังไง ไม่ได้รู้เลยว่าสังคมสมัยนี้มันน่ากลัวขนาดไหน” ชายคนเดิมตำหนิเธออีกครั้ง คราวนี้ยาวกว่าเดิม จนคนฟังยื่นปากใส่ สะบัดมือข้างที่เขายังแตะอยู่ออกให้พ้นจากกระแสอุ่นๆที่ทำให้เธอรู้สึกประหลาดๆ คงเพราะเหล้าทำให้ความรู้สึกแปรปรวนได้ขนาดนี้ แล้วว่าต่อเสียงอ้อแอ้ฟังออกว่าเมา
“คืนนี้มีเลคเชอร์ด้วยเหรอเนี่ย กมลเปลี่ยนร้านเหอะ”
“กมลไหน ถ้าหมายถึงเพื่อนของเธอ นู่น เมาหลับที่โต๊ะนั่นแล้ว”
ศศิธิดามองตามมือที่เขาชี้บอก ไม่อยากเสวนากับผู้ใหญ่ที่เสแสร้งแกล้งเป็นคนใจดี ทำทีมาว่ากล่าวตักเตือนเด็กอย่างเธอในร้านเหล้าเช่นนี้
“อินครับ”
เสียงทักจากหนุ่มหน้าหวาน อดีตเดือนคณะ เรียกชื่อศศิธิดาเสียสนิทสนม จนเจ้าตัวเองยังนึกแปลกใจ เดินออกมาจากห้องน้ำขณะที่เธอกับชายแปลกหน้ายังยืนคุยกันอยู่
หญิงสาวหรี่ตามอง ปรับโฟกัส เมื่อเห็นว่าเป็นพ่อเทพบุตรสุดหล่อของเธอจึงทักกลับด้วยรอยยิ้มแสนหวาน
“ว่าไงชาร์ม มาตั้งแต่ตอนไหน อินไม่ทันเห็น”
“เพิ่งมาถึงน่ะครับ แล้วอินมากับใคร”
ชายหน้าหวานบอกด้วยกระแสเสียงนุ่มนวลถามกลับในตอนท้าย ขัดกับแววตาที่ดูวิบวับไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด
“อินมากับกมล แล้วก็ไอ้พวกนั้น” ศศิธิดาชี้มือบอกว่า ‘พวกนั้น’ ของเธอ ส่วนใหญ่เป็นแก๊งค์ผู้ชายแทบทั้งสิ้น
“อินไปนั่งกับเราสักครู่ได้ไหม พอดีเรามีเพื่อนอยากแนะนำให้รู้จักน่ะ” อดีตเดือนคณะหน้าละอ่อนเอ่ยปากชวน น้ำเสียงสุภาพจนสาวๆเคลิ้มตามมานักต่อนักแล้ว
ชายหนุ่มที่เพิ่งเลคเชอร์เธอไปเมื่อครู่ ไม่ได้อยากยุ่งด้วยเลย หากเมื่อครู่ตอนเข้าห้องน้ำจะไม่ได้ยินบทสนทนาของหนุ่มหน้าหวานคนนี้กับเพื่อนที่มาด้วยกันเข้าเสียก่อน
“มึงอยากลองของสดกันไหมต้น”
“อะไรวะชาร์มของสดของมึง”
“แม่นั่นไง คนที่มาคนเดียวกับผู้ชายทั้งโต๊ะ กูได้ยินว่ายังซิงอยู่เลยนะเว้ย”
“จริงหรือเปล่า ไม่ใช่โดนเพื่อนแทะมาทั้งกลุ่มแล้วเรอะ”
“ไม่ลองไม่รู้เว้ย เดี๋ยวกูจัดการเอง”
“มึงจะทำไง”
“นี่ไง” คนพูดชูซองยาในมือ แกว่งไกวหน้าเพื่อน “เดี๋ยวกูจะไปชวนเขามานั่งด้วย มอมเหล้าสักแก้วสองแก้ว แล้วจัดยาให้สักชุด เสร็จแล้วลากขึ้นรถแม่งเลย” สองหนุ่มคุยกันทั้งๆที่ไม่ทันสังเกตว่ามีคนอยู่ในห้องน้ำด้วย หรือคิดว่าการกระทำลักษณะนี้เป็นสิ่งที่ใครๆเขาก็ทำกัน ช่างน่าละอายนัก
ศศิธิดาไม่เคยรู้กิตติศัพท์ของพ่อหนุ่มหน้าหวานคนนี้มาก่อน จึงสองจิตสองใจ เพราะใจหนึ่งก็อยากทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ แต่อีกใจก็ไม่อยาก เธอต้องการกลับมากกว่าจะนั่งที่ร้านต่อ รู้ว่าเมามากแล้วนั่นเอง
“ไปเถอะอิน”
ชาร์มถือโอกาสตัดสินใจแทน คว้าข้อมือเธอ ทำท่าจะพาไปที่โต๊ะ แต่เจ้าตัวดึงดันไว้ไม่ยอมตามไปง่ายๆ สังหรณ์ใจไม่ดี คนที่พยายามดึงเธอไปก็พูดชวนขึ้นอีก
“นะอิน ไปแป้บเดียวเอง พวกนั้นมันไม่ว่าอะไรอินหรอก ที่อินหายไปนั่งกับเราน่ะ”
“ถ้าผู้หญิงเขาอยากไป คงเดินตามนายไปแล้วล่ะ อย่ามาฉุดกระชากกันแบบนี้เลย น่าเกลียด อ้อ...เห็นปูนบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับเธอด้วยแน่ะ”
ชายใส่แว่นแปลกหน้าว่าขัดขึ้น แล้วยื่นมือมาแตะแขนศศิธิดาอีกข้าง พาออกมาจากตรงนั้นได้อย่างง่ายดาย จะด้วยความรู้สึกอะไรก็สุดจะกล่าวได้ เธอไม่มองหน้าเดือนคณะคนนั้นอีก แล้วยอมเดินตามคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยไปอย่างว่าง่าย
เขามองลอดแว่นลงมายังคนที่อ่อนวัยกว่าด้วยสายตาเอาจริงแลดูดุดันเล็กๆ ไม่อยากมีเรื่องในร้านของเพื่อนรุ่นน้องเช่นกัน เพราะปูนกำลังถูกนายตำรวจท้องถิ่นร่ำๆจะปิดร้านนี้อยู่ หากว่ามีเรื่องอีกครั้งคงได้หมดลู่ทางทำมาหากินแน่ ชายคนที่พาเธอออกมาจากสถานการณ์น่าอึดอัดพูดเสียงเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยการตำหนิดังเดิม
“เพื่อนแต่ละคนนี่ดีดีทั้งนั้นเลยนะ”
พามาจนถึงโต๊ะของเขาก็ปล่อยมือออกทันที ที่นั่นเธอเห็นพี่ปูนนั่งคุยกับเด็กในร้านสองสามคน มองมาด้วยสายตาเต็มไปด้วยคำถาม ค่อยนึกขึ้นได้ว่าเจ้าของต้องการพูดคุยกับเธอตามคำที่ได้ยินมาจากชายใส่แว่นเลยเอ่ยปากออกไป
“พี่ปูน มีอะไรจะคุยกับอินหรือคะ”
เจ้าของชื่อยกแก้วเหล้าชะงักนิ่ง อ้าปากค้าง ชี้มือข้างที่ว่างเข้าหาตัวเอง เหมือนยังงงว่าตนมีอะไรจะคุยกับแม่สาวน้อยคนนี้อย่างนั้นหรือ แล้วหันไปมองหน้าชายหนุ่มที่ลากเธอมายังโต๊ะนี้ พอสบตากันก็พอจะเข้าใจ
ศศิธิดายังคงมึนอยู่อย่างนั้น ไม่ได้รู้ว่าตนเองกำลังจะถูกชายหนุ่มที่เคยออกปากชมชอบว่าหน้าตาหวานหยดแบบผู้หญิงและนิสัยก็คงดีไม่ต่างจากหน้าตา ลากไปปู้ยี้ปู้ยำเสียแล้ว หากไม่มีเขาเข้าไปดึงออกมาเสียก่อน
“นั่งรอตรงนี้”
ชายใส่แว่นบอกเสร็จ เดินกลับไปคุยกับเพื่อนของเธอที่โต๊ะ ลากคนที่พอมีสติมากสุดออกมา เล่าเรื่องให้ฟังคร่าวๆ แล้วย้ำว่าให้ไปส่งเธอที่บ้านเสียที ส่วนกมลฟุบหลับคาโต๊ะไปแล้ว ตลอดทางเพื่อนคนที่ขับรถมาส่งไม่วายเห็นว่ามีรถยนต์คันหนึ่งขับตามมาตั้งแต่ออกจากร้าน จึงเหยียบหนีเพราะคิดว่าเป็นพวกของนายชาร์มที่คงตามมาอีก กว่าจะถึงบ้านได้ เล่นเอาคนที่ขับรถตามมาห่างๆนั่นใจหายใจคว่ำตามไปด้วย
ศศิธิดาโบกมือลาเพื่อน ก่อนเดินเข้าบ้านไปอย่างมึนๆงงๆ ทิ้งตัวลงนอนคว่ำหน้ากับที่นอนแสนนุ่มอยู่อย่างนั้น ไม่ทันเห็น ไม่ทันได้ยินเสียง ว่ามีใครตามเข้ามาในบ้านใหญ่ของเธออีกคนในอีกหลายนาทีถัดมา